สะเก็ดไฟ
ยิ่งกว่าชัด! ข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งไปให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ของซือแป๋ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ปรับแก้ชัดแจ้งแดงแจ๋ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะข้อ 16 ที่อยากให้แบ่งรัฐธรรมนูญออกเป็น 2 ระยะ คือ ช่วงแรก หรือเฉพาะกิจ ให้มีหลักเกณฑ์อย่างหนึ่งเสมือนข้อยกเว้นตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หลังจากนั้นในระยะต่อไปค่อยเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากล
เข้าใจง่ายๆ คือ ช่วงแรกให้มีประชาธิปไตยแบบแป๊ะๆ ไปก่อน พอสถานการณ์สงบค่อยใช้ประชาธิปไตยแบบเต็มใบทีหลัง
งานนี้เรียกแขกกันได้มโหฬาร ทั้งบาจา คอนเวอร์ส มากันโดยมิได้นัดหมาย เปลี่ยนจาก กรธ.กลายมาเป็น ครม.ที่เป็นหมู่บ้านเกือกกระหน่ำทันที ที่ชงข้อเสนอสุดโต่งสุดพิสดารแบบนี้ให้ กรธ.บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ กรธ.ก็โดนหางเลข ดักคอด้วยคำผรุสวาทดักคอเอาไว้แต่เนิ่นๆ
แม้จะเป็นเพียงข้อเสนอแนะของ ครม.เท่านั้น กรธ.จะสามารถปฏิบัติตามหรือไม่ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีกฎหมายผูกมัดให้ต้องทำ แต่การยื่นไปลักษณะนี้ก็เป็นอันรู้กันว่า เจตนาของ คสช.ยังหวาดระแวง และไม่ไว้ใจฝ่ายการเมืองหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ยังหาทางต่อท่ออำนาจในทางใดทางหนึ่งอยู่
อย่างก่อนหน้านี้ ในร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... ก็ปลุกเสกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาหนึ่งชุด เข้ามานั่งทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประเทศ คอยจ้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งว่าจะทำนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช.ไข่ทิ้งเอาไว้ให้ได้หรือไม่ แต่ดูแล้วคงไม่หนำใจ อยากจะอยู่ต่อแบบมีดาบในมือด้วย แถมการอยู่ต่อยังเป็นการอยู่ตามรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก ไม่สนคนนินทาเลยว่าเอาคณะรัฐประหารไปยัดไส้ไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นเรื่องของประชาธิปไตย
แต่เดิมมาตรา 44 ที่ติดตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตั้งแต่วันแรกที่ขับรถถังเข้ามายึดอำนาจจะสิ้นสภาพลงหลังได้รัฐบาลใหม่ ซึ่งแค่นั้นหลายคนก็ค่อนแคะกันจะเป็นจะตายแล้วว่ากำอำนาจไว้จนนาทีสุดท้าย ทั้งที่การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ให้โปร่งใส ไม่ควรมีอำนาจพิเศษอะไรมาคร่อมหรือขี่อยู่ เพราะมันอาจถูกตั้งแง่จากสายตาชาวโลกได้ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีอิสระอย่างแท้จริง
แต่นี่ คสช.จะเอากันถึงขั้นอยู่ต่อไปอีกระยะ แม้มีรัฐบาลใหม่แล้ว แล้วจะต่างอะไรกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในร่างรัฐธรรมนูญของ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ถูกคว่ำไป เพียงแค่รอบนี้แป๊ะไม่ได้ส่งใบสั่งชัดเหมือนรอบ คปป. แต่ให้โจทย์กว้างๆ มา แต่จะไม่ว่าอย่างไรความหมายก็อีหรอบเดียวกันเหมือนเดิมอยู่ดี คือ ต้องมีที่ยืนและอำนาจให้กับแป๊ะอยู่ในรัฐธรรมนูญแบบชอบธรรม
กระนั้นก็ตาม นอกจากเรื่องเนื้อหาที่สุดลิ่มทิ่มประตูเที่ยวนี้ที่ชวนให้ระแคะระคายของฝั่งผู้มีอำนาจในปัจจุบัน การเสนอแนะครั้งนี้ยังดูเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่างระหว่าง ครม. กับ กรธ. โดยเฉพาะการเสนอแบบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่เรียกว่าโจ๋งครึ่มกันเลย แตกต่างจากเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งแอบมีใบสั่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สอดไส้ คปป.เข้าไปในรัฐธรรมนูญในช่วงสุดท้ายของการร่าง ชวนให้สงสัยว่า ทั้ง ครม.และ กรธ.กำลังเล่นปาหี่ฉากใหญ่หลอกคนดูกันอยู่
โดยการให้ ครม.เสนอแนะแบบสุดโต่งเข้ามา แต่ไม่เขียนรูปแบบเอาไว้ ตีเช็คเปล่าให้ กรธ.ไปออกแบบกันเอง เพื่อไม่ให้ดูเจาะจงว่า คสช.ออกแบบสำเร็จรูปมาให้แล้วเหมือนกับ คปป. ในขณะที่ กรธ.ก็แสร้งเล่นตัว ไม่เข้าใจความหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้รู้กัน และทำท่าว่าจะไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ ครม.เสนอมา
แต่ในที่สุด กรธ.ก็จะไปหาทางบัญญัติเอาไว้แบบแยบยล ไม่สุดโต่งเหมือนกับที่ ครม.เสนอมาทั้งดุ้น ทำนองว่าพบกันครึ่งทาง ไม่ได้ทำตามใบสั่งของ ครม. เพราะในแง่ความเป็นจริงข้อเสนอแนะดังกล่าวมันก็ย้อนแย้งกับสิ่งที่ครม.ระบุว่าจะยึดตามโรดแมปเดิมคือ มีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2560
แต่อย่างไรเสีย กรธ.ก็ต้องเขียนทางหาออกหากเกิดวิกฤตเอาไว้ เพราะเป็นเจตนารมณ์ของ “บิ๊กตู่” ที่ต้องการประตูหนีไฟยามฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ก่อนจะเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยซ้ำ
ฉะนั้น บางทีคนดูอาจกำลังนั่งดูละครฉากใหญ่อยู่ก็เป็นได้!
สำหรับ คสช. มาถึงตรงนี้จุดยืนยังคงเดิมเหมือนที่ถูกครหามาตลอด คือ พฤติกรรมส่อไปในทางอยากอยู่ยาว เพราะไม่ไว้วางใจสถานการณ์หลังจากลงจากหลังเสือ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการกลับเข้ามาของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม แล้วทำระยำตำบอนกันอีกรอบ หรือการถูกนักการเมืองคู่อริไล่เช็กบิลเอาคืนในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ตลอดจนกลัวสิ่งที่ตัวเองทำไว้เสียของ โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ทุกวันนี้ยังยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกั๊กกันอยู่ ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน จะไม่ได้รับการสานต่อ
คสช.จึงจำเป็นต้องสร้างกลไกต่อท่ออำนาจเอาไว้ ซึ่งใจจริงก็ยังไม่อยากละมือตอนนี้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ “บิ๊กตู่” ดันไปเที่ยวป่าวประกาศกับต่างชาติ รวมไปถึงพี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกา ที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นต้นแบบชาติประชาธิปไตยเอาไว้ซะแล้วว่า จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2560 ดังนั้น จะยื้อแบบเดิมก็อยู่ลำบาก พลันจะทำให้ถูกกดดันจากนานาชาติ นอกจากนี้ ตัว “บิ๊กตู่” เองจะเสียเครดิตที่ไม่รักษาคำพูด เป็นผู้นำที่ตระบัดสัตย์
เมื่อลากแบบดื้อๆ ไม่ได้ ก็ซ่อนรูปมันเข้าไปในรัฐธรรมนูญแบบเนียนๆ ซึ่งก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงปรมาจารย์ด้านกฎหมายอย่าง “ซือแป๋มีชัย” ที่โชกโชนเรื่องซิกแซกวางข่ายกลเอาไว้ในกฎหมายอยู่แล้วที่จะให้เป็นไปตามความประสงค์
ดังนั้น ต่อให้จะถูกคว่ำอีกกี่ฉบับ วัตถุประสงค์ของ คสช.ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เข้ามา คือ ลากยาวเพื่อควบคุมสถานการณ์ของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งไม่ใช่แค่ 3-4 ปี แต่มากกว่านั้น ให้โดนค้านโดนต้านเสียหมูเสียหมาอย่างไร แต่รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งที่เข้ามาอย่างไรก็ไม่มีวันปล่อยให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแน่ เพียงแต่มันจะออกมาในลักษณะไหนเท่านั้น จะ คปป. จะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะคณะกรรมการสัพเพเหระที่แล้วแต่จะไปตั้งชื่อกันมา แต่ความมุ่งหมายคือ เป็นคนคอยถ่วงดุลในฐานะผู้มีอำนาจตัวจริง
เรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดคนหนึ่งว่า คสช.ต้องการอยู่ยาวก็คือ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ ที่ออกมาเปิดเผยความในใจเที่ยวล่าสุดว่า เสียใจที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกทำแท้งในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่เมื่อว่ารู้เจตนาของ คสช. ที่คว่ำร่างฯ ตัวเอง ก็พอทำใจได้
นั่นคือเขาอยากอยู่ยาว...
ยิ่งกว่าชัด! ข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งไปให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ของซือแป๋ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ปรับแก้ชัดแจ้งแดงแจ๋ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะข้อ 16 ที่อยากให้แบ่งรัฐธรรมนูญออกเป็น 2 ระยะ คือ ช่วงแรก หรือเฉพาะกิจ ให้มีหลักเกณฑ์อย่างหนึ่งเสมือนข้อยกเว้นตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หลังจากนั้นในระยะต่อไปค่อยเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากล
เข้าใจง่ายๆ คือ ช่วงแรกให้มีประชาธิปไตยแบบแป๊ะๆ ไปก่อน พอสถานการณ์สงบค่อยใช้ประชาธิปไตยแบบเต็มใบทีหลัง
งานนี้เรียกแขกกันได้มโหฬาร ทั้งบาจา คอนเวอร์ส มากันโดยมิได้นัดหมาย เปลี่ยนจาก กรธ.กลายมาเป็น ครม.ที่เป็นหมู่บ้านเกือกกระหน่ำทันที ที่ชงข้อเสนอสุดโต่งสุดพิสดารแบบนี้ให้ กรธ.บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ กรธ.ก็โดนหางเลข ดักคอด้วยคำผรุสวาทดักคอเอาไว้แต่เนิ่นๆ
แม้จะเป็นเพียงข้อเสนอแนะของ ครม.เท่านั้น กรธ.จะสามารถปฏิบัติตามหรือไม่ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีกฎหมายผูกมัดให้ต้องทำ แต่การยื่นไปลักษณะนี้ก็เป็นอันรู้กันว่า เจตนาของ คสช.ยังหวาดระแวง และไม่ไว้ใจฝ่ายการเมืองหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ยังหาทางต่อท่ออำนาจในทางใดทางหนึ่งอยู่
อย่างก่อนหน้านี้ ในร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... ก็ปลุกเสกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาหนึ่งชุด เข้ามานั่งทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประเทศ คอยจ้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งว่าจะทำนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช.ไข่ทิ้งเอาไว้ให้ได้หรือไม่ แต่ดูแล้วคงไม่หนำใจ อยากจะอยู่ต่อแบบมีดาบในมือด้วย แถมการอยู่ต่อยังเป็นการอยู่ตามรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก ไม่สนคนนินทาเลยว่าเอาคณะรัฐประหารไปยัดไส้ไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นเรื่องของประชาธิปไตย
แต่เดิมมาตรา 44 ที่ติดตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตั้งแต่วันแรกที่ขับรถถังเข้ามายึดอำนาจจะสิ้นสภาพลงหลังได้รัฐบาลใหม่ ซึ่งแค่นั้นหลายคนก็ค่อนแคะกันจะเป็นจะตายแล้วว่ากำอำนาจไว้จนนาทีสุดท้าย ทั้งที่การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ให้โปร่งใส ไม่ควรมีอำนาจพิเศษอะไรมาคร่อมหรือขี่อยู่ เพราะมันอาจถูกตั้งแง่จากสายตาชาวโลกได้ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีอิสระอย่างแท้จริง
แต่นี่ คสช.จะเอากันถึงขั้นอยู่ต่อไปอีกระยะ แม้มีรัฐบาลใหม่แล้ว แล้วจะต่างอะไรกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในร่างรัฐธรรมนูญของ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ถูกคว่ำไป เพียงแค่รอบนี้แป๊ะไม่ได้ส่งใบสั่งชัดเหมือนรอบ คปป. แต่ให้โจทย์กว้างๆ มา แต่จะไม่ว่าอย่างไรความหมายก็อีหรอบเดียวกันเหมือนเดิมอยู่ดี คือ ต้องมีที่ยืนและอำนาจให้กับแป๊ะอยู่ในรัฐธรรมนูญแบบชอบธรรม
กระนั้นก็ตาม นอกจากเรื่องเนื้อหาที่สุดลิ่มทิ่มประตูเที่ยวนี้ที่ชวนให้ระแคะระคายของฝั่งผู้มีอำนาจในปัจจุบัน การเสนอแนะครั้งนี้ยังดูเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่างระหว่าง ครม. กับ กรธ. โดยเฉพาะการเสนอแบบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่เรียกว่าโจ๋งครึ่มกันเลย แตกต่างจากเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งแอบมีใบสั่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สอดไส้ คปป.เข้าไปในรัฐธรรมนูญในช่วงสุดท้ายของการร่าง ชวนให้สงสัยว่า ทั้ง ครม.และ กรธ.กำลังเล่นปาหี่ฉากใหญ่หลอกคนดูกันอยู่
โดยการให้ ครม.เสนอแนะแบบสุดโต่งเข้ามา แต่ไม่เขียนรูปแบบเอาไว้ ตีเช็คเปล่าให้ กรธ.ไปออกแบบกันเอง เพื่อไม่ให้ดูเจาะจงว่า คสช.ออกแบบสำเร็จรูปมาให้แล้วเหมือนกับ คปป. ในขณะที่ กรธ.ก็แสร้งเล่นตัว ไม่เข้าใจความหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้รู้กัน และทำท่าว่าจะไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ ครม.เสนอมา
แต่ในที่สุด กรธ.ก็จะไปหาทางบัญญัติเอาไว้แบบแยบยล ไม่สุดโต่งเหมือนกับที่ ครม.เสนอมาทั้งดุ้น ทำนองว่าพบกันครึ่งทาง ไม่ได้ทำตามใบสั่งของ ครม. เพราะในแง่ความเป็นจริงข้อเสนอแนะดังกล่าวมันก็ย้อนแย้งกับสิ่งที่ครม.ระบุว่าจะยึดตามโรดแมปเดิมคือ มีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2560
แต่อย่างไรเสีย กรธ.ก็ต้องเขียนทางหาออกหากเกิดวิกฤตเอาไว้ เพราะเป็นเจตนารมณ์ของ “บิ๊กตู่” ที่ต้องการประตูหนีไฟยามฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ก่อนจะเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยซ้ำ
ฉะนั้น บางทีคนดูอาจกำลังนั่งดูละครฉากใหญ่อยู่ก็เป็นได้!
สำหรับ คสช. มาถึงตรงนี้จุดยืนยังคงเดิมเหมือนที่ถูกครหามาตลอด คือ พฤติกรรมส่อไปในทางอยากอยู่ยาว เพราะไม่ไว้วางใจสถานการณ์หลังจากลงจากหลังเสือ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการกลับเข้ามาของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม แล้วทำระยำตำบอนกันอีกรอบ หรือการถูกนักการเมืองคู่อริไล่เช็กบิลเอาคืนในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ตลอดจนกลัวสิ่งที่ตัวเองทำไว้เสียของ โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ทุกวันนี้ยังยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกั๊กกันอยู่ ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน จะไม่ได้รับการสานต่อ
คสช.จึงจำเป็นต้องสร้างกลไกต่อท่ออำนาจเอาไว้ ซึ่งใจจริงก็ยังไม่อยากละมือตอนนี้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ “บิ๊กตู่” ดันไปเที่ยวป่าวประกาศกับต่างชาติ รวมไปถึงพี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกา ที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นต้นแบบชาติประชาธิปไตยเอาไว้ซะแล้วว่า จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2560 ดังนั้น จะยื้อแบบเดิมก็อยู่ลำบาก พลันจะทำให้ถูกกดดันจากนานาชาติ นอกจากนี้ ตัว “บิ๊กตู่” เองจะเสียเครดิตที่ไม่รักษาคำพูด เป็นผู้นำที่ตระบัดสัตย์
เมื่อลากแบบดื้อๆ ไม่ได้ ก็ซ่อนรูปมันเข้าไปในรัฐธรรมนูญแบบเนียนๆ ซึ่งก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงปรมาจารย์ด้านกฎหมายอย่าง “ซือแป๋มีชัย” ที่โชกโชนเรื่องซิกแซกวางข่ายกลเอาไว้ในกฎหมายอยู่แล้วที่จะให้เป็นไปตามความประสงค์
ดังนั้น ต่อให้จะถูกคว่ำอีกกี่ฉบับ วัตถุประสงค์ของ คสช.ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เข้ามา คือ ลากยาวเพื่อควบคุมสถานการณ์ของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งไม่ใช่แค่ 3-4 ปี แต่มากกว่านั้น ให้โดนค้านโดนต้านเสียหมูเสียหมาอย่างไร แต่รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งที่เข้ามาอย่างไรก็ไม่มีวันปล่อยให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแน่ เพียงแต่มันจะออกมาในลักษณะไหนเท่านั้น จะ คปป. จะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะคณะกรรมการสัพเพเหระที่แล้วแต่จะไปตั้งชื่อกันมา แต่ความมุ่งหมายคือ เป็นคนคอยถ่วงดุลในฐานะผู้มีอำนาจตัวจริง
เรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดคนหนึ่งว่า คสช.ต้องการอยู่ยาวก็คือ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ ที่ออกมาเปิดเผยความในใจเที่ยวล่าสุดว่า เสียใจที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกทำแท้งในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่เมื่อว่ารู้เจตนาของ คสช. ที่คว่ำร่างฯ ตัวเอง ก็พอทำใจได้
นั่นคือเขาอยากอยู่ยาว...