รัฐบาลยืนยัน น้ำอุปโภค บริโภค พอใช้ตลอดช่วงแล้ง แต่ต้องประหลัด พร้อมเร่งระดมแจกจ่ายน้ำพื้นที่แห้งแล้ง ขณะเดียวกัน เชิญชวนประชาชนรดน้ำดำหัว แทนสาดน้ำใส่กันช่วงสงกรานต์ นายกฯฝากขอบคุณ กระทรวงศึกษาฯ สทศ. ดำเนินการเป็นรูปธรรมปรับจำนวนวิชาโอเน็ต ลดความเครียดนักเรียน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสข่าวจะมีน้ำใช้ไม่เพียงพอในช่วงฤดูแล้งนี้ ว่า ไม่เป็นความจริง ข้อมูลน้ำของกรมชลประทานล่าสุดมีปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลัก 3,068 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นตัวเลขจริงที่ใช้สื่อสารกับประชาชน ไม่รวมน้ำตาย หรือน้ำก้นเขื่อนที่มีตะกอน รวมทั้งยืนยันว่ามีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศผลักดันน้ำเค็มตามลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพียงพอไปจนสิ้นฤดูแล้ง ส่วนภาคการเกษตรนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่เข้าใจดีแล้วว่ามีน้ำไม่เพียงพอ แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องการปลูกข้าวต่อไป โดยยืนยันว่าจะรับความเสี่ยงเอง
“แม้ปริมาณน้ำทุกเขื่อนจะเพียงพอที่จะจัดสรรไปหล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศตลอดฤดูแล้ง แต่ต้องยอมรับว่าบางพื้นที่เกิดภาวะแล้งจริง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัย 46 อำเภอ 12 จังหวัด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถอนุมัติงบประมาณไปใช้ในระดับอำเภอและท้องถิ่น และขอรับการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำหรือเครื่องสูบน้ำได้ ส่วนภาคการเกษตร ครม.ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผ่าน ธ.ก.ส. รวมกว่า 9.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 670,000 ราย”
พล.ต.สรรเสริญ ยืนยันว่า รัฐบาลยังเตรียมเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ซึ่งเป็น 1 ใน 8 มาตรการรับมือวิกฤตภัยแล้ง โดยจะปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 มี.ค. นี้ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กาญจนบุรี อุดรธานี นครราชสีมา จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และจะดำเนินการขุดบ่อบาดาลเพิ่มอีก 2,000 บ่อ ภายในเดือน เม.ย. ในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 225,733 ครัวเรือน
“ท่านนายกฯ เป็นห่วงเรื่องปัญหาภัยแล้งมาก และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด โดยขอให้ทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างประหยัดและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โดยเคร่งครัด ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมการจ่ายน้ำของการประปา ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมรณรงค์ให้คนไทยประหยัดน้ำอย่างจริงจัง และเชิญชวนประชาชนใช้การรดน้ำดำหัวแทนการเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำและสืบสานวัฒนธรรมที่งดงาม นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ ก.การท่องเที่ยวฯ เป็นหน่วยงานหลัก สร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องปริมาณน้ำใน โรงแรมที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย”
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณไปยังกระทรวงศึกษาธิการ และ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สทศ. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ที่ร่วมกันผลักดันนโยบายปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบอย่างจริงจัง โดยที่ปรากฎเป็นรูปธรรมประการหนึ่งคือการปรับลดจำนวนวิชา ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) จาก 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เหลือ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งเริ่มในการสอบประจำปีการศึกษา 2558 ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
“จากการตรวจสอบความคิดเห็นของนักเรียน ก็พบว่า นโยบายดังกล่าวช่วยลดความเครียดในการเตรียมสอบลง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้มีเวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวมากขึ้น ในส่วนของผู้ปกครอง พบว่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเรียนกวดวิชาลง และทำให้ไม่ต้องเครียดและกดดันตามบุตรหลานไปด้วย ซึ่งถือเป็นเป้าหมายส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษาที่ต้องการให้เยาวชนไทยได้ใช้เวลาเรียนรู้รอบด้าน มีทักษะชีวิตที่เหมาะสม ใช้เวลาในการออกกำลังกาย แทนที่จะต้องคร่ำเคร่งกับการศึกษาเนื้อหาเชิงวิชาการเพียงด้านเดียว”
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรียังได้ฝากส่งกำลังใจให้กับน้อง ๆ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน ซึ่งจะเข้าสอบโอเน็ตในวันเสาร์ที่ 27 นี้ และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทั่วประเทศ ที่จะเข้าสอบในวันเสาร์ และอาทิตย์นี้ โดยขอให้ทุกคนทำเต็มที่ตามที่ได้เตรียมตัวมา และยึดมั่นในระเบียบกติกาการสอบอย่างเคร่งครัด ผลการสอบที่ได้จึงจะถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง