“มือปราบหูดำ” ทำหนังสือขอลาออกที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. เหตุมีงานนอกไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เผย “ชายหมู” ยับยั้ง-เชิญพบ “สุเทพ” กล่อม แต่เจ้าตัวบอกปัด คาดคน ปชป.ตบเท้าไขก๊อก กทม.เพิ่ม เว้น “อรรถวิชช์” ที่นั่งที่ปรึกษาอ้างไม่ได้ทำนามพรรค สตง. ชี้ กทม.ตั้งงบไม่เกิดประโยชน์ ไม่สอดคล้องหน้าที่เกือบ 230 ล้าน ขรก.เริ่มวิตกกระทบตำแหน่งหน้าที่
วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารงาน กทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ล่าสุด พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กทม. ได้ทำหนังสือถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขอลาออกจากตำแหน่งลงวันที่ 25 ม.ค. โดยให้เหตุผลว่าต้องดำเนินธุรกิจของครอบครัว ประกอบกับได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการและที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจหลายแห่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานนโยบายสำคัญที่มอบหมายในฐานะที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กทม.ได้อย่างเต็มที่ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อราชการและผู้ว่าราชการ กทม. ตนจึงขอลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากในโอกาสต่อไปมีสิ่งใดที่ตนจะสามารถเป็นประโยชน์ต่อราชการหรือผู้ว่าฯ กทม. ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ
รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้รับหนังสือลาออกดังกล่าวแล้วและพยายามยับยั้ง โดยมีการประสานงานให้ พล.ต.ต.วิชัยไปพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แต่ได้รับการปฏิเสธทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ตัดสินใจที่จะให้หนังสือลาออกมีผลทันทีแทนที่จะเป็นวันที่ 1 มี.ค.โดยคนใกล้ชิดผู้ว่าราชการ กทม.ระบุว่าจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาคนใหม่มาแทนและไม่คิดว่ากรณีนี้จะกระทบต่อการบริหารและความน่าเชื่อถือของผู้ว่าราชการ กทม.แต่อย่างใด
สำหรับ พล.ต.ต.วิชัย นับเป็นรายแรกที่ลาออกจากตำแหน่งฝ่ายบริหารใน กทม. หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ตัดขาดความสัมพันธ์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เนื่องจากไม่เคารพระบบพรรค ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น โดยคาดว่าจะมีคนของพรรคที่ไปร่วมบริหารงานที่ กทม.ลาออกเพิ่มเติมอีก ยกเว้นนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ กทม. เนื่องจากเจ้าตัวให้เหตุผลว่าไม่ได้ไปทำงานในนามพรรค แต่ได้รับการแต่งตั้งโดยส่วนตัวจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทั้งนี้ยังมีบุคลากรของพรรคที่ไปเป็นฝ่ายบริหารอีกสองคน คือ นางผุสดี ตามไท และพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่
ขณะที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีการตรวจสอบความไม่โปร่งใสในหลายโครงการและตั้งงบประมาณไม่ถูกต้องตามระเบียบ ไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ สภา กทม.ที่เป็นหน่วยงานนิติบัญญัติมีอำนาจหน้าที่ในการเสนอพิจารณาตราข้อบัญญัติ ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และควบคุมตรวจสอบการทำงานของฝ่ายผู้บริหาร กทม. แต่ปรากฏว่าการใช้งบประมาณของสภา ซึ่งงานส่วนใหญ่ควรเป็นงบที่เกี่ยวกับงานการประชุม งานสารบรรณธุรการและคณะกรรมการวิสามัญชุดต่างๆ แต่กลับพบว่าร้อยละ 71 หรือจำนวนเงินถึง 228.19 ล้านบาทของงบ 312.34 ล้านบาท หมวดค่าใช้จ่ายอื่น กลายเป็นเงินที่ใช้จ่ายไปกับการฝึกอบรม การสัมมนาดูงานในต่างประเทศ โดย สตง.ระบุว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ ไม่เกิดประโยชน์ต่อ กทม.รวมถึงอีก 17 โครงการดูงานต่างประเทศงบ 106.15 ล้าน ที่ไม่มีเหตุผลจำเป็น ไม่เหมาะสม ไม่เกิดประโยชน์ ในปี 2554 ซึ่งได้มีการจัดโครงการไปดูงานต่างประเทศรวม 15 โครงการ ใช้เงินไป 50.67 ล้านบาท และกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับโครงการกรุงเทพแสงสีแห่งความสุขที่มีการติดตั้งหลอดไฟแอลอีดี 5 ล้านดวง ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก กทม.แจ้งว่า ขณะนี้ข้าราชการเริ่มมีความหวาดวิตกว่าจะเกิดปัญหาจนส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่โดยเฉพาะกรณีติดตั้งหลอดไฟ 39.5 ล้านบาท ทำให้มีกรรมการตรวจรับงานอย่างน้อยสองคนไม่ยอมเซ็นรับงาน นอกจากนี้ยังมีการให้ข้อมูลการทุจริตออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทีวีมหานครที่มีความเกี่ยวโยงกับคนใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมไปถึงการให้สัมปทานป้ายโฆษณาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่อยู่ในการดูแลของ กทม.ให้กับบริษัทของบุตรรองผู้ว่าราชการ กทม.คนหนึ่งด้วย