xs
xsm
sm
md
lg

รัฐธรรมนูญต้านโกง-ป้องกันผูกขาดอำนาจ ทำได้จริง ก็สมควรให้ผ่าน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

นาทีนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย ยังไม่รู้ว่าในที่สุดร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่เผยโฉมออกมาในเวลานี้จำนวน 270 มาตรา หลังจากผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นจากสังคมแล้วจะเหลือกี่มาตรา รวมทั้งที่สำคัญที่สุดจะสามารถผ่านประชามติของประชาชนในกลางปีนี้ได้หรือเปล่า ซึ่งนี่แหละคือสิ่งชี้ขาด

อย่างไรก็ดี เท่าที่ฟังจากความเห็นในเบื้องต้น ยังพอมองเห็นได้ว่า “มีแนวโน้ม” ผ่านความเห็นชอบมีจำนวนมากมากกว่าที่จะรังเกียจหรือไม่เห็นชอบ

เท่าที่ฟังในตอนนี้ ก็คือ ฝ่ายที่ค้านสุดลิ่มทิ่มประตูมาตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกยังไม่เสร็จด้วยซ้ำไปก็คือ พรรคเพื่อไทย และเครือข่ายนักการเมือง กลุ่มการเมืองในสายของ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. เท่าที่ฟังดูแล้วแม้ว่าจะยังแทงกั๊ก แต่ก็มีแนวโน้มต้องกัดฟันพูดให้ผ่าน แม้ว่าในระดับตัวบุคคลบางคนที่ออกมาติติงในบางประเด็น แต่ก็เชื่อว่าต้องไหลไปตามกระแส ซึ่งความหมายก็คือ “น่าจะให้ผ่าน” ยกเว้นกระแสไม่เอาจะมาแรงกว่า ซึ่งนาทีนี้ยังมองไม่เห็น

จากการแถลงของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากยกร่างฉบับแรกเสร็จได้ยืนยัน และอธิบายว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็น “ฉบับปราบโกง” มีการตรวจสอบ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มงวดเด็ดขาด มีการให้อำนาจองค์กรอิสระ ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทุกองค์กร อีกทั้งยังมีการจำกัดการดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่เกิน 8 ปี

ที่สำคัญ ยังแย้มให้เห็นว่าในการออกกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญที่จะตามมาจำนวนประมาณ 10 ฉบับ ในจำนวนนั้นจะให้มีบทลงโทษถึง “ประหารชีวิต” พวกนักการเมืองทุจริตกันเลยทีเดียว ซึ่งประเด็นแบบนี้แหละถือว่า “โดนใจ” ชาวบ้าน

เพราะหากพิจารณากันจากความรู้สึกของชาวบ้าน ทั้งในตอนนี้และก่อนหน้านี้ ล้วนเข็ดเขี้ยวและรังเกียจการทุจริต โดยเฉพาะการทุจริตของพวกนักการเมืองกันทั้งสิ้น รังเกียจเสียยิ่งกว่ารังเกียจเผด็จการเสียอีก หากเผด็จการนั้นมันทำประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่ ดังนั้น การออกมา “เปิดหัว” แบบนี้ของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่างฯ กุนซือคนสำคัญ ถือว่ามีชั้นเชิงแพรวพราวและรู้จักจับจุดสังคมได้ไม่เลว

ดังนั้น หากพิจารณาจากอารมณ์เบื้องต้นของสังคมที่สะท้อนจากผลสำรวจในชุดแรก ๆ ที่ออกมาล้วนมีแนวโน้มตรงกัน คือ “จะให้ผ่าน” มากกว่าไม่ผ่าน แม้ว่าตัวเลขเปอร์เซ็นต์จะยังต่ำ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลานี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญแทบทั้งหมดก็ต้องฟังจากพวกนักการเมืองที่ออกความเห็นชี้นำ ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมมีความรู้สึกส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝงทั้งสิ้น

หากพิจารณาตามเหตุการณ์ตามสายตาที่เห็นกลุ่มการเมืองที่เดือดร้อนใจมากที่สุดในเวลานี้ก็เห็นทีจะมีแต่พวกพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติมีบทบังคับใช้ในวันหน้าแล้วละก็ “เจ้านาย” ของพวกเขาจะจบเห่ทันที เพราะมีข้อบังคับข้อห้ามที่เข้มงวด ตั้งแต่ข้อจำกัดเรื่องคุณสมบัติ ที่ห้ามพวกที่ถูกตัดสิทธิ์ ต้องคดีทุจริต ถูกยึดทรัพย์เข้าสู่สนามการเมือง อีกทั้งในวันหน้าหนทางที่จะใช้ “เสียงข้างมากลากไป” ก็ทำได้ยากเต็มทน โอกาสที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตัวเองพ้นความผิดแบบ “ลักหลับ” เหมือนที่เคยทำนั้นริบหรี่เต็มทน

หากเป็นแบบนี้รับรองว่าสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หัวขบวนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยก็จะปิดฉากลงอย่างถาวร เพราะไม่มีคุณสมบัติทางการเมือง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เช่นเดียวกันหากรอดคุกและถูกยึดทรัพย์ไปได้ ก็ไม่ต้องมาคิดถึงเรื่องจะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งกันอีก และที่สำคัญ คนพวกนี้ไม่มีโอกาสที่จะใช้ “วิธีเลือกตั้ง” อ้างเสียงข้างมาก เพื่อมาออกกฎหมายลบล้างความผิดให้ตัวเองและคนในครอบครัวเหมือนเช่นที่เคยทำมาแล้วเป็นอันขาด

แม้ว่านาทีนี้หากพิจารณาจากเนื้อหาและอารมณ์เบื้องต้นของชาวบ้านจะสะท้อนให้เห็นแนวโน้มว่าจะให้ผ่านมากกว่า แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้กลุ่มการเมืองที่พยายามใช้ข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตย การยึดโยงกับประชาชนมาปลุกระดมชาวบ้านให้ไขว้เขว เพราะอาวุธที่สำคัญของคนพวกนี้ที่มักนำมาใช้ก็คือ “น้ำลาย” ที่ใช้ได้ผลมาโดยตลอด ตราบใดก็ตามหากปล่อยให้คนพวกนี้ได้พูดสร้างความสับสนได้ซ้ำๆทุกวันโอกาสที่กระแสตีกลับในวันหน้าก็มีไม่น้อย

ดังนั้น สิ่งที่คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องเร่งทำก็คือในช่วงนี้ต้องคิดหาวิธีการชี้แจงตอบโต้อย่างรวดเร็วทันใจและตรงใจชาวบ้านให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องเปิดโอกาสให้มีการท้วงติง แสดงความเห็นกันได้อย่างไม่ปิดกั้น เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีที่สุด แต่ต้องไม่เปิดโอกาสให้มีการปลุกระดมบิดเบือนได้เป็นอันขาด ที่สำคัญ คณะกรรมการยกร่างฯต้องอธิบายให้ได้ “ปราบโกง” จะเกิดขึ้นจริง การตรวจสอบจะเข้มแข็งและทำได้จริง สิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นหลักประกันสำคัญสำหรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะผ่านหรือไม่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น