xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ถูกโดดเดี่ยว-อ้างว้าง ด่าสื่อกระทบชิ่งถึงใคร !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

“นายกฯ ฝากขอโทษต่อสื่อ และประชาชน จากกรณีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตนเชื่อว่า นายกฯ รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นายกฯ คงมีแรงกดดันมากพอสมควร กับความคาดหวังของประชาชน ว่า จะเป็นหัวหอกนำพาประเทศไปในทิศทางส่วนใหญ่ที่สังคมต้องการ แต่ผมคิดเอาเองว่า นายกฯ อาจรู้สึกว่าเมื่อท่านเหลียวไปข้างหลัง ท่านเดินอยู่คนเดียวหรือเปล่า เพราะสังคมไทยส่วนใหญ่จะนิ่ง รอรับฟัง ทำให้คนตั้งใจแก้ไขปัญหารู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย จึงอยากเรียกร้องสื่อมวลชน ขอความร่วมมือจากท่านให้ทำหน้าที่มากกว่าเดิมมากขึ้นอีก 1 ขั้น”

“อยากให้ช่วยกรุณาแยกแยะอะไรที่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่ไม่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่เป็นสิ่งดีงาม อะไรที่อยู่ตรงกันข้ามกับความดีงาม ถ้าท่านไม่เปิดโอกาสให้สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความดีงามได้ใช้พื้นที่ของท่านนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ออกไปในสังคม จะทำให้สังคมไม่สับสน ทำให้คนตั้งใจปฏิรูปบ้านเมือง สามารถเดินไปได้ โดยปราศจากความรู้สึกว่าตนเองไปเพียงลำพัง อ้างว้าง เดียวดาย คนเก่งและมีความสามารถในเมืองไทยมีเยอะ แต่คนที่กล้าหาญมีไม่เยอะนัก ผมเชื่อมั่นว่า นายกฯ เป็นคนที่มีทั้งความสามารถและกล้าหาญ อยากวิงวอนว่าอย่าปล่อยให้คนที่กล้าหาญและคนมีความสามารถต้องเผชิญสิ่งต่าง ๆ โดยลำพัง ประเทศเราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้”

เป็นคำแถลงของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “ตั้งใจ” มาแถลงต่อสื่อมวลชน เมื่อเย็นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาขอโทษแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจ และต่อว่าสื่อมวลชนอย่างรุนแรง อ้างว่า ถามแต่เรื่องวันเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จนหลายคนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมนายกฯถึงได้มีท่าทีแบบนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีอารมณ์หงุดหงิดแบบนี้มาให้เห็นหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็เคยรับปากแล้วว่าจะระงับสติอารมณ์แบบนี้ โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่มานี้จะเป็นตัวอย่างของการปฏิรูปโดยเขาจะ “ปฏิรูปตัวเอง” แต่กลายเป็นว่าหลังจากปีใหม่เป็นต้นมา พล.อ.ประยุทธ์ มีอารมณ์แบบตรงกันข้ามแบบที่เคยรับปากเอาไว้

อย่างไรก็ดี หากสังเกตให้ดีก็จะพบว่า อารมณ์พลุ่งพล่านหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มองว่าระเบิดอารมณ์ใส่สื่อมวลชนนั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อาจจะมีบ้างที่หงุดหงิดกับบางข่าวบางคอลัมน์ในสื่อบางสำนัก แต่น่าจะต้องการกระทบชิ่งไปถึง “บางกลุ่ม” ซึ่งกลุ่มดังกล่าวถ้าให้เดาแบบเปะปะไปก่อนก็น่าจะเป็น “กลุ่มที่อยู่ในวงจรเดียวกัน” นั่นแหละ

หากย้อนกลับไปไม่นานนัก ให้ลองทบทวนเหตุการณ์ในห้องประชุมโรงเรียนเตรียมทหาร ในวันครบรอบสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร 58 ปี เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา เสียก่อน เพราะในวันนั้นบรรยากาศการพูดของเขามันเหมือนกับการ “ระบายคยามอัดอั้นตันใจ” ออกมาให้เพื่อนพ้องน้องพี่ได้รับฟังกัน โดยเฉพาะกับคำพูดบางช่วงที่กล่าวถึงเรื่องข่าว “การปฏิวัติซ้อน” และข่าวเรื่อง “ด็อกเตอร์หักหัวคิว” ในวันนั้น นายกฯแม้ว่าจะพูดแบบทีเล่นทีจริงในความหมายท้าทายทำนองว่า “ใครอยากปฏิวัติให้ยกมือออกมา” เขาก็จะได้กลับบ้าน แต่ถ้ามองในความหมายอีกมุมหนึ่งมันเหมือนกับการ “ส่งสัญญาณถึงใคร” อยู่หรือเปล่า โดยอาศัยวงเสวนาและกระจายผ่านสื่อออกไป เพื่อไม่ให้มีการขยับ ทำนองว่า “เขารู้แล้ว” หรือเปล่า

ที่น่าสังเกตก็คือ ข่าวการปฏิวัติซ้อนไม่ได้เป็นข่าวที่ปรากฏรายงานออกมาอย่างกว้างกวาง หากจะรู้ก็คงรู้จากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวงเสวนาวันนั้นนั่นแหละ เพราะเรื่องแบบนี้ ข่าวแบบนี้ และในสถานการณ์พิเศษแบบนี้ หากใครพูดส่งเดชมันก็เสี่ยงเหมือนกัน และก็เช่นเดียวกันหนึ่งในสาเหตุของข้ออ้างในการปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งจะมีเรื่องทุจริตเป็นเงื่อนไขหลัก ดังนั้น จู่ ๆ ที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวเรื่อง“ด็อกเตอร์อ้างชื่อนายกฯ และรองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หักหัวคิว” มันก็ไม่ธรรมดา

ขณะเดียวกัน คำถามก็คือมีใครบ้างเวลานี้ที่มีศักยภาพในการทำการ"ปฏิวัติซ้อน"ขึ้นมาได้ เชื่อว่าใครที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้างก็น่าจะพิจารณากันได้

ทีนี้ก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณาคำพูดบางช่วงบางตอนของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในตอนต้นที่บอกว่าได้รับบัญชาจาก นายกฯมาแถลงขอโทษกับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ “ผมคิดเอาเองว่านายกฯ อาจรู้สึกว่าเมื่อท่านเหลียวไปข้างหลัง ท่านเดินอยู่คนเดียวหรือเปล่า เพราะสังคมไทยส่วนใหญ่จะนิ่ง รอรับฟัง ทำให้คนตั้งใจแก้ไขปัญหารู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย”

หรือบางช่วงของ พล.ต.สรรเสริญ ที่กล่าวว่า “ผมเชื่อมั่นว่า นายกฯ เป็นคนที่มีทั้งความสามารถและกล้าหาญ อยากวิงวอนว่าอย่าปล่อยให้คนที่กล้าหาญและคนมีความสามารถต้องเผชิญสิ่งต่าง ๆ โดยลำพัง ประเทศเราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้”

เป็นคำพูดที่สื่อออกมาให้เห็นว่าเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติกำลัง “ถูกกดดันและโดดเดี่ยวอ้างว้าง” จึงอยากขอกำลังใจจากสื่อ ซึ่งความหมายก็ต้องการขอกำลังใจจากประชาชนนั่นแหละ แต่ขณะเดียวกันก็มีคำถามว่าเวลานี้เขากำลังถูกกดันจากใครและถูกโดดเดี่ยวจาก “ใคร” กันแน่

ขณะเดียวกัน แม้ว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้มข้นขึ้นมาทุกที เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างแรกเสร็จแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงของการระดมความคิดเห็น มีเสียงวิจารณ์จากฝ่ายนักการเมืองหนักขึ้นทุกที แต่ก็มีการสั่งการให้แก้เกมด้วยการให้ฝ่ายทหารเป็นฝ่ายเดินสายชี้แจงประชาชน เพื่อป้องกันความสับสนเป็นเหยื่อของการปลุกระดมของฝ่ายการเมืองที่เสียประโยชน์ ซึ่งล่าสุด ก็มีความเคลื่อนไหวจากผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ที่ได้สั่งการกำลังในการเตรียมชี้แจงแล้ว และล่าสุดเมื่อตอนสายวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เขาก๋ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบฯประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จะออกมาแถลงบอกว่าได้รับคำสั่งมาขอโทษสื่อที่แสดงอารมณ์หงุดหงิดใส่ แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาคำพูดกลับต้องการเน้นในเรื่องการขอกำลังใจจากประชาชน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า “ถูกโดดเดี่ยว อ้างว้าง อย่าปล่อยให้เผชิญกับแรงกดดันเพียงลำพัง” คำถามก็คือทำไมถึง“โดดเดี่ยว และใครกดดัน”กันแน่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น