“ประยุทธ์” ประชุม คตช.รับแก้โกงก้าวหน้า ให้ฝ่าย กม.ช่วยลดขัดแย้ง ปธ.คตร.แถลงผลงาน คตช. 58 ให้ราชการพีอาร์รัฐทำอะไรบ้าง ขยายต้านโกงถึงเอกชน ศอตช.จัดชุดเกาะติดงบฯ ท้องถิ่น สั่ง ยธ.ตั้งราคากลางก่อสร้างที่เป็นธรรม ตามความคืบหน้า บัญชีกลางระดมผู้สังเกตการณ์ในโครงการปีนี้ พบโกงรายงานตามลำดับชั้น รบ.ผุดแอปฯ ร้องเรียนทุจริต พร้อมให้ข้อมูลภาษี-งบ
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งในตอนต้นของการประชุมว่า การแก้ปัญหาการทุจริตนั้นมีความก้าวหน้าโดยลำดับ และขณะนี้มีสถานการณ์ต่างๆ ที่มีปัญหาขัดแย้งกันทั้งสงฆ์ ฆราวาส การเมือง ดังนั้น ฝ่ายกฎหมาย ต้องช่วยกันหาแนวทางแบ่งเบาภาระ ทำอย่างไรจะช่วยลดปัญหาขณะนี้ลง โดยการปฏิบัติตามกฎหมายนั้นมีขั้นตอนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เรากำลังขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐ ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ทำได้ก็ให้เดินหน้าต่อไป แต่อะไรที่เป็นปัญหาหรือมีข้อสังเกตที่ต้องแก้ไขก็ต้องสอบสวนและดำเนินการต่อไปให้ได้ในเรื่องที่ไม่ร้ายแรง
ต่อมา เวลา 12.00 น. ภายหลังประชุม คตช. พล.อ.ชาตอุดม ดิตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในฐานะเลขาธิการ คตช. พร้อมด้วยนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) น.ส.ชุณหจิต สังขใหม่ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง และนายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ร่วมแถลงข่าว โดย พล.อ.ชาตอุดมแถลงว่า ที่ประชุมให้สรุปรวบรวมผลการดำเนินการของ คตช.ในปี 58 ในเรื่องที่ได้สั่งการและนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ส่วนราชการได้ปฏิบัติ นำไปประชาสัมพันธ์ในส่วนราชการ ภาคเอกชน และในส่วนของต่างประเทศ ผ่านทางการทูตและเอกชนต่างประเทศที่มาประกอบธุรกิจในไทย เพื่อให้รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการอะไรไปบ้างในการต่อต้านการทุจริต และนายกฯ ได้ขอให้ขยายการต่อต้านการทุจริตไปยังภาคเอกชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือ โดยมอบหมายกระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการ
จากนั้นนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขานุการ ศอตช.แถลงว่า ศอตช.ได้เสนอการตรวจสอบติดตามโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลละ 5 ล้านบาท โดยที่ ศอตช.ได้ให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาในระดับพื้นที่ ชี้แจงทุกส่วนราชการ ทุกจังหวัด มีการจัดชุดร่วมปฏิบัติการกับทางจังหวัด ลงตรวจสอบเพื่อเป็นการป้องปราม และโครงการของขวัญปีใหม่ ศอตช.ได้นำเสนอเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชน และเสริมสร้างการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่ยั่งยืน ดูว่าในองค์กรปกครองท้องถิ่นทั้งหมด 7 พันกว่าแห่ง ในเรื่องของงานโยธา ไม่ว่าจะเป็นการขออนุมัติการก่อสร้าง การซ่อมบำรุงต่างๆ มีผลกระทบประชาชนทั้งหมด อย่างถนนที่สร้างไปแล้วเกิดความเสียหาย ไม่ได้ซ่อมแซม ส่งผลกระทบการสัญจรประชาชน ได้จะแก้ไขตรงนี้ โดยความร่วมมือของกรมบัญชีกลาง และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ สร้างฐานข้อมูลให้สามารถตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง การดำเนินการโครงการที่ไหนอย่างไร หรือถ้าเกิดความเสียหาย ได้รับความเดือดร้อนแจ้งมายัง ป.ป.ท.ในฐานะเลขานุการ ศอตช.จะลงไปตรวจสอบ จะได้รีบแจ้งต้นสังกัดดำเนินการแก้ไข รวมถึงตรวจสอบเหตุที่หน่วยราชการนั้นๆ ไม่ดำเนินการแก้ไข และตรวจสอบหากพบความผิดปกติการใช้งบฯ
นายประยงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม คตช.ให้ไปดำเนินการหนดราคากลางการก่อสร้าง เนื่องจากราคากลางเป็นประเด็นสำคัญในการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้ากำหนดไม่ตรงต่อความเป็นจริง สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะไม่ตรงกับความต้องการทั้งหมด นายกฯจึงมอบหมายให้ รมว.ยุติธรรม ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดราคากลางให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรม ไม่ใช่เอาประโยชน์ให้กับฝ่ายรัฐอย่างเดียว จนเอกชนทำไม่ได้ ต้องมีแบบมาตรฐาน มีแบบกลางที่จะต้องมีการก่อสร้างทั่วประเทศ ขณะที่การดำเนินการตามมติ คตช.ที่ผ่านมา มีจำนวนมาก ต้องมีการติดตามความคืบหน้าดำเนินการไปถึงไหน มีปัญหาอุปสรรค จำเป็นต้องพัฒนาแก้ไขอย่างไร โดยที่ประชุมมอบให้ ศอตช.ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมติดตาม อย่างเช่น พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก ใช้ไปแล้ว 6-7 เดือนมีปัญหาอุปสรรค คืบหน้าอย่างไร
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตประจำกระทรวง 35 แห่ง ก่อตั้งปี 55 ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีบุคคลากรเป็นของตัวเอง ที่ทำหน้าที่ติดตามการดำเนินงานตามแผนงานของกระทรวงต่างๆ และติดตามการดำเนินการการปกครองทางวินัยข้าราชการในกระทรวง นายกฯได้มอบหมาย ศอตช.ไปพูดคุยความเป็นไปได้ ในการนำบุคคลากรในกระทรวงที่มีภารกิจเดียวกันมาบูรณาการร่วมกันเพื่อสามารถปฏิบัติได้จริงๆ
น.ส.ชุณหจิต สังขใหม่ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การจัดทำข้อตกลงคุณธรรม ผลงาน 1 ปีที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่ต้องทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างได้เป็นอย่างดี โดยการลงนามร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ผู้จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ฝ่ายผู้มาซื้อซอง และฝ่ายผู้สังเกตการณ์ โดยฝ่ายผู้สังเกตการณ์ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ได้รับคำแนะนำ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจให้คำแนะนำทางเทคนิค ทำการจัดซื้อจัดขจ้างดีขึ้น ในปี 2558 มี 12 โครงการที่มีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม ในงบฯปี 2559 ได้คัดเลือกโครงการสำคัญ มีจำนวนมากขึ้น มูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ จึงต้องการผู้สังเกตการณ์มากขึ้น โดยผู้สังเกตการณ์จะมาองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน รวมกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือภาคประชาชนและเอกชน ร่วมกันทำให้เกิดความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปี 59 ต้องการผู้สังเกตการณ์มากขึ้น โดยทางเอกชนได้พูดคุยกับสภาวิชาชีพ เช่น สภาวิศวกร สภาสถาปนิก ขอความร่วมมือช่วยภาครัฐ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ให้มาสมัคร และจัดอบรมเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยระเบียบภาครัฐ และผู้สังเกตการณ์ถ้าเสนอแนะให้แก้ไข แล้วไม่แก้ไข หรือพบส่อทุจริตสามารถรายงานมาตามลำดับชั้นได้ ทั้งที่ คณะกรรมการป้องกันการทุจริต ที่มี รมว.คลังเป็นประธาน ป.ป.ท.และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้
ขณะที่นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้ร่วมกับกรมบัญชีกลาง นำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานราชการ มาทำเป็นระบบข้อมูลให้ประชาชนเข้าไปหาได้ เชื่อมข้อมูลลงไปในแผนที่ที่เข้าไปดูในแผนที่ได้ว่าพื้นที่เขามีหน่วยงานภาครัฐลงไปทำอะไรบ้าง สรุปข้อมูลโครงการหน่วยงานราชการ ทำไปสัญญาไปกี่โครงการ ใช้เงินไปแล้วเท่าไร นอกจากนี้ ที่ประชุมมีข้อแนะต่อยอดพัฒนามาเป็นแอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือ หากประชาชนพบความปกติ ไม่มีความคืบหน้า สามารถถ่ายภาพแจ้งผ่านมาทางนี้ได้ และนายกฯ ให้มีข้อมูลเรื่องของภาษีมารวมส่วนนี้ด้วย เพื่อให้ได้รู้ว่าเงินภาษีเราได้จากไหนบ้าง รวมถึงข้อมูลที่สำนักงบประมาณมาเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ต่อไป