“ประยุทธ์” เผย อะไรที่เกี่ยวกับ ปชช.-ที่ดินและป่าไม้ ต้องใช้แผนที่เดียวกัน แจงให้ ยธ.เป็นเจ้าภาพเพราะมีเรื่อง กม.เกี่ยวข้องหลายฉบับไม่ใช่ใครใหญ่กว่าใคร ระบุประเทศไทยแบ่งแยกไม่ได้ ทั้งทาง กม.และพฤตินัย ฝาก “บิ๊กต๊อก” เปลี่ยนคำทวงคืนพื้นที่ป่า ชี้เป็นคำที่ดุเดือดเกินไป ประชดแก้ปัญหาที่ดิน ใช้ ม.44 ไม่ได้ ต้องใช้ถึง ม.88 ฉะบาง รบ.ไม่สนใจพระราชดำรัส
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ตึกสันติมีตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4,000 (One Map) และมอบนโยบาย ตอนหนึ่งว่า ถือว่าวันนี้เราต้องเหนื่อยเพราะต้องทำงานให้กับประชาชนและประเทศ เพื่อนำไปสู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน 3 คำนี้สามารถตีความได้มากมาย และต้องดำเนินกิจกรรมในหลายร้อยหรือหลายพันอย่าง นโยบายเรื่องการดูแลทรัพยากรป่าไม้จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งนโยบายการจัดที่ดินยังมีปัญหาอยู่พอสมควร สถานการณ์ของโลกปัจจุบันมีปัญหาหลายอย่างทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ความยากจน ความอดอยาก และการพัฒนาที่ยังไม่เท่าเทียม ในทุกเวทีของโลกจึงได้มีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ทุกประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใน 15 ปี รวมทั้งจุดมุ่งหมายในการลดภาวะโลกร้อน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้รัฐบาล และคสช.พยายามทำทุกอย่างโดยการนำเอาจิ๊กซอว์ที่ทุกคนคิดและพัฒนามาต่อเชื่อมกันให้ได้ เป็นกิจกรรมเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ นอกจากปัญหาภาวะโลกร้อนแล้วหากเราปล่อยปละละเลยในเรื่องการดูแลป่าอย่างยั่งยืนก็จะเกิดปัญหาตามมา จึงเป็นนโยบายแรกๆ ของ คสช.ในการดำเนินการเรื่องนี้ ทราบดีว่าทุกคนมีความตั้งใจดี และในช่วงการปรับเปลี่ยนนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา ตนเข้าใจที่จะต้องเจอทั้งปัญหาที่ทำมาเดิมต้องแก้ไข และต้องทำสิ่งใหม่ขึ้นมาอีก ต้องขอบคุณผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดที่มีความเข้มแข็ง ตนพยายามดูแลความเข้มแข็งของข้าราชการทุกหน่วยงาน ไม่ให้กลับไปที่เดิม ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่อยู่ในวันข้างหน้า ทุกอย่างต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ประชาชน และองคาพยพทั้งหมด ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันโดยผ่านความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
“ปัจจุบันป่าเหลืออยู่ประมาณ 40% เพราะถูกบุกรุกไปหลายล้านไร่ ต้องช่วยกันดูว่าถูกบุกรุกด้วยประเด็นใดทั้งเรื่องของการเพาะปลูก การทำธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่การอยู่อาศัย หรือด้วยกันบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ด้วยการสมยอม ทำให้คนดีทำงานลำบาก ต้องเข้าใจว่าเรามีแผนที่หลายมาตราส่วน เพียงแต่ใช้กันคนละภารกิจแต่แผนที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของประชาชน ป่าไม้ ที่ดิน ควรจะต้องเป็นแผนที่เดียวกัน จะได้ไม่เกิดปัญหาโดยเฉพาะการทุจริตขัดแย้งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ในส่วนของแผนที่ทหารใช้มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 และ 1 ต่อ 250,000 แต่ก็ใช้กันคนละภารกิจ จึงมีกรมแผนที่ทหารเกิดขึ้นมา มีหลายหน่วยงานนำมาตราส่วนดังกล่าวไปใช้ แต่ในเรื่องการบริหารจัดการที่ดินควรจะมีแผนที่ฉบับเดียว ซึ่งผมได้มอบหมายให้ รมว.ยุติธรรมไปดำเนินการ เหตุผลที่ต้องใช้กระทรวงยุติธรรม ไม่ใช้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เป็นเพราะมีกฎหมายหลายฉบับ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกับกฎหมายก็ต้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพ อย่าไปคิดว่าใครใหญ่กว่าใคร ใครนั่งตรงไหนก็เหมือนกัน จะนั่งหัวโต๊ะท้ายโต๊ะหรือตรงกลางก็ขอให้แสดงสติปัญญาออกมาให้ได้ไม่เช่นนั้นทุกคนจะแย่งกันเป็นใหญ่กันไปหมดจะต้องพัฒนาตัวเองให้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด, สนช., สปท. ต้องพูดให้ประชาชนเข้าใจ เพราะตนเห็นถึงอันตรายในการใช้คำพูดที่ว่า คนอื่นเป็นใหญ่ การบริหารราชการแผ่นดินแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ส่วนที่เป็นป่า รัฐต้องเป็นคนบริหารจัดการ 2. พื้นที่ดินที่เป็นกรรมาสิทธิ์และไม่มีกรรมาสิทธิ์ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ประชาชนจะมีรายได้ ถ้าให้ท่านไปดูแลป่าเอง ไปบริหารจัดการชุมชนเอง ตนถามว่าจะไปได้หรือไม่ ก็ไปไม่ได้ ต้องมองว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าอย่างไร ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้ ทั้งทางกฎหมายและพฤตินัย การบริหารจัดการที่ดิน การบริหารจัดการตนเอง ต้องไปดูว่าเขาแบ่งกลไกการปกครองไว้แล้ว ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ด้วยการประสานสอดคล้องเกื้อกูลกัน ตรงนี้เรียกว่าการบูรณาการ และการที่ คสช.เข้ามาตนรำคาญคำว่าบูรณาการ เพราะในช่วงที่ผ่านมาไม่เคยเกิด ทุกคนทำงานของตัวเอง บริหารงบประมาณของตัวเองหมด ตนไม่โทษข้าราชการ แต่โทษผู้บริหาร และโทษคนกำกับดูแลคือรัฐบาล วันนี้รัฐบาลพยายามทำหน้าที่ แต่แน่นอนการแก้ปัญหาที่มีมายาวนาน มันมีการต่อต้านทั้งหมด เพราะมีคนเสียประโยชน์ แต่คนที่ได้ประโยชน์ต้องเยอะกว่ารัฐบาลสู้ในเรื่องนี้
“เป้าหมายที่วางไว้ในปี 59 ไม่ใช่งานหมูๆ หรืองานง่ายๆ ที่สื่อชอบถามว่าเสร็จหรือยัง พูดเยอะทำไม่เสร็จ จะเสร็จได้อย่างไร ก็มีการถลุงเงินไปเท่าไหร่แล้วบ้านเมืองน่ะ ผมพูดเดี๋ยวก็แรงไปอีก เราวางแผนไว้ในปี 59 จะต้องนำพื้นที่ป่าคืนให้ประเทศ ผมฝากไปแล้วว่าการใช้คำว่าการทวงคืนพื้นที่ป่า เป็นคำที่ดุเดือดไปหน่อย ก็ฝากรัฐมนตรีไปคิดมาว่าจะใช้คำว่าอะไร ถ้าหากใช้คำว่าทวง เจ้าหน้าที่ก็ไม่เข้าใจก็ไปไล่เขาออก ปัญหาก็จะกลับเข้ามาอีก มันจะต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการบุกรุกที่ดินจะมีคณะกรรมการนโยบายที่ดินดำเนินการจัดเป็นที่ดินแห่งชาติที่ต้องใช้ทั้งนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ เพราะถ้าเอากฎหมายมาทำก็ทำไม่ได้ทั้งหมด รัฐบาลก็มีนโยบายเยอะแยะไปหมด บางอันก็ใช้มาตรา 44 ด้วยซ้ำ อาจจะไม่พอ อาจจะต้องออกมาตรา 88 ทุกคนเรียกร้องมาตรา 44 หมด แต่อะไรที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนกลับไม่ชอบ ไม่นึกถึงคนอื่น สื่อก็ประโคมกันเข้าไป อันไหนดีตรงใจก็ว่าดี อันไหนที่ใช้กฎหมายก็ไม่ชอบ ใช้อำนาจอย่างนี้ก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร วันนี้ถ้าเอาพื้นที่ป่ากลับมาแล้วใช้การบริหารจัดการที่เหมาะสม แก้ไขระเบียบ มันแก้ได้หมดก็เพื่อคนทั้งประเทศ ได้ใช้ประโยชน์อย่างเท่าเทียม ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันก็จะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดิน พื้นที่ป่า การใช้ประโยชน์ การพัฒนาประเทศ และหากมีการกำหนดที่ชัดเจน ก็จะสร้างชุมชนเมืองในชนบทขึ้นมาได้ ในพื้นที่ที่มีผู้บุกรุก ต้องมีการบูรณาการร่วมกัน ไม่ใช่พอบอกป่าก็ทำป่าอย่างเดียว มหาดไทยม่รู้ กรมที่ดินไม่รู้เรื่อง ข้าราชการลำบาก ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าราชการข้าล่างก็เอากฎหมายของตัวเอง ทำแบบนี้ไม่ได้จากนี้จนถึงปี 60 จะเน้นเรื่องการบูรณาการ ต้องนึกถึงกิจกรรมของประเทศและการจัดตั้งกลุ่มงานของรัฐบาล เรามี 6 รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลในเรื่องยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม การศึกษามีเยอะแยะไปหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า อย่างเรื่องการบริหารจัดการที่ดิน วันหน้าจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนด้วยหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะรัฐบาลคนละรัฐบาล ไม่มีอย่างอื่น เห็นแต่ในแผนที่ วันหน้าตนจะทำระเบียบงบประมาณใหม่ภายในปี 59 เพื่อใช้ในปี 60 การจะทำงบประมาณที่เป็นกิจกรรมเดียวกันต้องดูทั้งปัญหาตนทาง กลางทาง ปลายทาง ต้องทำร่วมกันตั้งแต่ต้น ในปีงบประมาณประจำปี 60 เมื่อทำเสร็จแล้วต้องไปทำงบประมาณประจำตามนโยบายเดิม จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับงบประมาณที่สาม ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและ คสช. คือ สิ่งที่เราต้องปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ใน 37 กิจกรรม ตนถามว่าทำเสร็จไหม ก็ไม่เสร็จ ต้องทำต่อในรัฐบาลหน้า ภายในกรอบ 20 ปี ผู้ว่าฯ ต้องเป็นแม่งาน แต่ทำไหมระดับเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดถึงไม่ยอมกัน ทำไมไม่ยอมให้ผู้ว่าฯ ขับเคลื่อน หรือต้องรอนายตัวเองแล้วประชาชนจะได้อะไร โอเค นายให้ความก้าวหน้าแต่ประชาชนไม่ได้อะไร ท่านจะต้องได้สองทาง เดี๋ยวตนออกแบบประเมินให้ใหม่ ตรงนี้ที่พันไปสู่การประเมินข้าราชการ ถ้าท่านแข้มแข็งเอง วันหน้าเขาก็มาเล่นงานท่านไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เวลาตนเองไปต่างประเทศก็จะยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องการรักษาดูแลธรรมชาติ ไปพูดกับต่างชาติเสมอ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะมีความจำเป็นในการดำรงชีวิต ซึ่งในบางรัฐบาลก็ไม่ได้ใช้เลย ไปต่างประเทศก็ไม่พูด
“ที่ผมพูดได้ เพราะถามแล้ว ในเวทีต่างๆ ปีก่อนๆ เขาไม่พูด เขียนไปเขายังลบออก นี่แหละคน สิ่งที่ผมเจอ ถ้าจะมากล่าวโทษหรืออะไรผม ผมสู้ทุกเม็ด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว