รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อุบข้อเสนอร่างรัฐธรรมนูญของกระทรวง อ้างต้องให้นายกฯ ดูก่อน ไม่เปลี่ยนเรื่องอำนาจกองทัพ เชื่อผ่านประชามติแน่ อ้างยุบพนักงานสอบสวนให้งานตำรวจไหลลื่น ทำเหมือนทหาร ไม่เช่นนั้นผู้กำกับไม่มีอำนาจจี้งาน หลังที่ผ่านมาเป็นเอกเทศ ชี้บางคนกังวลไปเอง ไม่มีตำแหน่งใหม่ โอ่ส่วนใหญ่เห็นด้วย ปัดให้ฝ่ายอื่นไม่ต้องเต็มยศ บอกนี่แค่ปฏิรูประยะแรกยังไม่ได้ปรับโครงสร้าง
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีข้อเสนอแนะในส่วนกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากต้องผ่านคณะกรรมการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูก่อนว่ามีส่วนใดต้องปรับหรือไม่ปรับ อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถตามใจทุกคนได้ แค่จะพยายามทำรัฐธรรมนูญในภาพรวมให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าจะมีการเสนอเรื่องการระบุอำนาจหน้าที่ของกองทัพให้ชัดเจนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวมีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ เช่น เรื่องการพัฒนา จึงไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะดีอยู่แล้ว ส่วนหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการประชามติจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาปรับแก้หรือไม่นั้น ตนไม่รู้ แต่เชื่อว่ารัฐธรรมนูญต้องผ่านการทำประชามติ ทำไมจะไม่ผ่าน เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก รัฐธรรมนูญที่ป้องกันการทุจริตหายาก
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงคำสั่งมาตรา 44 ที่ 6/2559 ยุบ เลิก ตำแหน่งและเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวนว่า ไม่ได้ปรับโครงสร้างของตำรวจ ส่วนการยุบตำแหน่งพนักงานสอบสวนก็เพื่อให้งานลื่นไหลได้ โดยสายงานอื่นสามารถเข้ามาร่วมทำงานได้ด้วย เช่นเดียวกับการทำงานของทำงานทหาร
เมื่อถามว่า แต่เจ้าหน้าที่ในฝ่ายสอบสวนเดิมก็วิตกว่าจะทำให้การทำงานไม่เป็นเอกเทศเหมือนเดิม พล.อ.ประวิตรกล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มีอะไรหรอก การทำงานยังปกติเช่นเดิม มีเพียงบางคนที่วิตกกังวลไปเอง ส่วนที่มองว่าจะทำให้งานสืบสวนแคบลงไปนั้น คิดแบบนี้ไปกันคนอื่นหมด ก็แย่สิ” เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่าหลังยุบตำแหน่งพนักงานสอบสวนแล้วจะมีโครงสร้างและตำแหน่งใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีตำแหน่งใหม่ แต่เป็นเพียงพนักงานสอบสวนธรรมดา เป็นเพียงการยุบชื่อ ไม่มี สบ.4 สบ.2 สบ.3 แล้ว ถือเป็นเจ้าพนักงานของตำรวจ ไม่เช่นนั้นผู้กำกับไม่มีอำนาจในการสั่งการพนักงานสอบสวน เพราะที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนทำงานเป็นเอกเทศ ตำรวจฝ่ายอื่นจะเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ ต่อจากนี้ไปผู้กำกับจะมีอำนาจในการดูแล โดยส่วนตัวมองว่าไม่เป็นปัญหา แต่เป็นเรื่องดี
“เดิมมันเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นกับใคร ผู้กำกับไม่สามารถลงไปจี้งานต่างๆ ได้ เดิมเป็นอิสระ แต่ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาจะได้มีส่วนรับผิดชอบในคดีต่างๆ ด้วย ผมว่าดีแล้ว ตำรวจส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยว่ามันดีขึ้น มีเพียงส่วนน้อยที่ไปคิดกันเอาเอง และในองค์กร สตช.เขาก็เข้าใจ ส่วนที่มีข่าวว่าการปฏิรูปตำรวจหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานจับกุมใส่เครื่องแบบ ส่วนงานอื่นๆ ไม่ต้องใส่เครื่องแบบนั้น ไม่เป็นความจริง คนเป็นตำรวจก็ต้องแต่งเครื่องแบบตำรวจ จะมีก็เพียงแต่ นักเรียนนายร้อยตำรวจที่เป็นผู้หญิง ที่ต่อไปจะต้องเติบโตเป็นหัวหน้าสถานี ซึ่งตรงนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องค่อยๆ มาคิดกัน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจจำเป็นต้องทำให้เสร็จโดยเร็วหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ทำไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จระยะที่ 1 แล้วก็ทำต่อๆไป ในขั้นตอนของการปฏิรูป ระยะแรกนี้ถือยังไม่ใช่การปรับโครงสร้าง แต่เป็นเพียงการปรับการทำงานของตำรวจ ตำรวจตอนนี้ถือว่าดี