รองนายกฯ เผย จนท. กำลังดำเนินการฟ้องเอกชน 15 ราย ปมจำนำข้าว อสส. ประชุมร่วม ไม่มีอะไรน่าห่วง รับเอกชนร่วมหารือปฏิรูป กม. ร่วมทำงานแบบประชารัฐ เอกชนออกทุนศึกษาปรับ กม. ชงรัฐตัดสินใจ ตั้ง กก. ร่วมพิจารณาแก้ข้อติดขัด เอากฎระเบียบไม่จำเป็นรวมกันแล้วตัดทีเดียว ไม่เกี่ยวยืดเวลาเช่าที่ดิน
วันนี้ (31 ม.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินการเรียกเก็บค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของเอกชนที่มีอายุความ 1 ปี และจะสิ้นสุดในเดือน ก.พ. นี้ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ และได้มีการประชุมร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดโดยอัยการสูงสุดได้มาร่วมประชุมด้วยตนเองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ขอให้เข้าสู่กระบวนการก่อน ส่วนจะแพ้หรือชนะคดีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยเอกชนที่จะถูกฟ้องร้องนั้นมีจำนวน 15 ราย
นายวิษณุ ยังเปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อศึกษาข้อกฎหมายในแง่ต่าง ๆ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า มีภาคเอกชนร่วมหารือกับตนหลายคน อาทิ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งข้อสรุปว่า มีกฎระเบียบหลายอย่างไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ จึงจะมีการทำงานร่วมกันแบบประชารัฐ โดยแบ่งงานออกเป็นสองส่วน คือ การปฏิรูปกฎหมาย และการปฏิรูปการปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนแรก ภาคเอกชนจะออกทุนในการศึกษาวิจัยว่าจะต้องปรับเปลี่ยนกฎหมายอย่างไรหรือไม่แล้วส่งผลมาให้รัฐบาลตัดสินใจ ว่า จะรับดำเนินการตามนั้นหรือไม่ ส่วนที่สองนั้นเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ที่ล้าช้า ทำให้ผลการประเมินประเทศไทยในหลาย ๆ เรื่องยังไม่ดีขึ้น เขารู้ว่ามันติดตรงไหน ช่องทางคอร์รัปชันอยู่ตรงไหน ไม่สะดวกตรงไหน โดยจะมีการตั้งกรรมการร่วมกัน พิจารณาเป็นรายเดือน เดือน ก.พ. นี้จะหยิบมา 5 เรื่อง ประกอบด้วย การปฏิบัติตามกฎหมายคนเข้าเมือง การขออนุญาต อย. การปฏิบัติตามกฎหมายผังเมือง การปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายเรื่องของการขออนุญาตต่าง ๆ โดยจะแก้ในเรื่องที่ติดขัด จะทำแบบเครื่อง กิโยติน คือเอากฎระเบียบที่ไม่จำเป็นมารวมกันแล้วตัดไปทีเดียว เป็นการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งทำอะไรได้รวดเร็วจะช่วยได้เยอะ
เมื่อถามถึงกฎหมายผังเมือง จะเกี่ยวกับข้อเสนอให้ขยายเวลาเช่าที่ดินเป็น 99 ปีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน และเรื่องเช่าที่ดินดังกล่าวยังคงเป็นเพียงข้อเสนอ แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะมีทั้งข้อดีข้อเสีย เรื่องนี้พูดกันมาทุกสมัย สุดท้ายมีการจำนนกันด้วยเหตุผลหลายอย่าง สุดท้ายเหลือเพียง 50 ปี และข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่การเช่าที่ดินทุกชนิด เพราะการเช่าทำได้เพียงเรื่องพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม ยกเว้นเกษตรกรรม ซึ่งเรื่องยังไม่เสนอเข้ามา ส่วนจะต้องพับไปอีกหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ