“ทีมเศรษฐกิจสมคิด” โรดโชว์ “โอมาน” ต่อยอดเปิดประตูกลุ่มอ่าวอาหรับ เผยภาพชุดพบรัฐมนตรีน้ำมัน-ก๊าซโอมาน-หอการค้า-อุตสาหกรรมโอมาน ด้านรองนายกฯ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น สามเท่าในอีก 5 ปี จากมูลค่าปัจจุบัน1,200 ล้านดอลลาร์ นักธุรกิจรายใหญ่เยือนไทย มิ.ย.นี้ จีบทุนไทยเข้าร่วมเขตเศรษฐกิจพิเศษโอมาน ต่อยอดลงทุนร่วมด้านพลังงาน เผยรัฐบาลโอมานลงนามจดหมายสนใจ หนุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐไทย มอบปลัดคลังสานต่อ เล็งจ่อตั้งเอฟทีเอไทย-โอมาน คาดได้เห็นประโยชน์เหตุโอมานทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ
วันนี้ (1 ก.พ.) มีรายงานว่า ภายหลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมผู้แทนภาคเอกชน เดินทางเยือนประเทศโอมานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 59
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊กของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ได้เผยแพร่ภาพของคณะของนายสมคิดหารืออย่างเป็นทางการกับ Dr. Mohammed bin Hamad Al Ruhni รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันและก๊าซโอมาน พบปะกับ Dr.Salem Nasser Al-Islmaily ประธานองค์การการค้าและการลงทุนโอมาน (PAIPED) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนและการส่งออก โดยให้การสนับสนุนการลงทุนและหาผู้ร่วมทุนทั้งในและนอกประเทศ และพบปะกับ นาย Said bin Saleh Al Kiyumi ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมโอมาน ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน
ล่าสุดได้เข้าพบหารือกับ His Highness Sayyid Fahd bin Mahmood รองนายกรัฐมนตรีโอมาน มีการต้อนรับอย่างประทับใจ โดยในเพจของ รมว.พาณิชย์ระบุว่า “ในช่วงท้ายของการหารือก่อนที่จะร่ำลากัน ก็มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานรองนายกรัฐมนตรีนำขนมฮาลัว (คล้ายกาละแม) มาต้อนรับพร้อมควันกำยานและน้ำดอกกุหลาบล้างมือ เป็นวัฒนธรรมที่น่ารักและน่าประทับใจมากค่ะ”
ด้านนายสมคิดเปิดเผยว่า เป็นความตั้งใจของไทยที่จะเข้ามาเจรจาการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่าโอมานเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงและกำลังพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งเป็นประตูสู่กลุ่มประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ จึงได้นำ ครม.ที่เกี่ยวข้องมาด้วย โดยสิ่งที่ไทยและโอมานได้มีการลงทุนร่วมกันอยู่แล้วคือด้านน้ำมัน ขณะเดียวกันต้องการให้ไทยเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของโอมาน ที่เขาจะให้สิทธิพิเศษทางการค้า และมาตรการปลอดภาษีให้กับไทย โดยให้ไทยเข้ามาลงทุนการผลิต และนำสินค้าส่งไปขายต่อยังกลุ่มประเทศอาหรับได้
ส่วนการเข้าพบกับประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมของโอมานนั้น ทางโอมานขอให้ไทยเตรียมรายชื่อนักธุรกิจรายใหญ่ไว้ที่อยากให้ไทยมาลงทุนเรื่องธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมยา เวชภัณฑ์ และศูนย์บริการด้านสุขภาพ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยและโอมานมีมูลค่าด้านการค้าร่วมกันอยู่ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการตั้งเป้าไว้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ทางโอมานพร้อมส่งนักธุรกิจรายใหญ่มาเยือนไทยในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อแสวงหาลู่ทางในการค้าการลงทุนร่วมกัน
นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามเอกสาร จดหมายแสดงความสนใจเพื่อเป็นกรอบการเจรจาในการเข้ารวมกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future fund) เพื่อเป็นการสนับสนุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐของไทยด้วย โดยได้มีการมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังสานต่อเรื่องดังกล่าว
“ขณะเดียวกัน โอมานเชิญไทยร่วมทำข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับโอมาน เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน และขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งไทยได้เห็นประโยชน์จากตรงนี้ เนื่องจากทางโอมานได้ทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ ซึ่งไทยสามารถได้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย” รองนายกฯ กล่าว
มีรายงานว่า ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า โอมานนับเป็นแหล่งน้ำมันอันดับ 4 และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง การค้าระหว่างกันมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (แต่มูลค่าการค้าปีล่าสุดลดตามราคาน้ำมัน มูลค่าการค้า 1,257 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปโอมานได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อาหาร เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไทยที่เป็นที่ต้องการมากในตลาดโอมาน ได้แก่ ข้าว อาหารกระป๋อง และอาหารแปรรูป ผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
ในขณะเดียวกัน โอกาสในภาคบริการ เช่นการท่องเที่ยวและบริการด้านสุขภาพ ก็มีศักยภาพสูงมาก นอกจากนี้โอมานมีทรัพยากรทางน้ำที่สมบูรณ์มากเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะแสวงหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนด้านการประมงในโอมาน