ศาลทหารกรุงเทพยกคำร้อง “จ่านิว” พร้อมพวกอีก 3 คน ระบุเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลายปากแล้ว แต่ขาดเพียงไม่กี่ปาก อีกทั้งมีอัตราโทษต่ำ ด้านเจ้าตัวระบุจะต่อต้าน คสช.ไปจนกว่าหมดอำนาจ เตรียมถามตำรวจคลองหลวงใครอุ้มตัวเองเมื่อคืน
วันนี้ (21 ม.ค.) ศาลทหารกรุงเทพได้พิจารณาคำร้องตามที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจรถไฟธนบุรียื่นขอฝากขังนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือนิว (ฉายา จ่านิว), น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, น.ส.ชนกนันท์ รวมทรัพย์ และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ โดยนายสิรวิญช์กล่าวว่า ศาลยกคำร้องฝากขังตามเหตุผลที่ทนายยื่นคำร้องคัดค้าน เพราะเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลายปากแล้ว แต่ขาดเพียงไม่กี่ปาก และกลุ่มของตนไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใดๆ ได้แล้ว เพราะฉะนั้นศาลจึงพิจารณายกคำร้อง ส่วนการยื่นฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับกุมนั้น ตนจะกลับไปติดต่อที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อสืบหาว่าหน่วยใดกระทำ แต่เบื้องต้นตนทราบว่าเป็นหน่วยใดแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าจะต้องนำตัวเจ้าหน้าที่เหล่ามาให้ได้ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
นายสิรวิชญ์กล่าวต่อว่า สำหรับกรณี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ที่กล่าวว่าไม่ทราบการปฏิบัติการใดครั้งนี้ ตนเข้าใจว่าเป็นการปฏิบัติงานคนละหน่วย และการปฏิบัติในลักษณะที่กระทำกับตนไม่ใช่วิธิการปกติที่ปฏิบัติกับตน ทั้งนี้ การพิจารณายกคำร้องครั้งนี้เป็นเพียงการยกคำร้องขอฝากครั้งเท่านั้น ส่วนการดำเนินการอื่นๆ ทางคดียังคงดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อหรือไม่ หลังจากที่กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบไม่พบความผิดกรณีอุทยานราชภักดิ์ นายสิรวิญช์กล่าวว่า ตนจะเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปตามอุดมการณ์ที่ได้ประกาศจุดยืนไว้ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2557 และจะต่อต้านไปจนกว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะหมดอำนาจ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า สาเหตุที่ทางพนักงานสอบสวนฯ นำตัวทั้ง 4 คนมาขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรกเนื่องจากทั้ง 4 คนไม่รับเงื่อนไขที่ให้มารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนระหว่างนำสำนวนมาส่งอัยการทหารเพื่อส่งฟ้องศาลทหารฯ จึงต้องนำตัวทั้งหมดมาฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 7 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าออกศาลทหารกรุงเทพฯ ได้มีนายพรรณศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ และนายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ หนึ่งในผู้ต้องหา พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่งได้มานั่งรอให้กำลังใจด้านนอกรั้วที่ทหารกั้นไว้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ชนะสงครามได้มาแสดงหมายจับและเชิญตัวนายอภิสิทธิ์ไปที่ สน.ชนะสงคราม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขา ควบคุมฝูงชนจากนครบาล ประมาณ 40 นายมาดูความเรียบร้อย
ทั้งนี้ รายงานข่าวกรณีที่ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนได้แถลงต่อศาลว่าการสอบปากคำผู้ต้องหาในส่วนสำคัญหมดไปแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ทางฝ่ายทนายผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการฝากขังในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำลูกผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว ฉะนั้นศาลพิจารณาแล้วไม่มีเหตุให้ฝากขัง เพราะมีอัตราโทษต่ำ ดังนั้นศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน