“ประยุทธ์” นำคณะลงพื้นที่นครสวรรค์ เยียมชมนิทรรศการช่วยเหลือเกษตร “สมคิด” แย้ม รบ. เตรียมออกโครงการประชารัฐใหม่ ให้ชุมชนคิดโครงการเพื่อสร้างตัวในการเป็นเถ้าแก่น้อย ดึงร้านสะดวกซื้อมารับของไปขาย อัดพรรคการเมืองอย่าเคลมกองทุนหมู่บ้าน ชี้ ตัวเองเป็นคนก่อตั้งต้องเป็นนโยบายของรัฐ ฝาก ปชช. นึกถึงประชารัฐให้นึกถึงบิ๊กตู่ นายกฯ ย้ำมาสร้างการเรียนรู้ วอนอย่าเชื่อการปลุกปั่น
วันนี้ (22 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาถึงโรงเรียนรัฐราษฎร์อนุสรณ์ ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เพื่อปฏิบัติราชการที่ จ.นครสวรรค์ และ จ.ชัยนาท ในเวลา 09.20 น. โดยมีตัวแทนอาจารย์ นักเรียนให้การต้อนรับ พร้อมร้องเพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” ต้อนรับ โดยนายกฯ ได้ร้องเพลงคลอไปกับนักเรียน ทั้งนี้ นายกฯได้พูดคุยกับคุณยายวัย 85 ปี โดยคุณยายกล่าวกับนายกฯว่า “เกิดมา 85 ปี ไม่เคยมีนายกฯคนไหนมา ต.บึงปลาทู นายกฯคนนี้เป็นคนแรก แถมหล่อกว่าในโทรทัศน์ด้วย” นายกฯ ตอบว่า “ชมแบบนี้เขินตายเลย ถ้าเป็นนักการเมืองได้คะแนนเสียงไปแล้ว ดีนะผมไม่ใช่นักการเมือง”
จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะเดินทางมาที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ โดยมี นายธนาคม จงจิระ ผู้ว่าราชการ จ.นครสวรรค์ และข้าราชการท้องถิ่นให้การต้อนรับ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัย มีตำรวจและทหารร่วมกันรักษาความปลอดภัย ตรวจบุคคลที่เข้าออกภายในงานอย่างละเอียด รวมถึงร่วมกันตรวจคัดกรองด้วย จากนั้นนายกฯได้พบปะกับคณะกรรมการบริหารศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งนำโดย นายพิชัย โสทะ ประธานศูนย์ฯ และเกษตรต้นแบบ จากนั้นได้เยี่ยมชมสินค้าชุมชน จ.นครสวรรค์ รวมทั้งให้กำลังใจกับกลุ่มเกษตรกร โดยศูนย์ดังกล่าวมีการเรียนรู้ 3 หลักสูตร คือ 1. การผลิตเม็ดข้าวคุณภาพดี 2. เศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรื่อน และ 3. การปลูกพืชใช้น้ำน้อย
จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะเยี่ยมชมนิทรรศการมาตรการช่วยเหลือเกษตรในช่วงภัยแล้ง 8 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน 2. มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกร มีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 3. มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร 4. มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง 5. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ 6. มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน 7. มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และ 8. มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้พบปะประชาชนเพื่อสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ รวมปัญหาที่ต้องการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล และในโอกาสนี้ นายกฯได้เยี่ยมชมแปลงสาธิตย่อย พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานจากนายอำเภอบรรพตพิสัย และมอบกุญแจรถตักข้าวเปลือกให้ นายประนอม หงส์เวียนจันทร์ ตัวแทนสหกรณ์การเกษตรบึงพิมพา จำกัด ตามโครงการจัดหาเครื่องจักรกล ตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จ.นครสวรรค์ และมอบสินเชื่อโครงการปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรจำนวน 100,000 บาท ก่อนจะเยี่ยมชมโรงคัดแยกเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว
นายกฯ กล่าวตอนในหนึ่งในการพบปะกับประชาชน ว่า ตนเห็นรอยยิ้มของทุกคนมีความสุข มันทำให้ตนเกิดความกดดันสูงขึ้น เพราะตนต้องทำให้ท่านมากขึ้น แต่ด้วยภาวะหลายประการ ความเข้มแข็งของเรานั้นอยู่ที่พวกเราทุกคน วันนี้ในส่วนของทีมประชารัฐทุกคนข้างบน และจะมีทีมประชารัฐข้างล่าง ถ้าข้างบนทำข้างล่างไม่ทำก็ไปไม่ได้ และแก้ด้วยราคาอย่างเดียวก็ไม่จบหรอก ขอให้ใจเย็น ๆ
ขณะที่ นายสมคิด กล่าวว่า ต้องขอบคุณที่สละเวลามาต้อนรับ อยากเรียนว่าได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้ มันทำให้พวกตนมีกำลังใจที่จะทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องเกษตรกร อยากเรียนว่าวันนี้พวกเราทุกคนเข้าใจถึงความยากลำบาก ตระหนักดีถึงความทุกข์ยากของเกษตรกร ลำพังก็ยากจนอยู่แล้ว มาปีนี้ปีหน้าราคาสินค้าก็ตกต่ำเพราะราคาน้ำมันตกทั่วโลก และราคาสินค้ามันตามราคาน้ำมันคือราคาตกทั้งโลก เกษตรกรทั้งโลกลำบากไม่ใช่เฉพาะพวกเรา แต่ท่านนายกฯเป็นห่วงกังวลบางครั้งหงุดหงิด เพราะอยากจะลงไปช่วยให้เร็ว แต่มันไม่ได้ดั่งใจแต่ทุกคนก็พยายามเต็มที่ เมื่อราคาสินค้าตกต่ำสิ่งที่รัฐบาลพยายามช่วย คือ ช่วยชดเชย จ่ายเงินช่วยเหลือ ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยออกโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท เพื่อลงไปช่วยเกษตรกร แต่บางครั้งการช่วยเหลือจำนวนมาก ขั้นตอนก็มีมาก และเราต้องการให้ดีที่สุด ก็อาจจะช้าไปบ้าง แต่รมว.มหาดไทย ก็พยายามเร่งให้เงินไปถึงข้างล่าง และการช่วยเหลือไม่ได้มาจากราชการเท่านั้น บางครั้งนายกฯอยากให้ชาวบ้านพูดกันเองผ่านกองทุนหมู่บ้าน
“และกองทุนหมู่บ้าน ที่เป็นเครื่องมือของรัฐทุกรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ผมเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งกองทุนหมู่บ้านเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใดมาเคลมว่าเป็นของพรรคการเมืองเหล่านั้น กลไกที่ดีในการช่วยเหลือคนยากจนได้มันต้องเป็นเครื่องมือกลไกของรัฐบาลที่ช่วยเหลือคนไทยทุกคน” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านจัดสรรไปแล้ว 6 หมื่นกว่าล้านบาท ผ่านสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งเชื่อว่าเม็ดเงินไปถึงข้างล่างแล้ว แต่แค่นั้นไม่พอ เพราะนายกฯบอกว่าสิ่งที่จะช่วยไม่ใช่แค่ว่าเอาเงินไปแจก เราต้องการรดน้ำที่ราก ไม่ต้องการรดน้ำที่ใบ ต้องการให้รากแข็งแรง เพื่อพี่น้องจะได้เข้มแข็งในอนาคตข้างหน้าลูกหลานมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่ว่าขายแต่สินค้าราคาถูก ปีไหนมีน้ำก็ปลูกได้ดี ปีไหนไม่มีก็ปลูกไม่ได้ดีชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ ดังนั้น ในเวลาไม่นานนักนายกฯกำลังให้พวกตนเสนอโครงการประชารัฐโครงการใหม่่ที่จะไปช่วยพัฒนาความเข้มแข็งของชนบท
“เข้มแข็งยังไง ต่อจากนี้จะไม่ใช่ว่าแค่ให้สินเชื่อไปกู้ยืมไปใช้ แต่จะให้ทุกตำบลทุกหมู่บ้านเอาเงินเหล่านี้ไปดูสิว่าท่านจะเอาเงินเหล่านี้ไปต่อยอดความเข้มแข็งให้กับท่านทำอะไรได้บ้าง เพิ่มรายได้ได้อย่างไร ท่านเห้็นตัวอย่างที่มาตั้งอยู่แล้ว ลำพังปลูกข้าวอย่างเดียวราคามันตก ถ้าไม่ทำอะไรเลยมันก็จน ปลูกยางอย่างเดียวไม่ทำอะไรเลยท่านก็แย่ สิ่งที่ต้องทำคือว่าปลูกอะไรที่มันมากกว่าสิ่งท่านปลูกอยู่ เอาสินค้าที่ใช้น้ำน้อยเวลาน้ำแล้งก็ทำได้ เมื่อสักครู่นักข่าวมาบอกผมว่ามีเกษตรกรอยู่ท่านหนึ่งทดลองปลูกถั่วเขียวได้กำไรต่อไร่ 4,000 บาท สิ่งสำคัญคือ มันไม่ใช่ถั่วเขียวอย่างเดียว มันมีถั่วเหลือง ข้าวโพด ผักสวนครัว และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำพันธุ์สัตว์เป็ดไก่ไปแจกเกษตรกร สิ่งเหล่านี้เราต้องช่วยตัวเองให้มีความหลากหลายก่อน ทดลองมันดู อย่าไปกลัว นี่จะเป็นตัวช่วยให้เรามีรายได้จุนเจือครอบครัวได้” รองนายกฯ กล่าวว่า
นายสมคิด กล่าวว่า สิ่งที่สองเรื่องความเข้มแข็ง ถ้าเกษตรกรจะปลูกข้าวท่านต้องมีลานตาก โรงสีชุมชนมียุ้งฉาง โรงระอุข้าว เครื่องเก็บเกี่ยว สิ่งเหล่านี้เกษตรกรแต่ละคนไม่มีเงินพอ
“ฉะนั้น ประชารัฐล็อตใหม่โดยท่านนายกฯจะลงไปข้างล่าง หมายความว่า ชุมชนจะต้องประชุมคิดกันเองว่าจะเอาเงินเหล่านี้ไปสร้างเครื่องสีข้าว จะสร้างยุ้งฉางขนาดเล็กไหม ไปเช่ารถแทรกเตอร์ไปเก็บเกี่ยวไหม ไปทำโรงงานแปรรูปเล็กหรือไม่ เพราะข้าวแต๋นที่ผมกินเมื่อสักครู่มันอร่อยมาก เขาขายผ่านโลตัสทั่วประเทศ ท่านที่เคารพอนาคตข้างหน้าเราจะเอาตลาดมาไว้ที่นี่ไม่ใช่ให้ท่านไปหาตลาด ประชารรัฐจะมีโครงการตลาดประชารัฐลงสู่ทุกชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลและท่านนายกฯได้ขอร้องให้ภาคเอกชนร้านสะดวกซื้อทั้งหลายมาช่วยกันรับซื้อสินค้าจากเกษตรกร ฉะนั้น แปลว่าสินค้าที่ผลิตได้จะมีโอกาสและช่องทางและตลาดได้มากขึ้น” รองนายกฯ กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อวานนี้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ว่าแหล่งท่องเที่ยวดี ๆ ในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม เขามีสินค้าท้องถิ่นไปขายที่นั่น คนต่างประเทศนับหมื่นนับแสนไปซื้อของเหล่านั้น ตนถามว่า ทำไมโอทอปของเราไม่มีขาย ณ จุดเหล่านั้นบ้าง ก็ให้นโยบายว่าต้องกระจายสินค้าไปสู่แหล่งท่องเที่ยวให้ได้ กระทรวงท่องเที่ยวฯเขากำลังจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ ไม่ใช่ไปต่างประเทศ หมายความว่า หนึ่งตำบลจะต้องมีแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งแห่ง ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วมีตลาดกลางจากกระทรวงพาณิชย์มารับซื้อผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ที่ปลูกได้ไปให้ประชาชน มีการแลกเปลี่ยนระหว่างประชารัฐแต่ละตำบลกับตำบล จังหวัดกับจังหวัด
“ท่านอาจจะไม่เข้าใจในวันนี้ แต่มันก็คือการลงทุนในวิทยาการที่จะทำให้ทุกชุมชนทุกหมู่บ้านในอนาคตสามารถมีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ท่านสามารถขายผ่านสหกรณที่เข้มแข็ง เรียนรู้วิธีการใช้ สามารถขายสินค้างของท่านไปโดยตรงในโลกผ่านเว็บไซต์ เราจะช่วยท่านในสิ่งต่าง ๆ” รองนายกฯ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า สิ่งต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องเกิดจากภาครัฐ เอกชน ที่มีความรู้ เขาจะมาช่วยท่าน และพวกท่านเองจะเป็น “สมาร์ทฟาร์เมอร์” เราไม่ต้องการให้เป็นเกษตรกรจน ๆ หน้าดำ ๆ ตัวคล้ำ ผิวเกรียม เราต้องการให้เกษตรกรเป็นเถ้าแก่น้อย ๆ ในอนาคตให้ได้ ธ.ก.ส. และ ธ.ออมสิน กำลังจะออกแพกเกจ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี เกษตรกรอุตสาหกรรม คือ เราจะยกระดับเกษตรกรเป็นเถ้าแก่น้อยให้ได้ ที่ต้องหาผู้นำในชุมชนที่มีความสามารถสร้างให้เขาเป็นผู้ประกอบการ รู้จักยกระดับมูลค่าสินค้าให้ดี สร้างยี่ห้อดีไซน์หีบห่อ ติดต่อตลาด ขายในต่างประเทศ แล้วช่วยเหลือคนในชุมชนทุกคนจะได้เรียนรู้ว่ามันทำกันอย่างไร
“ทำไมเกษตรกรถึงเป็นเกษตรกรทั้งชาติ ทำไมพ่อค้าคนกลางถึงเป็นพ่อค้าคนกลางทั้งชาติ จากนี้เราต้องการให้เป็นเถ้าแก่น้อยเหมือนที่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เขาทำกันได้ สิ่งเหล่านี้นายกฯกำชับแล้วกำชับอีก แต่ข่าวที่ออกไปมันน้อย เกษตรกรมีจำนวนมาก การเมืองมี ส.ส. มี ส.จ. เขาก็จะไปบอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่การเมืองวันนี้มีความไม่เป็นปกติ เราทะเลาะเบาะแว้งกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ทะเลาะจนลาวจะข้ามหัวเราแล้ว พวกเราไม่ต้องห่วง จะเลือกพรรคการเมืองอะไรเลือกตามใจชอบเมื่อมีการเลือกตั้ง แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง ท่านนายกฯบอกแล้วว่าจะพยายามทำให้พวกท่านยืนขึ้นมาให้ได้ อย่าไปหลงเชื่อกับคำปลุกปั่น การบิดเบือนมันไม่ช่วยอะไรเลย มันมีแต่ทำให้คนไทยเราทะเลาะกันเอง แล้วมันก็จะค่อย ๆ ตกลง และค่อย ๆ จมดินไปในที่สุด เราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น คนไทยต้องสามัคคี เพลงแบบท่านนายกฯแต่งออกมาร้องได้หรือไม่ 1 มือ 1 ลมหายใจมันไม่พอหรอก ทุกคนต้องร่วมมือต่อลมหายใจกัน เมื่อนั้นเมืองไทยมันจะเจริญ” รองนายกฯกล่าว
“ฉะนั้น ถ้าท่านได้ยินคำว่าประชารัฐเมื่อไร ขอให้ท่านสนับสนุน และขอให้ท่านนึกถึงท่านนายกฯที่พยายามปลุกปั้นโครงการนี้ขึ้นมา อย่าหลงเชื่อกับคำยุยงคำปลุกปั่น ไม่มีสิ่งใดดีหรอกครับ ขอบคุณครับ” นายสมคิด กล่าว
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดที่ยังคงมีอยู่ โดยระบุว่า เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะเป็นต้นตอของปัญหาสังคมอย่างหนึ่ง จึงต้องช่วยกันเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รัฐบาลกำลังทำงานก็ยังมีคนคอยบิดเบือนข้อมูล อย่างโครงการกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 5 ล้านบาท หากทำเร็วเกินไปก็โจมตีว่าอาจมีการทุจริต แต่หากทำช้าก็ไม่ทันใจชาวบ้าน
นายกฯกล่าวด้วยว่า วันนี้เป็นโอกาสดีให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ได้พูดบ้าง ตนพูดมาเยอะแล้ว ตั้งใจว่าจะพูดให้น้อยลง และที่พูดทั้งหมดเป็นการปฏิรูปประเทศไทยเราจะคิดแบบเดิมอยู่แบบเดิมไม่ได้ต้องพูดถึงการแก้ปัญหาทั้งระบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
“วันนี้อยากจะฆ่าคน 3 คนที่ 1 คนออกแบบเต็นท์ คนที่ 2 คนเช่าเต็นท์ รู้มั้ยมันร้อนมาก พูดเล่นนะ ชาวบ้านร้อนจะตาย ที่ลุกหนีไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเบื่อนายกฯพูด แต่เป็นเพราะร้อน วันนี้ตนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักการประชารัฐ ผมไม่ต้องการคะแนน แต่ต้องการแรงใจ ตั้งใจว่าปีนี้จะอารมณ์เสียและพูดให้น้อยลง เขาบอกว่าเป็นนายกฯต้องอดทน” นายกฯ กล่าว
นายกฯกล่าวอีกว่า วันนี้ผู้ที่แข็งแรงกว่าต้องช่วยคนที่แข็งแรงน้อยกว่า ไม่ใช่เอาเปรียบคนที่อ่อนแอ วันนี้ได้เห็นความก้าวหน้าหลายประการตามที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกลุ่มได้ทำ วันนี้ความคิดไม่มีวันสิ้นสุด เพราะทุกคนมีสมอง 3 ส่วน อย่าคิดส่วนเดียว ต้องใช้สมองให้ครบ ไม่ใช่ใช้อะไรมานำความคิดอย่าให้การเมืองนำ มันไม่ใช่ ต้องใช้สติปัญญาการเป็นประชารัฐต้องร่วมมือทางความคิดด้วย พระพุทธเจ้าบอกว่าสติปัญญาเป็นบ่อเกิดคุณธรรม ทุกคนต้องทำความดีอะไรคือดีชั่วรู้หมด ฉะนั้นทำความดีไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรี ต่อไปนี้เจอหน้าตนทักทายคำเดียวประชารัฐ ซึ่งประชารัฐมี 3 ระดับ ระดับบน คือ รัฐบาล ทุกคนในประเทศนี้ คือ กลไกประชารัฐ วันนี้ตนเข้ามาเพื่ออย่างนี้ ไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างปัญหา แต่เข้ามาเพื่อให้ปัญหาคลี่คลายรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศทำอย่างไรไม่ให้ล้มลง ถ้าล้มลงทุกคนอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น ก็ต้องมีการปฏิรูปและการปฏิรูป คือ การเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราคิด 11 ด้าน 37 วาระ นั้นแหละคือ การปฏิรูป รัฐบาลนี้เข้ามาทำตลอดสิ่งที่อยากให้ทุกคนทำ คือ การปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปความคิดร่วมมือกันสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นมาเป็น 10 ปี เพราะความขัดแย้งทางการเมืองวันนี้ เมื่อเกิดวิกฤตก็ใช้วิกฤตเป็นโอกาส วิกฤตของตนคือการโดนตำหนิแต่ขอให้เอาที่ตนถูกตำหนิมาเป็นโอกาสให้กับทุกคน
นายกฯกล่าวว่า กิจการสำคัญวันนี้ เราแก้ปัญหาประเทศมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ปี 57 ชีวิตตนชีวิตท่านมีค่าเท่ากัน ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ปีนี้ปีที่ 2 ยังอยู่ในระยะที่ 2 ต่อไปจะมีการเลือกตั้งจะเลือกได้หรือเปล่าตนไม่รู้ แต่วันนี้ต้องใช้สติปัญญาให้มากไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่านึกถึงตัวเองอย่างเดียว ต้องคิดถึงครอบครัวสังคมและประเทศชาติ ใครที่เป็นหนี้รัฐกรุณาช่วยใช้หนี้ด้วยแต่ถ้าเป็นหนี้นอกระบบก็ต้องไปแก้ไข ซึ่งวันนี้มี พ.ร.บ. การทวงหนี้แล้วถ้าที่ไหนมีปัญหา คสช. ลุยหมด
”สิ่งผมมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเป็นเกียรติ หรือเรียกคะแนนเสียง แต่มาดูแลปัญหาของพวกท่าน ไม่ได้มาให้เงินแต่ให้การเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนพร้อม ๆ กัน เพื่ออนาคต ของลูกหลานวันนี้จะคือประวัติศาสตร์ในวันข้างหน้า และอยากให้ประชาชนรู้การทำงานของรัฐบาลทั้งหมด ท่านจะได้เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง” นายกฯกล่าว
พลเอก ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า ขอให้รักผมน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ และขอให้รักรัฐมนตรีของผมด้วยไม่ใช่ไล่กันอย่างเดียว วันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งให้ได้โดยเร็วที่ผ่านมาต่างประเทศก็มาพบตนที่ทำเนียบเยอะ ฉะนั้น อย่าไปเชื่อที่มีการบิดเบือนว่าต่างชาติไม่คบตนเอง
นายกฯกล่าวอีกว่า ผู้นำท้องถิ่นอย่าแบ่งแยกกันต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีจะนำไปสู่ความขัดแย้งไม่ได้ต้องนำไปสู่ความปรองดองความร่วมมือ ต้องไม่มีการเมือง การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลไม่เคยปิดบังอะไรสักเรื่อง ฉะนั้น อย่าไปเชื่อ การบิดเบือน บริหารประเทศคิดตลอด ถ้าคิดแบบสับปะรังเคไม่ต้องมาเป็นและวันหน้าใครมาเป็นรัฐบาลให้มาเปิดแผนการทำงานให้ดูแบบรัฐบาลนี้ ตอนนี้รัฐบาลทำทุกอย่าง ไม่ใช่พูดอย่างเดียวต้องศึกษา ด้วยทั้งการบริหารจัดการน้ำ การจัดโซนนิงการปลูกพืชผลทางการเกษตร อย่าเชื่อเรื่องการทุจริตวันนี้ไม่มีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้ขึ้นรถอีแต๊กเพื่อเยี่ยมชมแปลงพืชผัก และการสาธิตการตลาด ต่อด้วยการปลูกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปที่ห้องประชุมประพันธ์ศิริ ชั้น 2 อาคารสำนักบริหารจรูญ - หทัย มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่ม จ.ภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และ อุทัยธานี) เพื่อประชุมหารือถึงการบริหารจัดการภัยแล้งในพื้นที่กลุ่มจังหวัด และรับทราบความคืบหน้าการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล เช่น กองทุนหมู่บ้าน และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท)