xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับ “จ่านิว”อย่าแค่เล่นแมวไล่จับหนู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ถูกควบคุมตัวไปที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2559
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในที่สุด นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ก็ถูกจับกุมเมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ในคดีความผิดฐานขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 กรณีที่ได้รวมตัวกันขึ้นรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ และในวันรุ่งขึ้น เพื่อนอีก 3 คน ที่อยู่ระหว่างหนีหมายจับ ก็ถูกควบคุมตัวขณะไปเยี่ยมจ่านิวที่สถานีตำรวจรถไฟธนบุรี

จะว่าไปแล้ว คดีของจ่านิวและพวก ก็ไม่ใช่คดีที่ใหญ่โตอะไรนัก นั่นเพราะ คำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 นั้นเป็นการห้ามมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป

ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งข้อนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการชุมนุมที่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช.หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และผู้กระทําความผิดที่สมัครใจเข้ารับการอบรมจากเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 วันและเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยเห็นสมควรปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไข หรือไม่มีเงื่อนไข ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามมาตรา 37 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

จ่านิวและพวกถูกแจ้งความดำเนินคดีในฐานความผิดนี้ หลังจากได้นัดแนะกันขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟธนบุรี เพื่อเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2558 โดยอ้างว่าเพื่อไปตรวจสอบการทุจริตในโครงการดังกล่าว แต่ระหว่างทางได้ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นไว้ที่สถานนีรถไฟบ้านโป่ง จ.ราชบุรี และกลุ่มของจ่านิวก็ถูกแจ้งความดำเนินคดีในเวลาต่อมา

พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจรถไฟธนบุรีได้ออกหมายเรียกให้จ่านิวและพวกทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวน 2 ครั้ง จำนวน 11 คน โดย 5 คนได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 6 คน ได้ไปที่สถานีตำรวจรถไฟธนบุรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม แต่ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน

วันที่ 13 มกราคม ศาลทหารกรุงเทพจึงได้อนุมัติออกหมายจับจ่านิว และพวก ประกอบด้วย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ อายุ 22 ปี นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อายุ 23 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธุ์ อายุ 29 ปี และ นายธเนตร อนันตวงษ์ อายุ 25 ปี

ภายหลังถูกออกหมายจับ จ่านิวและพวก ยังไม่เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้เดินทางไปที่สถานีรถไฟธนบุรี เมื่อวันที่ 16 มกราคม และอ่านแถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นการปฏิเสธการเข้าร่วมในกระบวนการยุติธรรมภายใต้ระบอบเผด็จการ พร้อมกับนำหมายเรียกที่ได้รับก่อนหน้านี้มาพับเป็นนกกระดาษท้าทาย คสช.ด้วย

ในวันนั้น พ.ต.ท.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ สารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจรถไฟธนบุรี บอกว่า ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 40 นาย พร้อมตั้งจุดตรวจสกัด 2 จุดรอบพื้นที่ หลังได้รับการประสานว่าจ่านิว พร้อมพวกจะมาอ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืน แต่เจ้าหน้าที่ไม่แสดงตัวเข้าจับกุม แม้ว่าศาลอนุมัติหมายจับแล้วเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นไปตามกระบวนการที่ผู้ต้องหาต้องการ พร้อมยอมรับว่ามีความหนักใจในการทำคดีดังกล่าวเนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งหมายจับไปตามสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุกจุดแล้ว

ผ่านมาอีก 4 วัน เวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 20 มกราคม มีบุคคลแต่งกายคล้ายทหาร 8 คน ใช้รถยนต์กระบะ 2 คันเป็นยานพาหนะ เข้าคุมตัวจ่านิว จากด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต หลังจากไปรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิท 2 คน ซึ่งข่าวดังกล่างถูกเผยแพร่ทางแฟนเพจ "ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement - NDM" เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น.วันเดียวกัน พร้อมกับการออกแถลงการณ์อย่างรวดเร็วทันควันประณามการกระทำดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการเยี่ยงอาชญากรกับประชาชน และขอเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ในทันที

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏข่าวเป็นที่ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร.2 พัน 2 รอ.ได้ควบคุมตัวจ่านิวไปส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ ตามภูมิลำเนา หลังจากทำการตรวจสอบหมายจับและตัวบุคคลแล้วได้ทำบันทึกการจับกุมและส่งตัวให้สถานีตำรวจรถไฟธนบุรีดำเนินคดี โดยใช้เวลาควบคุมตัวอยู่ที่ สน.นิมิตรใหม่ เพียงชั่วโมงเศษ

เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนของจ่านิว รวมทั้ง น.ส.ชลธิชา น.ส.ชนกนันท์ และนายกรกช ที่ถูกออกหมายจับพร้อมกัน ได้ไปเยี่ยมจ่านิวที่สถานีตำรวจรถไฟธนบุรี เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวทั้ง 3 คน เพื่อสอบปากคำดำเนินคดี ก่อนที่จะนำตัวไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฯ ทำการฝากขัง

ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจรถไฟธนบุรีนั้น จ่านิวได้ให้เพื่อนเข้าไปอัดคลิปเล่าเหตุการณ์ที่ถูกจับกุม โดยในตอนหนึ่งได้อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายด้วยการทุบบริเวณศีรษะ และแผ่นหลัง 3 ครั้ง ส่วนในทางคดี จ่านิวพร้อมพวกอีก 3 คน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

และขณะที่ตำรวจสอบปากคำอยู่ เพื่อนของจ่านิวบางคนได้นำถุงดำมาคลุมหัวแสดงท่าทีล้อเลียนเหตุการณ์ที่ทหารเข้าคุมตัวจ่านิวด้วย

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้กำหนดเงื่อนไขที่ให้ทั้ง 4 คน ไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง และมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนระหว่างทำสำนวนส่งอัยการทหาร แต่ทั้ง 4 คนไม่ยอมรับ จึงต้องนำตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 7 วัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวทั้ง 4 คนไปขอศาลทหารฝากขัง ปรากฏว่าหลังจากศาลฯ พิจารณาแล้วได้ยกคำร้องขอฝากขังดังกล่าว เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนได้แถลงต่อศาลว่าการสอบปากคำผู้ต้องหาในส่วนสำคัญหมดไปแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ทางฝ่ายทนายผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการฝากขังในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว ฉะนั้นศาลพิจารณาแล้วไม่มีเหตุให้ฝากขัง เพราะมีอัตราโทษต่ำ ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้อง
เป็นอันว่า จ่านิวและพวกไม่ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในคุก เพราะเป็นความผิดที่มีโทษต่ำ และโดยเนื้อคดีก็ไม่ไดีมีอะไรมากมาย เพียงแค่ขัดคำสั่งห้ามชุมนุม 5 คนขึ้นไป ซ้ำยังมีเงื่อนไขว่าถ้าเข้าอบรมจากเจ้าพนักงานไม่เกิน 7 วัน คดีก็จบ

แต่เรื่องคงยังไม่จบแค่นี้ เพราะจ่านิวประกาศว่าจะฟ้องเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่กระทำการไม่เหมาะสม

สาเหตุที่ยังดึงดันให้เรื่องนี้เป็นข่าวยืดเยื้อออกไปนั้น คำพูดจ่านิวหลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 มกราคม ก็บอกชัดเจนว่า จุดประสงค์ในการเคลื่อนไหวกรณีอุทยานราชภักดิ์จริงๆ แล้ว คือการต่อต้านการรัฐประหาร ตามที่ได้ประกาศจุดยืนไว้ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2557 หลังจาก คสช.ยึดอำนาจ 1 วัน ไปจนกว่า คสช.จะหมดอำนาจ

ดังนั้น ที่กลุ่มของจ่านิว หรือ พรรคเพื่อไทย หรือแกนนำเสื้อแดงตั้งแต่หัวดำยันหัวหงอก ออกมาเกาะรถไฟขบวนจ่านิว โดยอ้างว่า เป็นการสนับสนุนการตรวจสอบการทุจริตนั้น จึงเป็นเรื่องที่เหลวไหลทั้งเพ

ถ้ามีการทุจริตจริง แค่ยกพวกสิบกว่าคนขึ้นรถไฟไปลงที่หัวหินและนั่งรถต่อไปที่อุทยานราชภักดิ์ ไม่มีทางจะตรวจพบการทุจริตได้ นอกจากแค่ได้สร้างกระแสให้สื่อและโซเชียลมีเดียในเครือข่ายนำไปตีปี๊บขยายความ เพื่อบ่อนเซาะความน่าเชื่อถือของ คสช.โดยตรง

ผู้นำ คสช.น่าจะมองเกมนี้ออก การไล่ตามจับจ่านิว จึงไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีต่อ คสช.เท่าใดนัก นอกจากจะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

การสร้างความชอบธรรมของการมี คสช.ให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นเป็นประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง การสร้างความเจริญที่ยั่งยืนให้ประเทศชาติ และให้ผลประโยชน์จากการพัฒนาประเทศตกอยู่กับคนส่วนใหญ่ จึงน่าจะเป็นการแก้เกมที่ถูกทางกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น