“ประยุทธ์” บินเยือนอุทัยพร้อมคณะฯ มอบนโยบายปฏิรูปที่ดิน แก้รุกป่า จัดระเบียบเกษตรใหม่ จี้กลับไปเป็นชาติเอื้อเฟื้อ รังเกียจทุจริต เลือกตั้งกำหนดชะตาอย่าให้ถูกชี้นำ แย้มเช้าที่ชาวบ้านทำแก้มลิง ป้อง รมว.เกษตรฯ ทำงานหนัก ไงก็ไม่เปลี่ยน ไม่เอื้อประโยชน์ไม่ต้องการคะแนนเสียง ย้ำยุทธศาสตร์ชาติสะเปะสะปะไม่ได้ ทุก รบ.ไม่ใช่แก้ปัญหาแต่พวกตัวเอง ปชช.มีสิทธิโวยนโยบาย จี้พัฒนารับการแข่งขันสูง
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ พล.ม.2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุทัยธานี จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางถึงสำนักงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา ต.ระบํา อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมีนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าฯ จ.อุทัยธานี ข้าราชการ ประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด จากนั้นนายกฯ เป็นประธานสักขีพยานพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 400 ไร่ 62 ครัวเรือน จากพื้นที่ทั้งหมด 3,239 ไร่ ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ปฏิรูปที่ดิน ต.ระบำ และมอบปัจจัยการเกษตร
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายว่า การปฏิรูปที่ดินครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้และประชาชนยากไร้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ถือเป็นส่วนหนึ่งการปฏิรูปประเทศ พื้นที่เกษตรต้องมาจัดระเบียบใหม่ด้วย ไม่ทำนาปรัง 3-4 ครั้งต่อปี ถ้าไม่อย่างนั้นเดือดร้อนมากกว่าเดิม น้ำไม่พอแน่ รัฐบาลพยายามลงรายละเอียดให้มากที่สุด แต่อาจมองว่ารัฐบาลยุ่งเกินไปหรือเปล่า เป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าแบบนี้ แล้วที่ผ่านมาที่ว่าเป็นประชาธิปไตยมากๆ แล้วเป็นอย่างไร ต้องกลับไปเป็นประเทศที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รังเกียจคนทุจริต อย่าให้ใครมาบิดเบือนอีกต่อไป ตนพูดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ ไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว สงสารประชาชน ตนเป็นทหาร ทุกคนเป็นทหาร ข้าราชการ ทุกคนถูกทับซ้อนทั้งหมด การบริหารราชการไม่สามารถทำเป็นชิ้นเป็นอันได้ ประเทศถูกซอยย่อยด้วยกระบวนการที่ผ่านมา วันนี้ต้องไม่ทำแบบนั้นอีก ต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง การเลือกตั้งที่จะมาในอนาคตท่านต้องกำหนดอนาคต ชะตาชีวิตตัวเอง ดังนั้นอย่าให้คนมาชี้นำ
นายกฯ กล่าวว่า ต้องปฏิรูปที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็วทั้งประเทศ และตนจะลงพื้นที่ทุกเดือน สิ่งที่ในพื้นที่เผชิญอยู่คือความแห้งแล้ง เพราะปลูกต้นยูคาลิปตัสมากเกินไป เสียเงินขุดตอกว่า 7 ล้านบาท แล้วจะปลูกอะไรขึ้นได้ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากฟื้นฟู ระบบบริหารจัดการน้ำก็ทำไม่ได้ ซึ่งตนกำลังให้นโยบายใหม่ว่า ให้จังหวัดนำที่ของชาวบ้านที่ทำมาหากินแล้วมีรายได้น้อย ให้ภาครัฐไปคุยแล้วเช่าที่ขุดบ่อน้ำใหญ่ๆ เหมือนกับที่เราทำแก้มลิง ต้องไปดูว่ากฎหมายทำได้หรือไม่ ที่ไม่ใช่เอาพื้นที่ทั้งหมดมาเวนคืน
“อยากให้เห็นใจ รมว.เกษตรและสหกรณ์ด้วย ท่านทำงานทุกวันแล้วมาบอกว่า ไม่ชอบ รมว.เกษตรฯ ถึงไม่ชอบก็ไม่เปลี่ยน เพราะเขาเหนื่อยและเหนื่อยกันทุกคน จากปัญหาที่ทับซ้อนมากมายมหาศาล แต่วันนี้ดีขึ้น ขอบคุณข้าราชการที่ให้ความร่วมมือ แต่ช้าบ้างเร็วบ้าง ก็ต้องปรับเปลี่ยนและปฏิรูปตัวเองทั้งหมด ทั้งข้าราชการ รัฐบาล ประชาชน ภาคประชาสังคมและนักการเมือง รัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น และทุกรัฐบาลต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบเดิมก็ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำแล้วดีใจเมื่อได้คะแนนเสียงเข้ามา แต่ตนไม่ต้องการสักคะแนน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้นึกถึง 20 ปีข้างหน้านั่นคือยทธศาสตร์ที่ต้องวางจัดทำแบบสะเปะสะปะไม่ได้แล้ว และไม่ได้บังคับใคร แต่วางไว้ว่าควรจะทำอะไร โดยทุกๆ รัฐบาลจะต้องแลทุกพื้นที่ให้ทั่วถึง ส.ส.ต้องดูแลพื้นที่ ส่งข้อมูลปัญหามายังรัฐบาลเพื่อจัดทำแผนไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะพวกของตัวเอง ทุกรัฐบาลต้องทำแบบนี้ พรรคการเมืองจะทำตามนโยบายของตัวเองก็ว่าไปแต่อย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหาย อย่างนี้พอไปได้หรือไม่ เข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผู้ว่าฯ ก็ต้องไปคุยต่อ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเกิดโดย ส.ส.ทุกอย่างต้องรายงานมาที่รัฐบาลเพื่อวางแนวทางให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ปลายทาง รัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศจะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง ขณะเดียวกันประชาชนก็มีสิทธิ์ท้วงติงว่านโยบายไหนที่ดี หรือนโยบายใดที่จะทำให้เกิดความเสียหาย “วันนี้ถ้าผมทำไม่ได้ ผมก็ผิดด้วย ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือก็ไปไม่ได้ ก็ถือว่าผิดด้วยกัน อย่างพื้นที่ ต.ระบำ ถือเป็นตัวอย่าง ต่อไปขอให้ใช้เป็นชื่อสหกรณ์เริงระบำก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องคิดถึงคนอื่นให้มาก ตนรู้สึกเสียใจที่ประเทศไทยพัฒนาได้ช้า ซึ่งเราดูแลทุกคนในประเทศไม่ใช่ดูแลเพียงกลุ่มใดกลุ่มเดียว ที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาเพราะการเลือกดูเพียงบางกลุ่มทำให้เกิดความขัดแย้ง เราต้องการให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ และหาอาชีพเสริม วันนี้ต้องทำให้พื้นที่ของตัวเองพัฒนา มีความแข็งแรง เพื่อที่จะไม่ต้องออกไปทำงานที่อื่น และประชาชนต้องเตรียมพร้อมการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยการสร้างความเชื่อมโยง ซึ่งรัฐบาลได้เริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง เพื่อพัฒนาการเชื่อมโยง ขณะที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่ง เป็นประชารัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะได้เรียกผู้ว่าฯ อุทัยธานี พร้อมข้าราชการขึ้นเวที เพื่อร่วมร้องเพลง “แผ่นดินของเรา ”โดยนายกฯ กล่าวหยอกล้อกับข้าราชการว่า “ใครไม่ขึ้นมาร้องเพลง ก็อย่าให้เห็นชื่อปรากฏในช่วงเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.ก็แล้วกัน”