อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ หนุนนายกฯ ไม่ขยายเวลาคดีจำนำข้าว ชี้ “ยิ่งลักษณ์” ยื้อเรื่อย โอเคองค์การคลังสินค้าขายข้าวเสื่อมปีหน้า แต่รับรัฐบาลสอบตกในแง่ราคาข้าวทำตกต่ำ แนะหามาตรการทำให้ชาวนามีรายได้ที่ดีกว่า ไฟเขียวจ่ายเงินช่วย บอกไม่เสียหาย ชมจัดการในสต๊อกโปร่งใส ด้านทนายอดีตนายกฯ งงคดีกลายเป็นผลงานรัฐ สับไม่ผ่อนผันก้าวก่ายกระบวนการ โวยถ้ากรรมการสอบเอาด้วยถือว่าไม่ให้โอกาสโต้แย้งเพียงพอ
วันนี้ (26 ธ.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่ขยายเวลาคดีโครงการรับจำนำข้าวแล้วว่า ที่นายกรัฐมนตรีเท่าที่ตามดูนั้นพบว่าเรื่องนี้หมดเวลามาตั้งแต่ ก.ย.แล้วสำหรับกรณีที่จะใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้พยายามขอเพิ่มพยานกับศาลมาโดยตลอด และต่อมาพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มีความพยายามจะผลัดผ่อนโดยตลอดเช่นกัน ดังนั้นก็ถือว่ามีการขยายเวลามา 3 เดือนแล้ว หากพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มาอีก ตนคิดว่าก็ควรจะสรุปคดีได้แล้ว
นพ.วรงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) จะทำสัญญาขายข้าวเสื่อมสภาพในปริมาณ 37,000 ตัน ให้แก่บริษัท สินไชยศรี จำกัด และบริษัท ว.ธนทรัพย์ จำกัด ในวันที่ 8 ม.ค. 59 ว่า ตนเห็นด้วยต่อการระบายข้าวเสียในครั้งนี้เพราะจะลดเรื่องค่าใช้จ่ายการดูแลข้าวของทางรัฐบาลลงไป ในเมื่อไม่สามารถขายให้คนกินได้ก็ควรจะนำไปขายในเชิงอุตสาหกรรม แต่ทางที่ดีก็ต้องติดตามว่าข้าวเหล่านี้จะไม่หลุดลอดไปสู่การบริโภคของคน และควรมีมาตรการในการจัดการ ขนย้ายให้รัดกุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับความเห็นว่ารัฐบาลได้ดูแลแก้ปัญหาเรื่องข้าวอย่างเหมาะสมหรือไม่ นพ.วรงค์กล่าวว่า ในแง่ของราคาข้าวในตลาด ตนคิดว่ารัฐบาลยังสอบตกตรงนี้ ต้องปรับปรุง เพราะราคาข้าวตกต่ำเยอะ และต้องยอมรับว่าปีนี้ชาวนาประสบกับปัญหาภัยแล้งด้วยทำให้สภาพคล่องของเกษตรกรนั้นมีปัญหา ดังนั้นรัฐบาลควรคิดหามาตรการว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ชาวนามีรายได้ที่ดีกว่านี้ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานั้นรัฐบาลต้องยอมรับว่าการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาในขณะนี้ไม่เสียหาย อย่าไปกลัวว่าจะโดนมองว่าเป็นประชานิยมเพราะโครงการประกันรายได้ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ ประเทศก็ดำเนินการ เป็นหลักการสากล ไม่ใช่แค่ของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเกษตรกรหรือชาวนาได้เงินต่ำกว่าเป้าหมายที่ควรจะได้ รัฐบาลก็ควรจะจ่ายเงินชดเชยให้เขา ถ้าทำได้สภาพคล่องของเกษตรกรก็จะดีขึ้น
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดการข้าวที่อยู่ในสต๊อกของรัฐบาล ตนคิดว่ารัฐบาลทำได้ดี เพราะมีความโปร่งใส ตนได้ไปตรวจสอบกับคนที่อยู่ในวงการค้าข้าวทุกฝ่ายก็มีความสุข ไม่มีเสียงวิจารณ์ แม้แต่ข้อกังวลในการประมูลข้าวเสื่อม 37,000 ตัน สุดท้ายก็ไม่มีข้อวิจารณ์ออกมา ทั้งนี้ในปีหน้า ตนอยากให้รัฐบาลดูแลพืชผลทางการเกษตรและลงไปช่วยผู้ที่เดือดร้อนให้มากขึ้น
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ผ่อนผันคดีจำนำข้าวว่า น่าแปลกใจ คดีเรื่องจำนำข้าวถูกนำไปเป็นผลงานเด่นของรัฐบาลที่จำต้องนำไปแถลงเป็นผลงานของรัฐบาลด้วย ทั้งที่คดีความทั้งหลายก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นกระบวนการของศาล ส่วนที่จะไม่ผ่อนผันถือเป็นการก้าวก่ายคดี โดยเฉพาะในส่วนคดีความรับผิดในทางแพ่ง ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนชุดของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว และยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากที่ต้องไต่สวนข้อเท็จจริง
นายนรวิชญ์กล่าวอีกว่า หากคณะกรรมการฯ ยึดตามระเบียบการไต่สวน ตามข้อ 15 ที่คณะกรรมการต้องให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม คณะกรรมการฯ ก็ต้องดำเนินการไต่สวนพยานบุคคลที่เหลือทั้งหลายให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้อง แต่หากคณะกรรมการฯ ยึดตามคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงไม่มีการไต่สวนพยานที่เหลืออีกต่อไป อันถือได้ว่าคณะกรรมการฯ เองไม่ได้ให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม ตามระเบียบ ข้อ 15 จึงร้องขอไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ อย่าได้ก้าวก่ายการไต่สวนคดีของคณะกรรมการฯ ควรให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม ตามระเบียบ ข้อ 15