เมืองไทย 360 องศา
บรรดากูรูทางเศรษฐกิจล้วนทำนายออกมาตรงกันแล้วว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. 2559 ไม่สดใสฟื้นตัวอย่างที่คาดหวังกันเอาไว้ เพราะหากพิจารณาจากการพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอก ที่โครงสร้างยังต้องพึ่งพาการส่งออก ก็ต้องบอกว่ายังหนักหนา แม้ว่าในเบื้องต้นยังไม่มีแนวโน้มถึงขั้นสาหัส แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า “หนัก”
อย่างการส่งออกที่เคยคาดหวังกันว่าปีนี้จะพลิกกลับมาเป็นบวกเติบโตร้อยละ 5 มาถึงตอนนี้หลายฝ่ายฟันธงกันตรงกันว่าโตได้ร้อยละ 2 ถือว่าเก่งแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเอาใจช่วย เพราะถ้าแย่ทุกคนก็ต้องแย่กันไปหมด
นั่นคือ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่จะลามกระทบมาถึงเศรษฐกิจภายใน โดยเฉพาะที่น่าหนักใจ ก็คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ย่ำแย่ต่อเนื่องมาสองสามปีแล้ว และหนักหนาสาหัสลงกว่าเดิม และที่น่าจับตา ก็คือ ปีนี้กลับมีการคาดว่าจะเจอภัยแล้งซ้ำเติมเข้ามาอีก กลายเป็นสองเด้ง และที่น่าเป็นห่วง ก็คือ ด้วยภาวะแบบนี้หากความทุกข์ของชาวบ้านยาวนานเกินไป ทำให้ความคาดหวังลดลงหรือหมดไปมันก็จะส่งผลร้ายต่อรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะแม้ว่าจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จล้นมือ แต่เมื่อความศรัทธาลด ชาวบ้านมีความสิ้นหวัง มันก็บริหารลำบาก ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นกับตามาหลายครั้งแล้ว
แน่นอนว่า สำหรับรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่มีข้อยกเว้น นาทีนี้กำลังก้าวเดินเข้าสู่ปีที่สาม คงไม่สามารถใช้คำพูดแบบเดิมได้อีกแล้ว ประเภทที่ว่ามันต้องใช้เวลาในการแก้ไข ก็คงพูดแบบเดิมได้ไม่เต็มปากอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาระยะเวลามันพอสมควรแล้ว แม้ว่าจะเข้าใจว่าปัญหาหลายเรื่องมันยากและซับซ้อน แต่ทุกอย่างมันพิสูจน์กันด้วยความเป็น “นักบริหาร” เพราะยิ่งนานไปยังพูดแบบเดิมมันก็คือ “การแก้ตัว” เป็นการว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหนนั่นแหละ
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็อยู่ภาวะกดดันมากขึ้นตามลำดับ เพราะความคาดหวังตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีมากเป็นพิเศษ แต่ในตอนนี้ปัญหาปากท้อง เรื่องราคาสินค้าเกษตร ต้องยอมรับความจริงว่า ยัง “สอบตก” เพราะเมื่อเปรียบเทียบอำนาจเบ็ดเสร็จในมือเมื่อเทียบกับผลงานที่เป็นอยู่ในเวลานี้ต้องบอกว่า “น่าผิดหวัง”
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในภาพของความไร้ประสิทธิภาพ มีผลงานน่าผิดหวังดังกล่าว ก็มองเห็นสาเหตุบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน นั่นคือ “ข้าราชการเกียร์ว่าง” ทำให้หลายโครงการที่สั่งการลงไปไม่มีการขับเคลื่อน หรือขับเคลื่อนได้ช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน มีการผลักดันสารพัดโครงการทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มีการเบิกจ่ายงบประมาณลงไปกระตุ้น ซึ่งผ่านมาสองสามปี งบประมาณแล้วก็ยังมีเสียงบ่นเรื่องความล่าช้าแบบเดิม จนกระทั่งล่าสุดต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานกันเรียงตัว และให้มีผลต่อการโยกย้ายแต่งตั้งในเดือนตุลาคมปีนี้กันเลย
ที่น่าจับตาก็คือ ยิ่งรู้ว่าตามโรดแมปที่ประกาศเอาไว้รัฐบาล คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องไปหลังราวเดือนมิถุนายน 2560 เวลาที่เหลืออีกปีกว่าพวกเขารอได้ รอให้พวกนักการเมืองกลับมาตอนนี้ก็ทำหูทวนลมไปก่อน แต่ขณะเดียวกัน ในมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ นาทีนี้ถือว่าเริ่มมีความกดดัน นั่งไม่ติด เพราะเวลานับถอยหลังใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเวลาผ่านไปต้องมีผลงานให้ปรากฏจับต้องกันได้บ้างแล้ว ประเภทก่นด่านักการเมืองว่าสร้างปัญหานั้นคงพูดแบบเดิมไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ราคาสินค้าเกษตรต้องทำให้เกษตรกรมีความหวังได้บ้าง
คราวก่อนมีปัญหาวิกฤตเรื่องราคายางพาราที่เพิ่งตื่นตัวเข้าไปแก้ไข ทั้งเฉพาะหน้ามีการเจียดงบประมาณไปรับซื้อเพื่อดึงราคาในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 45 บาท ขณะเดียวกัน ก็ตื่นตัวให้หน่วยงานรัฐและเอกชนช่วยกันนำยางพาราไปแปรรูปให้มากที่สุดเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลเป็นจริงแค่ไหน เพราะเมื่อปีที่แล้วเมื่อครั้งที่ราคายางลงมาเหลือกิโลรัมละ 60 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยสั่งการแบบนี้มาแล้วแต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องก็เงียบ
แม้ว่าจะเสร็จจากเรื่องยาง ปัญหาถูกสกัดเอาไว้ได้อีกสักพัก แต่ที่เป็นสัญญาณก่อหวอดขึ้นมาในอนาคตก็คือเรื่องปัญาหาราคาข้าว ที่หากพิจารณาตามความเป็นจริงจนถึงเวลานี้ราคาก็ยังตกต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งปัญหาแบบนี้แหละที่ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้กลุ่มการเมืองเก่าหยิบยกขึ้นมาโจมตีทำลายศรัทธาและความคาดหวังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไม่ยาก และหากสำรวจกันในเวลานี้ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแบบนั้นจริง ๆ
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มันก็แน่นอนว่า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่งไม่ติด อย่างน้อยก็ต้องแก้เกมกันมั่ง และแม้ว่าการเดินทางไปตรวจราชการและเยี่ยมเยียนพบปะชาวบ้านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในสองจังหวัดภาคเหนือตอนล่างอย่างนครสวรรค์ และชัยนาท แต่อีกด้านหนึ่งหากมองในเชิงการเมืองมันก็เหมือนกับการเดินสาย “เช็กเรตติ้ง” ไปในตัวอีกทั้งที่น่าจับตา ก็คือ ยังเป็นการขันนอตตรวจสอบการทำงานของบรรดาข้าราชการอีกด้วยยังเกียร์ว่างกันมากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะหากพิจารณาตามพื้นที่ตามแบ็กกราวนด์ที่ผ่านมาก็เคยเป็นพื้นที่ “สีแดง” มาก่อน
อีกทั้งในช่วงเวลาเดียวกันก็ยังมีความเคลื่อนไหวที่ “น่ารำคาญ” นั่นคือ เป็นความจงใจที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไปป้วนเปี้ยนในแถบภาคเหนือตอนบน คือ เชียงราย เพื่อหวังแชร์ข่าว แต่ว่าบังเอิญว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจอกระแสงานศพพระเอกดังกลบเสียสนิท กลบเสียจนมิด
อย่างไรก็ดี สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อว่า นับจากนี้ไปคงได้เห็นการเดินสายลงพื้นที่พบชาวบ้านถี่ยิบมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องขันนอตทั้งบรรดารัฐมนตรีให้ช่วยกันเร่งมือทำงานให้มากเดิม เพราะเวลาที่เหลือใกล้นับถอยหลังเต็มทีแล้ว และนาทีนี้อย่าได้คิดในเรื่อง “อยู่ยาว” เอาแค่ประคองตัวจบให้สวยก็น่าจะเหนื่อยแล้ว !!