เมืองไทย 360 องศา
ไม่ใช่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย สำหรับคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่จะต้องโผล่หัวออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะมีการปรับปรุงและนำไปสู่ขั้นตอนการลงประชามติในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะพิจารณาจากเนื้อหาสาระไม่ว่าจะออกมาเป็นแบบเผด็จการ “หมกเม็ด” หรือต้องการ “ต่อท่ออำนาจ” ในภายหน้าหรือไม่ก็ตาม แต่รับรองว่าย่อมส่งผลกระทบต่อพวก “คนโกง” แบบเขาและคนในครอบครัวของเขาอย่างจังแน่นอน ชนิดที่เรียกว่า “ปิดประตูตาย” กันเลยทีเดียว
มันจึงต้องนำไปสู่การดิ้นรนทุรนทุราย โวยวายเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่านับจากนี้เขาก็จะหาช่องทางอื่นๆ โผล่หน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างถี่ยิบมากขึ้น และจะสร้างความรำคาญมากขึ้นกว่าเดิม แต่ที่น่าสังเกตก็คือคราวนี้เขากลับส่งสัญญาณกันแบบชัดเจน หรือ “หน้าด้าน” มากขึ้นกว่าเดิม นั่นคือการ “ขอเจรจา” เพื่อหาทางออก ซึ่งความหมายแท้จริงก็คือไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง แต่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาและคนในครอบครัวของเขาที่กำลังถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่งหลายคดี
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็เพิ่งเห็นความชัดเจนเป็นครั้งแรกจากฝ่ายอำนาจรัฐที่กำหนดสถานะของ ทักษิณ ชินวัตร เอาไว้อย่างชัดเจนโดยตีค่า “แค่โจร” ไม่มีราคาค่างวดอะไรนัก โดยมีการแสดงท่าทีออกมาให้เห็นกันแบบตรงไปตรงมาในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนัก หลังจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แสดงท่าทีให้เห็นมาแล้ว แต่ระดับรองลงมาก็เพิ่งมีคราวนี้แหละ
เริ่มจาก พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ที่น่าจะเป็นคราวแรกๆที่มีความกล้าหาญกล่าวถึงสถานะของ ทักษิณ ชินวัตร แบบตรงๆ
“คิดว่าท่านอยากคุย แต่หากคิดง่ายๆ ตำรวจคงคุยกับผู้ที่ติดคดีอยู่ลำบาก ต้องเข้าใจในจุดนี้ จริงๆ มีผู้แทนจำนวนมากที่จะพูดคุย เวทีมันเปิดหลายเวที จะทำอย่างไรก็ได้ หรือส่งข้อความมาให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในเรื่องรัฐธรรมนูญ เมื่อมอบสิทธิให้คนกลุ่มหนึ่งร่างแล้วต้องยอมรับ คนที่ทำหน้าที่มีวุฒิภาวะ มีความรู้ ต้องเลือกสิ่งดีๆ ให้ส่วนรวม”
ถัดมาก็เป็น พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแถลงตอบโต้ทันควันว่า “ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มุ่งมั่นร่างขึ้นเพื่อปกป้องดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน การเรียกร้องว่าต้องเจรจาจนกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มพอใจร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นการสำคัญตนเองผิด คิดว่านักการเมืองสำคัญกว่าประชาชน ที่ผ่านมาประเทศเสียหายทั้งจากการทุจริตคอร์รัปชัน และการใช้กำลังก่อความวุ่นวาย ก็ล้วนมีนักการเมืองใหญ่บางคนเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น”
“การเรียกร้องเช่นนี้ถือเป็นตลกร้ายที่ยอมรับไม่ได้ คล้ายทีมเชลซีจะแข่งขันกับทีมแมนฯ ซิตี ผู้จัดการทีมเชลซีคงไม่เชิญทีมแมนฯ ซิตีมาร่วมฟังการวางแผนการเล่นด้วยฉันใด การร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปราบคนโกง ก็ไม่ควรให้คนโกงมาร่วมร่างหรือเจรจาจนคนที่เคยโกงพอใจฉันนั้น”
“รัฐบาลรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย พร้อมพูดคุยเพื่อรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง รวมทั้งนายทักษิณด้วย หากนายทักษิณซึ่งยังเป็นนักโทษหนีคดีกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยอมรับอำนาจตุลาการเฉกเช่นประชาชนทั่วไปที่กระทำผิดแล้วยอมรับผลและคำตัดสินของศาล แต่หากยังคงปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมก็ถือเป็นบุคคลที่ไร้เครดิตความน่าเชื่อถือ เพราะพยายามทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย การจะมาเสนอแนวทางเพื่อร่างกฎหมายจึงเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นและไม่อาจยอมรับได้”
ฟังจากคำพูดดังกล่าวข้างต้นถือว่ามีความชัดเจนว่า ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสถานะเป็นนักโทษไม่ต่างจากโจร ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอความคิดเห็น แถมนักโทษคนนี้ไม่เคยยอมรับกระบวนการยุติธรรม ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องกฎหมายและทำตัวเป็นผู้หวังดีต่อบ้านเมืองเป็นอันขาด
สำหรับชาวบ้านที่ติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจและรู้ทันก็น่าจะได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วรู้ๆกันอยู่ แต่สำหรับฝ่ายอำนาจรัฐก็น่าจะเพิ่งเห็นระดับรองๆลงมาที่ออกมาชนแบบนี้ นั่นก็คงเข้าใจตรงกันแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องออกแอ็กชันรุนแรงกลับไปได้แล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการกำหนดสถานะของ ทักษิณ ชินวัตร ตามหลักการคือ “โจร” ได้อย่างชัดเจนก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังแล้ว สิ่งที่ต้องดำเนินการนอกเหนือจากนี้ก็คือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องสร้างผลงานให้เป็นที่จดจำแก่ประชาชนเสียก่อนว่าในปัจจุบันและก่อนหน้านี้ได้ทำอะไรไปแล้วบ้างที่ “ชาวบ้านจับต้องได้” มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง เพราะหากจะกำจัด ทักษิณ ชินวัตร ให้ลบเลือนไปจากหัวใจของคนไทยกลุ่มหนึ่งอย่างได้ผลก็ต้องมีสิ่งดังกล่าวปรากฏออกมาให้เห็นเปรียบเทียบได้ชัดเจนกว่า
เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศเอาไว้ตั้งแต่ต้นเมื่อเข้ามาว่าจะปฏิรูปอย่างรอบด้าน แต่คำถามก็คือเวลานี้มีเรื่องใหญ่ๆ สักเรื่องที่ชาวบ้านต้องการ ไม่ต้องถึงขั้นทำสำเร็จหรอ กแค่พอมีแนวโน้มให้เห็นแล้วหรือยัง ปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าเกษตรทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ โครงการเมกะโปรเจกต์ที่เพียงแค่นำมาสานต่อได้เดินหน้าไปกี่โครงการแล้ว เพราะสิ่งที่เริ่มมองเห็นก็คือทุกอย่างทำท่าจะหยุดอยู่กับที่ กำลังประคองตัวลาโรงอยู่หรือเปล่า หากเป็นแบบนั้นมันก็ “เสียของ” และรอวันที่ “หุ่นเชิด” รายใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร จะปรากฏตัวขึ้นในการเลือกตั้งปีหน้า และรอวันปั่นป่วนอีกครั้ง!