xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมปนัดดา” ย้ำ “ภาพบนปฏิทิน” ต้องเป็นภาพที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อคนในชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“หม่อมปนัดดา” ย้ำ “ภาพบนปฏิทิน” แขวนฝาผนังบ้านมอบวันปีใหม่ ต้องเป็นภาพที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อคนในชาติ ระบุเป็นไปตาม “จารีตประเพณีของไทย” เชื่อบรรพชน พ่อแม่ ครูอาจารย์สั่งสอนเรามาว่าอะไรควรมิควร ด้านแกนนำ นปช.ไม่กลัว ยันเดินสายแจก 5 พันฉบับที่เมืองเชียงใหม่ ขณะที่คนประชาธิปัตย์ย้ำรัฐบาล-หน่วยความมั่นคงต้องคุมเข้ม “วรงค์” แนะรับมือ "ยิ่งลักษณ์" เคลื่อนไหวในเชิงมายา

วันนี้( 5 ม.ค. 59) มีรายงานว่า ภายหลังพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจสอบคำสั่งและการกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้ออกคำสั่งจังหวัดร้อยเอ็ดไปยังนายอำเภอทุกอำเภอเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการแจกปฏิทินปี 2559 ที่มีภาพนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยคำสั่งดังกล่าวได้อ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยและเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ โดยเห็นว่าการกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะไม่เคยเห็นการใช้หน้าของตัวนักการเมืองเองไปใส่ในปฏิทินเพื่อแจก

มีรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า เป็นส่วนหนึ่งจากเอกสารทางวิชาการหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อันเป็นส่วนหนึ่งจากการบรรยายพิเศษของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ประธานพิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีใจความว่า

“เมื่อก่อนปีใหม่ มีภาคเอกชนท่านหนึ่งรู้จักกันมานานตั้งแต่ครั้งข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กรุณามาบอกกล่าวกับข้าพเจ้าว่าจะขออนุญาตนำภาพของข้าพเจ้าจากเมื่อวันงานทำบุญส่งท้ายปีเก่าที่ ′พิพิธภัณฑ์วังวรดิศ′ ถนนหลานหลวง ไปจัดทำเป็นปฏิทินแขวนบนฝาผนังแจกแก่แฟนคลับ (แฟนคลับของใคร ข้าพเจ้าไม่ทราบ?) บอกว่าอยากได้ภาพข้าพเจ้าอยู่ในบรรยากาศสบายๆ คือไม่เป็นทางการ ไม่แต่งเครื่องแบบข้าราชการ อย่างที่เคยแลเห็นพร้อมกับขอคำอวยพรปีใหม่ ข้าพเจ้ารีบตอบกลับไปโดยทันทีว่า

′ไม่อนุญาตครับท่าน ด้วยในทางจารีตประเพณีของไทย ภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนปฏิทินแขวนฝาผนังบ้านมอบให้แก่ผู้คนในปีใหม่นั้น ต้องเป็นภาพที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อคนในชาติ ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าผู้เป็นข้าราชการธรรมดาๆ คนหนึ่ง ต่างความหมายกับปฏิทินตั้งโต๊ะที่อาจจะเป็นภาพอะไรก็ได้ อาจมีทั้งเรื่องสนุกสนานรื่นเริงเฮฮาปาร์ตี้ ข้าพเจ้าบอกไปด้วยว่า คนไทยทุกคนมีความเข้าใจดีในเรื่องเช่นนี้ เพราะบรรพชน พ่อแม่ ครูอาจารย์สั่งสอนเรามาว่าอะไรควรมิควร ตัวเราเป็นใคร แค่ไหน ที่สำคัญ คือ คนไทยมีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว ความงดงาม ความเหมาะสม และกาลเทศะ ถือเป็นเรื่องควรคำนึงของผู้ที่มีความรับผิดชอบในการกระทำทั้งหลายทั้งปวงเช่นนี้ ดูท่านผู้มีน้ำใจไมตรีและปรารถนาดีกับข้าพเจ้าจะมีความเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธกัน”

อย่างไรก็ตาม จากเฟซบุ๊กของนายพฤกษ์ พฤกษ์สุนันท์ หรือลุงยิ้ม ตาสว่าง แกนนำ นปช.ได้โพสต์เช่นกันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ได้นำปฏิทินฉบับดังกล่าวจำนวน 5,000 ใบ เดินสายแจกจ่ายให้แก่ผู้คนหลายพื้นที่ในจังหวัด นอกจากนั้นยังเดินทางไปส่งปฏิทินอีก 1,000 ใบ ให้กับแกนนำที่ กทม.ด้วย โดย “ยิ้ม ตาสว่าง” ระบุว่า มีหน้าที่แจกจ่ายให้กับคนที่อยากได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการเอารูปตัวเองมาทำปฏิทินผิดกฎหมายหรือผิดข้อบังคับอะไร

“การจัดทำปฏิทินเพื่อสื่อสารถึงความรักและความผูกพัน มิใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อย แต่การห้ามแจกนั้นถือเป็นการทำลายความปรองดองของคนในชาติด้วยซ้ำ อยากให้ คสช. พิจารณาเรื่องนี้ให้ดี สำหรับปฏิทินนี้ ก็จะเดินหน้าแจกจ่ายต่อไปเรื่อยๆ ไม่กลัวอะไรแน่นอน” แกนนำ นปช.ผู้นี้ระบุ

อีกด้าน พรรคประชาธิปัตย์โดยนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และกิจกรรมพิเศษ ภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากฝากทำความเข้าใจถึงพี่น้องชาวอีสานเรื่องประเด็นการแจกปฎิทิน ดังนี้ 1. ส่วนตัวมีความเข้าใจว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือทางรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาปิดกั้นการแจกปฏิทิน หรือ สคส.ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือประชาชนก็ตามซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน 2. การแจกปฏิทินในแต่ล่ะพื้นที่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ต้องเฝ้าดูและเฝ้าระมัดระวังในพื้นที่ที่จะแจก ซึ่งถ้าแจกในหน่วยงานราชการอาจจะเป็นการไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย 3. ขอฝากไปยังรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครองโปรดพิจารณาการนำรูปนักโทษที่หนีคดีแจกจ่ายไปทั่วราชอาณาจักรเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่

อีกด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกที่หลังปีใหม่มา พรรคเพื่อไทยได้ส่งนายวัฒนา เมืองสุข ออกมาย้ำประเด็นเดิมๆ ปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.กลาโหม ถึงข้อดีนโยบายจำนำข้าว รวมทั้งยกตัวเลขทางเศรษฐกิจมาเปรียบเทียบ แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวควบคู่กันไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ “มายาจำนำข้าว” ออกพบปะประชาชนในรูปแบบทำบุญ หรือแจกปฏิทิน เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ความเสียหายที่เกิดจากนโยบายจำนำข้าว ตนคิดว่าส่วนหนึ่งชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลจะไม่ขยายเวลาเพื่อเพิ่มพยานรอบที่ 4 แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีค่าเสียหายโครงการนี้ ประกอบกับคดีอาญาเกี่ยวกับจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ตกเป็นจำเลย จะเริ่มมีการไต่สวนพยาน วันที่ 15 มกราคมนี้ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ คือ ความเคลื่อนไหวในเชิงมายา ของจำเลยคดีจำนำข้าว เพื่อเรียกร้อง ความเห็นใจจากประชาชนในรูปแบบต่างๆ ทางที่จะช่วยรัฐบาลได้นั่นคือ เอาความจริงเรื่องจำนำข้าว ออกมาชี้แจงประชาชนเป็นระยะๆ เพราะความจริงเท่านั้นที่จะเอาชนะมายาได้

“แต่ผมไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพราะถูกนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนเอง อย่างไรก็ตามกรณีเตะถ่วง เช่นการขอขยายเวลารอบที่ 4 กำหนดเวลาชี้แจงพยานถึงเดือนเมษายน พฤติกรรมนั้นส่อค่อนข้างชัดเจนว่ามีเจตนาอะไร สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้ข้อมูลประชาชน กรณีขอขยายรอบที่4 เป็นตัวอย่างการให้ข้อมูลที่ดีของรัฐบาล เพราะประชาชนรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ซึ่งผมยืนยันและสนับสนุนให้รัฐบาลใช้มาตการทางศาล อย่างเรื่องความรับผิดทางละเมิด ก็ถือว่าจบที่ศาลเช่นกัน แต่เป็นศาลปกครอง และสิ่งที่ต้องย้ำกับรัฐบาล การให้ข้อมูลบ่อยๆ จะรูปแบบใดก็ตาม จะทำให้รัฐบาลชนะพวกทุจริตได้ ที่สำคัญจะได้ประชาชนเป็นพวกด้วย” นพ.วรงค์กล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น