xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” โวย “ไอยูยู” เกี่ยวอะไรกับประมงพื้นบ้าน หลังสั่งยกเลิก ม.34 ใน พ.ร.ก.ประมงฉบับใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 10 ก.พ.
เปิดคำพูด “บิ๊กตู่” หลังสั่งยกเลิก ม.34 ใน พ.ร.ก.ประมงฉบับใหม่ จี้หน่วยงานรัฐ-บอร์ดประมงให้ความสำคัญอาชีพพี่น้องประมงพื้นบ้าน-แก้ไขปัญหาวิกฤตท้องทะเลไทยอย่างครบวงจร ลั่น “อย่าเอากฎหมายมาไล่ล่าอย่างเดียว” สั่งดู พ.ร.ก.การประมงฉบับใหม่ รับอาจผิดพลาดเหตุเร่งออกเร็ว ถาม ตัวแทนประมง 3 ไมล์ แก้ให้พอใจหรือเปล่า โวย “ไอยูยู” มันเกี่ยวอะไรกับประมงพื้นบ้าน

วันนี้ (11 ก.พ.) มีรายงานว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ถือเป็นการประชุมครั้งแรก ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 แหล่งข่าวจากที่ประชุมวานนี้เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงสัดส่วนของคณะกรรมการชุดนี้ว่ามีความครบถ้วนหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรองประธาน มีอธิบดีกรมประมงเป็นกรรรมการและเลขานุการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกจากภาคเอกชนจำนวน 10 คน รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ

ขณะที่หน่วยงานทหารที่เข้ามาดำเนินการในส่วนของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เช่น กองทัพเรือ อาจจะต้องเป็นแค่ที่ปรึกษา เนื่องจากมาช่วยระยะหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น คณะกรรมการชุดนี้ต้องไปดูแลกันเองเช่นเดียวกับการปฏิบัติงาน นายกฯ ย้ำว่า “อย่าเอากฎหมายมาไล่ล่าอย่างเดียว เพราะชาวประมงหรือผู้ประกอบการจะเดือดร้อนไปทั่ว”

มีรายงานว่า ในส่วนของพิจารณาเรื่องความเดือดร้อนของชาวประมงพื้นบ้าน ที่พยายามเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 34 ใน พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งได้ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน ทำการประมงในเขตทะเลนอกชายฝั่ง” ที่หมายความว่าพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านไม่สามารถจะออกไปทำการประมงนอกเขต 3 ไมล์ทะเลได้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาว่าการที่จะยกเลิกมาตรา 34 เพียงมาตราเดียวในขณะนี้อาจจะส่งผลกระทบในภาพรวมของ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 ทั้งฉบับ

โดยที่ประชุมได้ผ่อนคลายปัญหาโดยให้กรมประมงไปยกเลิกประกาศของกรมประมง 1 ฉบับที่กำหนดการอนุญาตเครื่องมือประมงที่ต้องใช้สำหรับประมงพื้นบ้าน เมื่อยกเลิกประกาศกรมประมงฉบับดังกล่าวแล้ว ก็หมายความว่าไม่มีการอนุญาต เมื่อไม่มีการอนุญาตโดยนัยแล้วมาตรา 34 ก็ไม่ได้ใช้ ชาวประมงพื้นบ้านก็จะสามารถทำการประมงนอกเขต 3 ไมล์ทะเลได้โดยปกติ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 1 ชุดเพื่อดูเรื่องการแก้ไขมาตรา 34 ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรหรือไม่

“ประเด็นนี้นายกรัฐมนตรีถึงกับผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกจากภาคเอกชนรายหนึ่งว่า 3 ไมล์ ผมแก้ให้พอใจหรือเปล่า และยังตั้งข้อสังเกตว่ากฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมายไม่รายงาน และไร้การควบคุม หรือไอยูยู (Illegal, Unreported and Unregulated Finishing : IUU) ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปได้ประกาศการบังคับใช้ มันเกี่ยวอะไรกับประมงพื้นบ้านหรือเปล่า

แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุว่า นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความกังวลต่อ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ. 2558 ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 โดยขอให้ตรวจงานที่เกี่ยวข้องไปดูรายละเอียด พ.ร.ก.ฉบันนี้อีกครั้งว่า อาจจะต้องแก้ไขอะไรบ้าง โดยนายกรัฐมนตรียอมรับว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้รีบประกาศออกมาย่อมมีอะไรที่ผิดพลาดบ้าง ขณะเดียวกัน ปัญหาแรงงานประมงต่างด้าวที่อยู่ในประเทศเป็นเรื่องที่กรรมการชุดนี้จะต้องแก้ไขอย่างจริงจัง

“จะต้องให้ความสำคัญกับอาชีพพี่น้องประมงพื้นบ้านและให้แก้ไขปัญหาวิกฤตท้องทะเลไทยอย่างครบวงจร ดังนั้น กรมประมง กรมทรัพยากรชายฝั่ง กรมเจ้าท่า ที่มีหน้าที่ดูภาพรวมจะต้องเร่งดำเนินการ” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายกรัฐมนตรีวานนี้

มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ที่จะทำหน้าที่กำหนดปริมาณการจับสัตว์น้ำสูงสุดในปี 2559 เนื่องจาก พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 กำหนดการจัดสรรในเรื่องการจับสัตว์น้ำที่จะมีการควบคุมการจับสัตว์น้ำให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่สามารถจับสัตว์น้ำได้อย่างเสรี โดยที่ประชุมวันนี้ได้เห็นชอบตัวเลขปริมาณสัตว์น้ำสูงสุดที่จับได้ในฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามัน ดังนี้ สัตว์น้ำหน้าดินในอ่าวไทย 715,294 ตัน ฝั่งอันดามัน 216,467 ตัน ปลาผิวน้ำในอ่าวไทย 230,803 ตัน ฝั่งอันดามัน 110,156 ตัน ปลากระตักในอ่าวไทย 172,607 ตัน และฝั่งอันดามัน 29,650 ตัน

เมื่อคณะกรรมการได้เห็นชอบหลักเกณฑ์เบื้องต้นแล้ว ได้วางเกณฑ์การจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำไว้ 3 แนวทาง คือ 1) เรือที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอาชญาบัตร มีใบอนุญาตทำการประมงในปีที่ผ่านมาจะได้สิทธิเข้าไปรับการจัดสรรเป็นอันดับแรก 2) เรือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่เครื่องมืออาจจะยังไม่เหมาะสมกับสัตว์น้ำประเภทนั้น ก็ต้องไปปรับเปลี่ยนเครื่องมือแล้วเข้าสู่ระบบ 3) เรือประมงที่ยังไม่เคยเข้าสู่ระบบ ถ้ามีสัตว์น้ำเหลืออยู่ก็ให้มาเข้าสู่ระบบ โดยการจัดสรรในลักษณะแบบนี้จะเป็นการจัดสรรวันทำการประมง และปริมาณโดยภาพรวมหลังจากที่จัดสรรแล้วปริมาณสัตว์น้ำโดยรวมที่จับไป จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณสัตว์น้ำสูงสุดที่จะจับได้ ซึ่งการจัดสรรลักษณะดังกล่าวจะมีเหมือนกันทุกปี ที่เมื่อครบ 1 ปีก็จะมีการคำนวณแล้วจัดสรร อันจะทำให้เกิดความยั่งยืนของทะเลไทย

ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงขนาดเล็ก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินทางลงพื้นที่พบว่ามีเกษตรกรชาวประมงขนาดเล็กที่ใช้เรือหางยาวไปทำการท่องเที่ยวและทำการประมงด้วย ซึ่งที่ถูกต้องแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกฎหมายกรมเจ้าท่าในเรื่องการจดทะเบียนเรือ สามารถจดทะเบียนเรือได้ 1 ประเภท แต่จากวิถีประจำวันของพี่น้องประมงพื้นบ้าน จะมีบางช่วงที่ว่างจากการทำเรือท่องเที่ยวก็จะมาทำการประมง หรือเป็นเรือท่องเที่ยวที่พานักท่องเที่ยวออกไปตกปลาที่จะถือเป็นการทำประมง ถ้าไม่มีการจดทะเบียนเป็นเรือประมงก็จะผิดกฎหมาย

โดยเรื่องนี้ที่ประชุมมอบหมายให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ไปศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ เรือหางยาวเป็นเรือขนาดเล็กกว่า 5 ตันกรอส ซึ่งถือเป็นเรือขนาดเล็กไม่ต้องขอใบอนุญาตทำการประมงจากกรมประมง ดังนั้นสามารถทำการประมงได้โดยอิสระ เพียงแต่เรือจะต้องมีทะเบียนเรือตามกฎหมายของกรมเจ้าท่าว่าเป็นเรือประเภทใด จึงจะต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้เรือประมงพื้นบ้านสามารถทำการประมงได้อย่างสอดคล้องกับวิถีประจำวันของเรือประมงพื้นบ้าน

“นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และพยายามที่จะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประเด็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะมาตรา 34 ของ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 ที่ระบุว่าประมงพื้นบ้านไม่สามารถจะออกไปทำการประมงนอกเขต 3 ไมล์ทะเลได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พยายามหาทางเรื่องนี้ให้ อย่างไรก็ตาม การออกไปทำการประมงนอกเขต จะต้องไม่ทำให้เกิดการทำประมงเกินควรได้ ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกประกาศกรมประมงในการออกประเภทของเครื่องมือ ซึ่งใช้กับประมงพื้นบ้านแล้ว อาจจะต้องมีการออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามมาตรา 71 (1) ซึ่งประกาศว่าเครื่องมือประเภทใดห้ามใช้ในเขตประมงพื้นบ้าน ซึ่งจะเป็นการควบคุมเครื่องมือบางประเภทที่เป็นเครื่องมือทำลายล้าง” อธิบดีกรมประมงกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณากรอบเบื้องต้นของนโยบายการพัฒนาการประมงของประเทศ ฉบับที่ 1 รวม 4 ด้าน และกำหนดระยะเวลาของนโยบายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559-2562 ประกอบด้วย 1) นโยบายการพัฒนาการประมงในน่านน้ำไทย 2) นโยบายการส่งเสริม พัฒนา และแก้ไขปัญหาการประมงนอกน่านน้ำไทย 3) นโยบายการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ 4) นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านการประมงประเทศ ซึ่งในที่ประชุมได้มีการเสนอกรอบกว้างๆ ว่าจะมีหัวข้อในการกำหนดนโยบายอย่างไร ซึ่งเมื่อคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบแล้ว จะให้ไปจัดตั้งคณะอนุกรรมการในแต่ละด้านเพื่อไปดำเนินการยกร่างนโยบายทั้ง 4 ด้านให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน แล้วนำมาเสนอให้คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อวางเป็นกรอบนโยบายของประเทศต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น