xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาเดิม ช้าเฉื่อยแฉะ-เกียร์ว่างทำ “ประยุทธ์” แผ่วปลาย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกงงงวยกับสภาพการบริหารของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะตกอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่ นั่นคือสภาพที่ต้อง “เค้นผลงานออกมาโชว์” ให้ขาวบ้านได้เห็น ต้องเถียงคอเป็นเอ็นทุกครั้งเมื่อถูกถามเรื่องผลงาน โดย พล.อ.ประยุทธ์ มักจะอารมณ์เสียทุกครั้ง ขณะเดียวกันก็จะอ้างว่ามีหลายเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาที่พวกนักการเมืองทิ้งปัญหาเอาไว้
 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นภาพได้ดีที่สุดก็คือผลสำรวจที่ออกมาทุกครั้ง รวมไปถึงสอบถามจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดล้วนออกมามีเสียงตอบกลับมาตรงกันคือ “ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่” กว่าทุกครั้ง ขณะเดียวกันเมื่อสำรวจสภาพราคาสินค้าการเกษตรแทบทุกชนิดก็ตกต่ำแทบไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นเดียวกัน ราคาสินค้าเกษตรตัวหลัก เช่น ข้าว ยางพารา เป็นต้น ล้วนตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้ว่าหากพิจารณากันด้วยความเป็นธรรมก็ต้องยอมรับว่าเป็นผลต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจภายนอก ซึ่งมันก็เป็นความจริง แต่สิ่งที่ปฏิเสธความจริงไม่ได้ก็คือยังมีบางประเทศที่เป็นคู่แข่งของเรากลับสามารถส่งออกสินค้าชนิดเดียวกันได้เพิ่มขึ้น

แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มองเห็นชัดเจนว่ามีปัญหาภายในเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลผ่านหน่วยงานแต่ละกระทรวงมาอย่างต่อเนื่องที่มีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องว่าเต็มไปด้วยความล่าช้า จนมีการประชุม “ขันนอต” กันหลายครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มอบหมายให้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายลงมากำกับดูแลในการร่างระเบียบเกี่ยวกับคำสั่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลงานของบรรดาข้าราชการในแต่ละกระทรวงในทุกระดับ ไล่ตั้งแต่ข้าราชการระดับล่างขึ้นไปถึงระดับผู้บริหาร อธิบดี ปลัดกระทรวง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ “ซีเรียส” กันแบบนี้ โดยให้มีผลให้ทันการแต่งตั้งโยกย้ายในปีงบประมาณใหม่ในเดือนกันยายน ตุลาคมที่จะถึงนี้เลยทีเดียว

สำหรับสาเหตุที่ต้องเคร่งครัดเข้มงวดกันแบบนี้มันก็ต้องมีสาเหตุอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็เคยออกมาตำหนิข้าราชการ “เกียร์ว่าง” พร้อมทั้งขู่ลงโทษในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี

แน่นอนว่าการเกียร์ว่างของข้าราชการดังกล่าวย่อมส่งผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในทางปฏิบัติ ซึ่งย่อมส่งผลต่อผลงานของรัฐบาลโดยตรง ที่ผ่านมามีรายงานให้เห็นมาตลอดว่า “การเบิกจ่ายงบประมาณ” รวมทั้งการเสนอโครงการเป็นด้วยความล่าช้า การเบิกจ่ายไม่เคยเป็นไปตามเป้า นั่นคือการเบิกจ่ายหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์นั้นยังถือว่ายังมีอัตราต่ำมาก แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามออกมายืนยันในทางสาธารณะว่าการเบิกจ่ายงบประมาณดีขึ้นมากก็ตาม

แต่ล่าสุดก็มีรายงานยืนยันถึงความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะ “เกียร์ว่าง” ของข้าราชการออกมาให้เห็นอีก และจากรายงานข่าวในทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สอบถามความคืบหน้าของโครงการในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ระดับตำบลละ 5 ล้านบาท) กลางวงประชุมคณะรัฐมนตรี ที่พบว่ามีการเบิกจ่ายใช้จริงเพียง 7,913.44 ล้านบาท ทั้งที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้วกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท

“นายกฯ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลใดจึงล่าช้าเป็นเพราะระเบียบ หรือดำเนินการรัดกุมเกินไปป้องกันการทุจริต หรือเป็นเพราะไม่มีผู้มารับจ้าง โดยกระทรวงมหาดไทยรายงานข้อเท็จจริงว่ามีโครงการจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้บันทึกในระบบ e-GP จำนวน 1,606 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมจำนวนเงินที่มีการก่อหนี้ผูกพันทั้งหมดกับเงินที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 5,167 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.245”

เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการเบิกจ่ายแค่ร้อยละ 14 ดังกล่าวถือว่าล่าช้ามาก และนี่คือเหตุผลชี้ชัดให้เห็นว่าทำไมผลงานของรัฐบาลจึงไม่ไหลลื่น ขณะเดียวกันจากกรณีปัญหาดังกล่าวย่อมเป็นตัวชี้วัดได้ดีถึงประสิทธิภาพในการบริหารว่าอยู่ในระดับใด

ต้องไม่ลืมว่าโครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย “เร่งด่วน” ของรัฐบาลสำหรับเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าเพื่อให้เกิดผลเกิดขึ้นโดยเร็ว และที่ผ่านมา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจคุมเกมตีปี๊บมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อผลออกมาแบบนี้มันก็ชี้ชัดว่าส่อไปในทาง “ท่าดีทีเหลว” เช่นเคย

ขณะเดียวกัน กรณีที่เกิดขึ้นจากโครงการภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยก็สามารถเป็นตัวชี้วัดไปถึงหน่วยงานอื่นว่าต้องมีความล่าช้าไม่ต่างกัน เพราะขนาดโครงการสำคัญเร่งด่วนยังล่าช้าได้ขนาดนี้ ที่เหลือก็ยิ่งน่าเป็นห่วง

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ระยะเวลาที่เหลือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะออกมาแบบ “แผ่วปลาย” เพราะตราบใดที่ข้าราชการยังเกียร์ว่างทำเป็นหูทวนลมอยู่แบบนี้มันก็พอเห็นแนวโน้มในอนาคต

แต่น่าแปลกใจก็คือ สาเหตุแท้จริงมันมาจากอะไรกันแน่ เป็นเพราะวิธีการบริหารของเขา หรือว่าลูกน้องไร้ความสามารถไม่ถนัดในการบริหารภายใต้สิ่งแวดล้อมใหม่ ทั้งที่มีอำนาตพิเศษอยู่เต็มมือ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น