“ประยุทธ์” ประชุม กรอ.ภาคเหนือตอนล่าง ถกจัดการภัยแล้ง รับทราบความคืบหน้ากระตุ้นลงทุนขนาดเล็ก อนุมัติขยายบึงบอระเพ็ด ต่อยอดเส้นทางจักรยานยาวที่สุดในเอเชีย ชัยนาท-กำแพงเพชร ขุดเจาะบ่อบาดาล 90 บ่อ ย้ำใช้งบคุ้มค่า ย้อนจะหาอะไรทิ่มปาก “จตุพร” ป้ายสี กรธ.ร่าง รธน.ไม่ให้ผ่านประชามติ ไล่ไปทำสัญญาประชาคมจะไม่โกง ขอสื่ออย่าไปฟังมาก
วันนี้ (22 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.พร้อมคณะ เดินทางมายังห้องประชุมประพันธ์ศิริ ชั้น 2 อาคารสำนักบริหารจรูญ-หทัย มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี) โดยมีรองนายกฯ ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการ ผู้แทนภาคเอกชน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ภายหลังประชุม โดย นายกฯ กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อต้องการพบปะและสร้างความเข้าใจให้มากที่สุดระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนตามแนวนโยบายประชารัฐของรัฐบาล คือ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติเพื่อวางอนาคตของประเทศในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการหารือการบริหารจัดการภัยแล้งในพื้นที่กลุ่มจังหวัด และรับทราบความคืบหน้าการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล เช่น กองทุนหมู่บ้าน และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลละ 5 ล้านบาท โดยได้อนุมัติหลัการโครงการต่างๆ อาทิ โครงการฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ขนาด 150 ลบ.มม.จำนวน 90 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกได้รับประโยชน์ประมาณ 18,000 ไร่ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ตอนล่าง โดยการต่อยอดเส้นทางจักรยานที่ยาวที่สุดในเอเชียจาก จ.ชัยนาทสู่ จ.นครสวรรค์ และ จ.กำแพงเพชร ระยะทาง 184.4 กม. การขยายไหล่ทางเส้นทางมรดกโลกห้วยขาแข้ง สู่เมืองมรดกโลกกำแพงเพชร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประมาณ 90 กิโลเมตร การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และโครงการอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร รวมถึงการจัดเทศกาล อย่าง “เทศกาล กิน ชอป เที่ยว ของดี 4 จังหวัด มีรางวัล” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค. 59 ณ บริเวณอุทยานสวรรค์ จ.นครสวรรค์ และโครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub)
นายกฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้แสดงถึงการขับเคลื่อนประชารัฐเป็นไปได้สูงในรูปแบบใหม่ ได้เห็นสินค้าตัวใหม่ จากที่เราส่งเสริม ไม่ได้เป็นการให้เงินเปล่าๆ โดยไม่ทำให้ทุกอย่างบิดเบือนไปหมด และการประชุม กรอ.ครั้งนี้ถือเป็นจุดแรกเกิดความร่วมมือรัฐ เอกชน ประชาชน มีหลายโครงการที่เกิดขึ้น เช่น ผู้นำภาคเอกชน เสนอเกี่ยวกับอ้อย โดยส่วนหนึ่งใช้เงินรัฐบาล เอกชน และสหพันธ์อ้อยแบบ 1 ต่อ 1 ทั้งนี้ นายกฯให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ เน้นต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ โครงการที่ดำเนินการต้องเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะในท้องถิ่น ให้ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมกำชับให้ทุนสนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัยนวัตกรรมใหม่ ที่เป็นประโยชน์ และสามารถใช้ได้จริง
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มองว่าร่างรัฐธรรมนูญอาจจะถูกคว่ำก่อนไปทำประชามติและมองว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนเพื่อให้ไม่ผ่านประชามติว่า “ไอ้คนพูดเนี่ยใคร ไปเอาอะไรทิ่มปากมันสักทีซิ มีใครจะบ้าทำอะไรแบบนั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่าเขาอธิบายแล้วว่าเขาออกมาแบบนี้เพื่ออะไร แล้วในส่วนของการเข้ามาของนักการเมืองเป็นอย่างไร แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ย้อนกลับไปสู่สาเหตุของปัญหาที่ตนมายืนตรงนี้ ท่านก็เห็นว่าปัญหาของประเทศอยู่ตรงไหนทางด้านการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การตรวจสอบอำนาจ การใช้อำนาจ ผลประโยชน์ทับซ้อน การไม่ทั่วถึงไม่เป็นธรรม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นั่นเขาถึงต้องมีกติกาออกมา
“ถ้าท่านบอกว่าพูดยังงั้นแล้วท่านก็ไปบอกไอ้คนพูดสิ ออกมายืนเข้าแถวสัญญาประชาคมว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ทุจริต ต่อไปนี้ผมจะมีธรรมาภิบาล ดังนั้นอย่ามาไล่กับผม เข้าใจรึยัง อย่าไปฟังเขามาก ผมขี้เกียจฟัง ฟังแล้วโมโหเสียอารมณ์หมด วันนี้ยิ่งอารมณ์ดีมาตลอด” นายกฯ กล่าว และบอกกับสื่อมวลชนว่า “พวกเธอก็อย่าไปฟังเขา อย่าไปขยายความให้เขา เขาพูดในบ้านก็เรื่องของเขา”