ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้แถลงความก้าวหน้าในการแก้ไขการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยนายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาของกรมประมง คือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายประมง ให้มีความเป็นปัจจุบันและครอบคลุมทั้งในส่วนของ IUU และการทำประมงนอกน่านน้ำ ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานสากล ซึ่งขณะนี้มีการออกพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 จำนวน 52 ฉบับ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2558
พร้อมกันนี้ กรมประมง ยังได้ดำเนินการพัฒนาระบบการควบคุม ติดตาม และเฝ้าระวังการทำประมง โดยนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐานสากล มาใช้ตรวจสอบสายการผลิตสินค้าประมงให้เกิดความเข้มแข็งและน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมประมง ย้ำว่า การดำเนินการที่ผ่านมาของทุกกระทรวง จะช่วยให้การทำการประมงของไทยได้รับการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง และแสดงให้ต่างชาติได้รับทราบว่า ไทยพร้อมจะขจัดปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายให้หมดจากประเทศไทยโดยเร็ว
ขณะที่นางจิราภรณ์ จันทรศิริ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมเจ้าท่า ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องของตัวเรือและแรงงานประจำเรือ ได้ดำเนินการตรวจสอบจำนวนเรือ เพื่อให้ตรงกับจำนวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนแรงงานประจำเรือประเภทที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมเรือหรือเครื่องจักรนั้น จะต้องมีประกาศกาศณียบัตรผ่านการฝึกอบรมจากกรมเจ้า จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งกรมเจ้าท่าไดัเชื่อมโยงข้อมูลเจ้าของเรือ ผู้ถืออาชญาบัตร และการจัดหางาน พร้อมประสานข้อมูลกับทุกหน่วยงานในการแกัปัญหาอย่างบูรณาการ
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป และประเทศคู่ค้าสินค้าประมงของไทย ซึ่งทางสหภาพยุโรปได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และมีท่าทีตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวสรุปการทำงานของ ศปมผ.ว่า รัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องทำทันที ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมาของรัฐบาลนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป ซึ่งลำพังฝ่ายรัฐจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการประมง เพื่อให้การแก้ไขปัญหา เป็นไปอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ กรมประมง ยังได้ดำเนินการพัฒนาระบบการควบคุม ติดตาม และเฝ้าระวังการทำประมง โดยนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐานสากล มาใช้ตรวจสอบสายการผลิตสินค้าประมงให้เกิดความเข้มแข็งและน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมประมง ย้ำว่า การดำเนินการที่ผ่านมาของทุกกระทรวง จะช่วยให้การทำการประมงของไทยได้รับการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง และแสดงให้ต่างชาติได้รับทราบว่า ไทยพร้อมจะขจัดปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายให้หมดจากประเทศไทยโดยเร็ว
ขณะที่นางจิราภรณ์ จันทรศิริ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมเจ้าท่า ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องของตัวเรือและแรงงานประจำเรือ ได้ดำเนินการตรวจสอบจำนวนเรือ เพื่อให้ตรงกับจำนวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนแรงงานประจำเรือประเภทที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมเรือหรือเครื่องจักรนั้น จะต้องมีประกาศกาศณียบัตรผ่านการฝึกอบรมจากกรมเจ้า จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งกรมเจ้าท่าไดัเชื่อมโยงข้อมูลเจ้าของเรือ ผู้ถืออาชญาบัตร และการจัดหางาน พร้อมประสานข้อมูลกับทุกหน่วยงานในการแกัปัญหาอย่างบูรณาการ
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป และประเทศคู่ค้าสินค้าประมงของไทย ซึ่งทางสหภาพยุโรปได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และมีท่าทีตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวสรุปการทำงานของ ศปมผ.ว่า รัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องทำทันที ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมาของรัฐบาลนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป ซึ่งลำพังฝ่ายรัฐจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการประมง เพื่อให้การแก้ไขปัญหา เป็นไปอย่างยั่งยืน
