เปิดคำแถลงรองปลัดกลาโหม แจงผลสอบทุจริต “อุทยานราชภักดิ์” ระบุตัวเลขรายรับงบกลาง-เงินบริจาครวม 866 ล้าน แต่เงินมูลนิธิฯ 106 ล้านยังไม่แตะ กิจกรรมไบค์แอนด์คอนเสิร์ตทำตามแผน แต่เรื่องสอบบุคคลภายนอก บางคนตามตัวไม่ได้ ไม่อยากพาดพิงกระทบให้เสียหาย พร้อมส่งรายงาน 16 หน้าให้ “บิ๊กป้อม” ไม่บอก “อุดมเดช” บริสุทธิ์ ไม่ต้องลาออก แต่ปัดซื้อเวลาให้กัน
วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมด้วย พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ ผู้ช่วยเจ้ากรมพระธรรมนูญ, พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญสุข ผู้ชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะคณะกรรมการฯ ร่วมแถลงข่าว โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรับฟังการแถลงด้วย
โดย พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ในกรอบอำนาจหน้าที่ได้มีการดำเนินการ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แต่งตั้งเพื่อให้สื่อได้เข้าใจ โดยมีตนเป็นประธาน คณะกรรมการอีก 8 คน และมีเลขานุการฯ โดยคณะกรรมการกล่าวว่าไม่มีอำนาจหน้าที่กฎหมายไปแสวงข้อเท็จจริง เพียงแสวงหาข้อเท็จจริงตามเอกสารครอบครอง ไม่เหมือนกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย คณะกรรมการไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใดๆ ที่จะไปแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างกว้างขวาง เพียงแต่ดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากบุคคล และเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลในกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ไม่เหมือนกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบตามกฎหมาย ซึ่งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้คือ การรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากส่วนราชการหรือบุคคล ตลอดจนเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหม เพื่อสอบหาข้อเท็จจริงในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมสรุปสำนวนความเห็น และรายงานผลให้ รมว.กลาโหม ได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่างๆ คณะกรรมการพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ โดยได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานและบุคคลมาให้ข้อเท็จจริงทั้งสิ้น 23 คน พร้อมหลักฐานอีกจำนวนมาก
พล.อ.ชัยชาญกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบในเรื่องเอกสาร เนื่องจากว่ามีเอกสารเรื่องการเงินจำนวนมาก ซึ่งทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบเอกสารตามบัญชีตามรายรับ และรายจ่าย ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2558 ซึ่งเป็นวันตัดยอดสรุปรายเดือน และในเดือน ธ.ค.ก็จะสรุปในปลายเดือนนี้ พร้อมทั้งได้รับเอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องจนถึงวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นวันที่คณะกรรมการสรุปสำนวนการสอบข้อเท็จจริง สำหรับภาพรวมของโครงการราชภักดิ์กำหนดไว้ 10 เดือน ตั้งแต่ พ.ย. 2557 ถึงเดือน ส.ค. 2558 ทั้งการสร้างหล่อพระบรมรูป 7 พระองค์ การปูสนามหญ้า ปรับภูมิทัศน์ และห้องพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างส่วนที่หนึ่ง ประกอบด้วยสองส่วน คือ งบกลางจำนวนกว่า 63 ล้านบาท ใช้ในงานก่อสร้าง 5 งาน ซึ่งเป็นงานก่อสร้างรอบๆ พระบรมรูปฯ คือ งานติดตั้งหินอ่อน จำนวน 11.9 ล้านบาทเศษ, งานปูพื้น 34.9 ล้านบาท, ป้ายอุทยาน 5 ล้านบาทเศษ, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) 2 ล้านบาท และการก่อสร้างรั้วโดยรวม 9 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดหา ส่วนงบบริจาค ประกอบด้วย รายรับจากภาครัฐ เอกชน และการจัดกิจกรรม ราชภักดิ์ ไบค์แอนด์คอนเสิร์ต แทนคุณแผ่นดิน เข้าบัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์จนถึงวันที่ 30 พ.ย. รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 732 ล้านบาทเศษ และมีสิ่งของต่างๆ ที่ได้รับการบริจาค สามารถตีเป็นมูลค่าเงินได้ 69 ล้านบาทเศษ รวมรายรับจากการบริจาคแล้วทั้งหมด 802 ล้านบาทเศษ
สำหรับรายจ่าย ได้นำไปใช้ในการก่อสร้างตามโครงการ ตามแผน 27 งาน จำนวน 752 ล้านบาทเศษ เช่น การหล่อพระบรมรูปฯ พร้อมพานพุ่มคู่ จำนวน 318 ล้านบาทเศษ, การปูหญ้า งานระบายน้ำ การปรับพื้นที่ รวมแล้วเป็นเงิน 752 ล้านบาทเศษ สรุปยอดเงินในวันที่ 30 พ.ย. 2558 รายรับจากงบกลาง และงบบริจาค รวม 866 ล้านบาทเศษ และใช้ดำเนินการไปแล้ว และอยู่ในระหว่างการดำเนินการตามแผน จำนวน 816 ล้านบาทเศษ
ส่วนที่ 2 เป็นงบประมาณก่อสร้าง และปรับพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 149 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนงานของกองทัพบกในปี 2558 เพื่อใช้ปรับปรุงสาธารณูปโภค และการปรับปรุงพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบก ใช้ในการก่อสร้างจำนวน 11 งาน งานปรับปรุงรั้ว ส่วนที่ 1 และ 2 จำนวน 28 ล้านบาทเศษ, ระบบประปา 11 ล้านบาทเศษ ในส่วนที่สาม เป็นงบบริจาคที่เข้าไปในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ จำนวน 106 ล้านบาทเศษ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณตรงนี้
พล.อ.ชัยชาญกล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณนั้น ทางคณะกรรมการได้เห็นว่า การใช้จ่ายงบกลาง และ งบประมาณของกองทัพบกในการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่โรงเรียนนายสิบทหารบกนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และระเบียบคำสั่งของกองทัพบกที่เกี่ยวข้อง ส่วนงบบริจาค ในบัญชีชื่อ กองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการกองทัพบก ว่าด้วยอุทยานราชภักดิ์ พ.ศ. 2558 และระเบียบการบริหารอุทยานราชภักดิ์ ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2558 และจากการพิจารณาตรวจสอบพิจารณาได้ว่า การใช้จ่ายงบประมาณ เป็นการดำเนินการตามระเบียบที่ได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งทราบว่าคณะนี้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบงบประมาณตามโครงการนี้อยู่
พล.อ.ชัยชาญกล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมราชภักดิ์ ไบค์แอนด์คอนเสิร์ต แทนคุณแผ่นดิน เพื่อหารายได้สมทบทุนการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ และส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพด้วยการปั่นจักรยานยนต์ออกกำลังกาย โดยมี 5 กิจกรรม คือ 1. จำหน่ายบัตรเข้านร่วมแข่งขันปั่นจักรยานชิงถ้วยพระราชทาน ราคา 1,500 บาท 2. การจำหน่ายสิ่งของที่ระลึก มี 2 ราคา โดยเสื้อยืดราคา 600 บาท แต่หากมีเสื้อยืด บัตร และหมวก ราคา 1,500 บาท 3. การจำหน่ายบัตรเข้าร่วมในขบวนปั่นจักรยาน ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้าร่วมบริจาครายละ 1 ล้านบาท 4.การชมคอนเสิร์ต และร่วมรับประทานอาหาร ซึ่งให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม บริจาคที่นั่งละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้มีรายได้ในการจำหน่ายโต๊ะอาหารให้กับผู้ที่ร่วมงาน โต๊ะละ 3-5 หมื่นบาท ในส่วนการจัดคอนเสิร์ต เอกชนจะออกค่าใช้จ่ายให้ และ 5. การปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน กำหนดไว้ 72 ต้น ต้นละ 3 แสนบาท และมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคอีก ย้ำว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ซื้อต้นไม้มาปลูก ภาคเอกชนเป็นผู้สนับสนุนต้นไม้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และรับบริจาคเงินที่ผู้ประสงค์เข้าร่วมกิจกรรม และจะมีการนำชื่อไปติดไว้ที่หน้าต้นไม้ไว้เป็นเกียรติ ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีรายได้รวมทั้งสิ้น 77 ล้านบาทเศษ หักค่าใช้จ่าย 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งมีรายรับจ่ายชัดเจน ขณะนี้เหลือ 76 ล้านบาทเศษ และเงินจำนวนดังกล่าวได้นำเงินเข้าบัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ และจากการตรวจสอบพบว่ามีการดำเนินการตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ทุกอย่าง
พล.อ.ชัยชาญกล่าวถึงการหล่อพระบรมรูปฯ และคณะกรรมการได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เป็นบุคคลภายนอก แต่มีความเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอกที่ไม่ได้มาให้ข้อมูล และบางท่านก็ไม่สามารถตามตัวมาให้ข้อมูลได้ คณะกรรมการจึงเห็นว่า การจะให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวในขณะที่ข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ อาจจะกระทบกับผู้นั้นให้เกิดความเสียหายได้ ซึ่งในการสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในรายงานสอบข้อเท็จจริง จำนวน 16 หน้า ให้กับ รมว.กลาโหม การดำเนินการต่อไป เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย ที่จะต้องดำเนินการต่อไปในประเด็นนี้
“คณะกรรมการฯ ได้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะแสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่างๆ ในทุกจดทุกประเด็นเท่าที่จะทำได้ เพราะทราบว่าเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคม แต่ด้วยข้อจำกัดและในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ส่วนที่นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ถ้าหากหน่วยงานภายนอกของกลาโหม ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องนี้พบว่า มีการดำเนินการใดไม่ถูกต้อง ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้น สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้กำหนดเอาไว้” พล.อ.ชัยชาญกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อสังเกตที่ไปถึงคณะกรรมการเรื่องโรงหล่อนั้น พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า จากที่ตรวจสอบ บางท่านก็ไม่ให้ข้อมูล บางท่านก็ตามตัวไม่ได้ ประเด็นนี้ อยู่นอกเหนืออำนาจของคณะกรรมการ แต่ให้ข้อสังเกตว่าให้หน่วยงานที่มีอำนาจดำเนินการ
เมื่อถามว่า สรุปแล้วการตรวจสอบทุกอย่างโปร่งใส พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ทุกประเด็นในการสอบข้อเท็จจริงที่นำเรียน รมว.กลาโหม จะมีข้อสังเกตในแต่ละประเด็นขึ้นไป ทั้งการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์
เมื่อถามว่า พูดชัดๆ ว่าการตรวจสอบทั้งกระทรวงกลาโหม และกองทัพบก แสดงว่าไม่ผิด พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ รมว.กลาโหม ในเรื่องงบประมาณ โดยแต่ละเรื่องมีข้อสังเกตอยู่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องไปตรวจสอบ จะบอกว่าแผนงานโครงการได้ดำเนินการตามหรือไม่
เมื่อถามว่า ข้อสังเกตที่ส่งไปยัง รมว.กลาโหมมีอะไรบ้าง พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ในเรื่องงบประมาณ ก็พูดถึงระเบียบต่างๆ ที่ใช้ โดยมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่อง กิจกรรมราชภักดิ์ ไบท์ แอนด์ คอนเสิร์ต มีรายรับจ่ายที่ชัดเจนตามแผนการประชาสัมพันธ์กิจกรรม เรื่องของการดำเนินการวิธีจัดหา ข้อสังเกตมีในการจัดหาจำกัด ส่วนประเด็นการหล่อพระบรมรูปฯ ก็เป็นไปตามที่ได้เรียนให้ทราบ
เมื่อถามว่า สังคมยังสงสัยและพุ่งเป้าไปที่ตัวของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ถามว่าตัวบุคคลไมได้นำมาพิจารณา แสดงว่าพิจารณาในเรื่องงบประมาณ ดังนั้น พล.อ.อุดมเดชบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า เราไม่สามารถชี้ได้ว่าตรงไหนผิดถูก เพียงแต่ดูประเด็นอะไรที่ตั้งข้อสังเกตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า พล.อ.อุดมเดชไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ว่าสังคมจะตั้งข้อสงสัย พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ในประเด็นเรื่องนี้ ตัวบุคคล โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการหล่อพระบรมฯ ก็ได้มีข้อสังเกต และได้ข้อกำหนดในชุดนี้มีการสอบข้อเท็จจริง ไม่ได้วินิฉัยได้ว่าอันไหนถูกผิด เพราะมีอำนาจขอบเขตในการสอบข้อมูลในส่วนของกลาโหม ดังนั้น ประเด็นที่สอบไม่สามารถชี้ถูกผิดได้อย่างไร เพียงให้ข้อสังเกตก็ให้อยู่ในอำนาจของหน่วยงานที่มีอำนาจทางกฎหมายดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า พล.อ.อุดมเดชและคนใกล้ตัวไม่มีการทุจริต แต่ทำไมคนใกล้ตัวลาออก หนีออกต่างประเทศ ที่สังคมอยากทราบ พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ตนขอความร่วมมือมาสอบข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่ได้มา ไม่สามารถตามตัวได้ ดังนั้นสิ่งนั้นมีเหตุผลอย่างไรที่จะสรุปได้ คนที่ตามไม่ได้ หรือคนที่หนีไป เป็นคดีอื่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นคดีตามหมายศาลทหารกรุงเทพ ทหารออกหมายจับ
เมื่อถามว่า พล.อ.อุดมเดชไม่ต้องลาออกเพื่อแสดงสปิริต พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้
จากนั้น เมื่อนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่เข้าร่วมรับฟังได้ลุกขึ้นถามว่า เรื่องนี้จะเปิดเผยรายชื่อคู่สัญญาณได้หรือไม่ พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า พร้อมเปิดเผยรายชื่อคู่สัญญา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การขออนุมัติงบประมาณกลางไปตรวจสอบ พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า อันนี้ก็เป็นข้อสังเกตไป
เมื่อถามว่า การหักหัวคิว และโรงหล่อ ผลการตรวจสอบได้ผลอย่างไร พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า เรื่องนี้การเชิญบุคคลคนหนึ่งมาให้ข้อเท็จจริง ไม่ได้มาให้ข้อเท็จจริง และบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถตามตัวมาได้ ก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ก็เสนอขึ้นไป อยู่ในอำนาจของหน่วยงานที่จะต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้จะทำให้ดีที่สุด ให้เคลียร์ในทุกประเด็น อย่างเช่นงบประมาณ น่าจะชี้แจงได้ตามการดำเนินการ
เมื่อถามว่า ผลสอบเหมือนเป็นการซื้อเวลาให้กับ พล.อ.อุดมเดช พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า อำนาจของเจ้าหน้าที่ให้ รมว.กลาโหม และให้อำนาจหน้าที่ตรวจสอบไปดำเนินการ