“ประยุทธ์” ประชุม คตช. ยกปราบทุจริตผลงานดี ทำให้เกิดความชอบธรรมกันบิดเบือน เร่งอบรมครูถ่อยทอดหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ดันแอปจีนิวส์ใส่ทุกมือถือ จ่อเข้า สนช.ทำบัญชีราคาการก่อสร้างมาตรฐาน ผุดผู้สังเกตการณ์บิ๊กโครงการ โวคอร์รัปชันน้อยลง เตรียมสอบขุดเจอะบ่อบาดาล ประสานนักลงทุน ตปท. แย้มเร่งฟันจำนำข้าวส่วนใหญ่กลุ่มปฏิบัติ พร้อมเร่งเชิงรุกอนุฯ ติดตามผล
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 3/2559 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงต้นของการประชุมว่าที่ผ่านมาการปราบปรามการทุจริตถือเป็นผลงานมาโดยตลอด ประเด็นสำคัญคือขณะนี้เราอยู่ในช่วงปลายโรดแมป ระยะที่ 2 จะต้องเดินหน้าปฏิรูปให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินหน้าแก้ปัญหาปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
“ขณะนี้สังคมมีปัญหา มีการบิดเบือนในการให้ข้อมูล ทั้งยังมักจะใช้ความรู้สึกในการตัดสิน จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง และต้องดำเนินการให้เกิดความชอบธรรมในเรื่องต่างๆ ตลอดจนพิจารณาว่าสิ่งใดที่ทำต่อได้ หรือควรเริ่มใหม่ หรือประเด็นใดที่ไม่ได้ผลก็ต้องหยุดไว้ก่อน”
จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คตช.กล่าวว่า ในที่ประชุมได้รับรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ซึ่งอยู่ในแผนลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ โดยนายกฯ ได้ขอให้เร่งรัดอบรมครูที่จะไปถ่ายทอดต่อให้กัแก่เด็ก โดยในปี 2559-2560 นี้จะต้องให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนทั้งโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโรงเรียนสังกัดในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชนด้วย ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาได้เริ่มมาบ้างแล้ว
พล.อ.ชาตอุดมกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้มีการรายงานการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “จีนิวส์” โดยนายกฯ สั่งการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ช่วยกันดูให้เป็นรูปธรรม โดยในอนาคตต้องการให้แอปพลิเคชันดังกล่าวบรรจุมากับเครื่องโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารที่เป็นเรื่องสำคัญได้ทันที เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนราชการ
นอกจากนี้ ทางอนุกรรมการด้านการป้องกันการทุจริตนำเสนอให้ประกาศใช้ราคามาตรฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างซึ่งจะมีเอกสารจากหน่วยงานทางวิชาการชัดเจน โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางรับเรื่องนี้ไปศึกษาต่อ ทั้งนี้จะมีการเสนอกฎหมายพระราชบัญญัติเกี่ยวกับบัญชีเสนอราคาค่าก่อสร้างเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันศุกร์ที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งให้ทำบัญชีราคาการก่อสร้างมาตรฐานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของราคาการก่อสร้างของทุกส่วนด้วย
พล.อ.ชาตอุดมกล่าวอีกว่า ด้านอนุกรรมการด้านความร่วมมือตกลงคุณธรรม ได้รายงานถึงผลการดำเนินการสร้างความรับรู้ และการที่ต้องมีผู้สังเกตการณ์เข้าไปอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ โดยเฉพาะโครงการที่มีจำนวนเงินสูงซึ่งได้มีการขยายผลไปสู่ส่วนราชการอื่นๆ แล้ว นอกจากนี้ อนุกรรมการด้านการต่อต้านคอร์รัปชันได้เสนอการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันที่จะจัดงาน 2 วัน คือ วันที่ 4 ก.ย.จัดที่ท้องสนามหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และวันที่ 6 ก.ย.จะเป็นวันจัดสัมมนาโดยจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รายงานถึงสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยในสายตาของคนไทยและต่างชาติ ระหว่างปี 2549 ถึงปัจจุบัน พบว่าสถานการณ์คอร์รัปชันลดน้อยลง มีภาพลักษณ์ความโปร่งใสในสายตาของนานาชาติดีขึ้น และดีที่สุดในปีที่ผ่านมา การเรียกรับสินบนจากนักธุรกิจน้อยลง รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับจากการเรียกรับสินบนลดน้อยลงเกือบครึ่งนับจาก 15 ปีที่ผ่านมา
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เปิดเผยว่า คตช.ได้เสนอที่ประชุมเกี่ยวกับการตรวจสอบการขุดเจาะบ่อบาดาล ซึ่งตั้งแต่ปี 2547 มีกว่า 4 หมื่นบ่อ เบื้องต้นได้ดูช่วงปีงบประมาณ 2557 ที่มีกว่า 4,800 บ่อ ที่มีการฝังกลบโดยสุ่มตรวจเบื้องต้น 99 บ่อ พบว่ามีการฝังกลบไม่ถูกต้อง บางบ่อไม่ไม่ได้ทำครบขั้นตอนตามหลักวิชาการ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ท.จะสรุปและเสนอให้คณะกรรมการเพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป นอกจากนี้จะพิจารณาการขุดบ่อใหม่ในปี 2558 ต่อเนื่องปี2559 จำนวนกว่า 6,900 บ่อ ซึ่ง ป.ป.ท.ได้ขอข้อมูลและขอพิกัดจุดที่จะขุดเพื่อดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการตั้งศูนย์ร้องเรียนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ที่ผ่านมา คตช.ได้ประสานงานนักลงทุนต่างชาติ เพื่อทำความเข้าใจกับสมาชิกสภาหอการค้า โดยหลายประเทศให้ความร่วมมือและข้อคิดเห็นอย่างดี และ ป.ป.ท.ได้ประสานกับเอกอัครราชทูตต่างๆ ในอาเซียน
นายประยงค์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้รายงานผลโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการหรือโครงการวันแมป ที่ขณะนี้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการแล้วเสร็จในระดับจังหวัดแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะอนุกรรมการทางด้านเทคนิคจะมาตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากนั้นจะสรุปเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขกฎหมายหรือแก้ไขประกาศในเขตพื้นที่ ทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นในเดือน ก.ย.นี้ ถือว่าเป็นไปตามแผน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องโครงการรับจำนำข้าวโดยย้อนไป 4 ปีที่แล้วพบว่ามีการร้องเรียนเรื่องเข้ามาทั้งหมด 551 เรื่อง โดยตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปแล้ว 47 เรื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และอยู่ระหว่างเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนอีก 504 เรื่อง ซึ่งกลุ่มที่จะถูกดำเนินการส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มของการปฏิบัติ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะมีหลายคดีแต่อาจจะไม่นานมาก เพราะลักษณะการกระทำความผิดคล้ายๆ กัน และนายกฯ ได้เร่งให้ดำเนินการโดยเร็วตามกรอบของกฎหมายอย่าปล่อยให้เชื่องช้า
นายประยงค์กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการตั้งอนุกรรมการอำนวยการประสานขับเคลื่อนและติตตามผลการดำเนินงานตามมติและคำสั่งของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่มีตนเป็นประธานจะทำหน้าที่ติดตามมติต่างๆ ที่ออกไปแล้วว่ามีการปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมหรือไม่ ซึ่งนายกฯ กำชับให้ดำเนินการในเชิงรุก ถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อย่างน้อยเรื่องที่นักลงทุนต่างชาติร้องเรียนเข้ามาก็ต้องรีบไปดำเนินการให้เรียบร้อยและเป็นไปตามกฎหมาย กรณีของเจ้าหน้าที่ภาครัฐถ้าพบว่ากระทำผิดวินัย หรือผิดกฎหมายต้องเร่งดำเนินการ