“เสี่ยจ้อน” เผยวิปแม่น้ำ 3 สายเล็งถกกลำดับความสำคัญปฏิรูป สปท.ชง 5 วาระต้องปฏิรูปให้เสร็จ รบ.ชุดนี้ พร้อมคุยความเป็นไปได้ตั้งองค์กร-กม.ใหม่ ใช้ 5-6 รับฟังปรองดองการเมือง คาดมีกลไกช้าสุดปลายปี ขอการเมืองพิจารณา รธน.รอบคอบ อย่าอคติ แนะ ปชป.พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เชื่อ “มาร์ค” ปฏิรูปพรรคได้
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (ครม., สนช., สปท.) หรือวิปแม่น้ำ 3 สาย ว่าการประชุมในวันนี้จะมีการจัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูป ซึ่ง สปท.เสนอให้มี 5 วาระสำคัญที่จะต้องปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลนี้ ได้แก่ 1. การลดความเหลื่อมล้ำ 2. การปราบปรามการทุจริต 3. ปฏิรูปการเมือง 4. ปฏิรูปเศรษฐกิจ และ 5. การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกิจการตำรวจ นอกจากนี้ยังนำข้อเสนอของ สปท.เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรใหม่และกฎหมายใหม่มาหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพลเรือน (ก.พ.), คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้
นายอลงกรณ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการสร้างความปรองดองว่า ทาง สปท.คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 เดือนนับจากนี้ ในการรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง และคาดว่าจะมีกลไกในการสร้างความปรองดองที่เป็นรูปธรรมอย่างช้าที่สุดในปลายปีนี้ โดยอาจเป็นรูปแบบของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ได้รับความเห็นชอบจากแม่น้ำ 5 สาย เนื่องจากการแก้ปัญหาความขัดแย้งเป็นปัจจัยสำคัญในการมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
ส่วนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายอลงกรณ์กล่าวว่า สปท., สนช. และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะมีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับบทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกในวันที่ 3 ก.พ.นี้ และขอให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ ไม่ใช้อคติในการพิจารณาหรือตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไปในอนาคต
นายอลงกรณ์ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ตัดสัมพันธ์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ควรใช้วิกฤตนี้ในการปฏิรูปตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงาน ภาวะผู้นำ และการมีประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองใหญ่ทั่วโลก โดยพรรคประชาธิปัตย์ควรพลิกวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการสร้างความหวังและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอีกครั้ง เพราะประชาธิปัตย์เป็นกลุ่มการเมืองใหญ่ที่จะสร้างประโยชน์ต่อการเมืองของประเทศไทยในอนาคต เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันจะสามารถปฏิรูปพรรคได้
นายอลงกรณ์กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และพรรคประชาธิปัตย์ว่า สำหรับผู้ว่าฯ กทม.จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะตนเชื่อว่าผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จะช่วยประคับประคองแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ให้คลี่คลายไปได้