รองนายกฯ รอดูบทสรุปก่อนวิจารณ์มี ส.ว.เลือกตั้งทางอ้อม 200 คน เผยได้รับรายงาน 50 ข้าราชการพัวพันทุจริต มีทั้งคนในวงการศึกษา สูงระดับซี 9 ซี 10 และผู้บริหารท้องถิ่น เตรียมส่งนายกฯ ก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนหลักเกณฑ์ประเมิน ขรก.แบบใหม่ ใช้ระดับอธิบดีขึ้นไป ขณะเดียวกันหนุนปฏิรูปตำรวจ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำหนดให้ ส.ว.มีจำนวน 200 คน โดยมาจาก 20 กลุ่มว่า คาดว่า กรธ.คงจะชี้แจงออกมาเป็นระยะซึ่งต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเอาอย่างนี้หรือไม่ ส่วนตัวยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นตอนนี้
ส่วนรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจำนวน 50 รายชื่อนั้น นายวิษณุกล่าวว่า รายชื่อดังกล่าวมีข้าราชการที่อยู่ในวงการศึกษาจำนวนหนึ่งซึ่งมีจนถึงระดับผู้นำขององค์กร เป็นเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างและเรื่องการจัดสอบ นอกจากนั้นเป็นผู้บริหารท้องถิ่นค่อนข้างจะเยอะ บางกรณีไม่ใช่การทุจริตเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องจัดสอบ ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลแล้วมีผู้มาร้องเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 50 รายชื่อมีผู้บริหารทั้งระดับ 9 ระดับ 10 โดยรายชื่อเหล่านี้มาจากการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งมาจากการประชุมร่วมกัน โดยในขั้นตอนของตน จะกลั่นกรองอีกครั้งว่า บุคคลที่มีรายชื่อได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วหรือยัง หรือยังดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาอยู่หรือไม่ จากนั้นจะส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาได้ก่อนสิ้นปีนี้
นายวิษณุยังกล่าวถึงการปรับหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในปี 2559 ว่า ขอรอความชัดเจนก่อน เพราะจะต้องมีการออกหลักเกณฑ์ประเมินมาก่อน เนื่องจากจะเอาผลของการประเมินไปใช้ในการแต่งโยกย้าย ส่วนเกณฑ์แต่งตั้งรูปแบบใหม่ข้าราชการจะรับได้หรือไม่เพราะมีผลกับคนทำงานโดยตรงนั้น ความจริงเกณฑ์เหล่านี้ใช้กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงาน ระดับอธิบดี แต่ข้าราชการทั่วไปไม่ได้ใช้เกณฑ์พวกนี้ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ต้องไปประเมิน ดังนั้น เวลาจะประเมินอธิบดีจะต้องเช็กจากลูกน้องด้วยว่านายคุณเป็นอย่างไร จากเพื่อนร่วมงาน จากผู้บังคับบัญชา และจากประชาชนเป็นอย่างไร หรือที่เรียกว่าประเมินแบบ 360 องศา
นายวิษณุกล่าวว่า มีส่วนหนึ่งที่ต้องการให้ข้าราชการที่ถูกประเมินต้องผ่านงานขึ้นมาเป็นลำดับ นายกรัฐมนตรีได้ปรารภเรื่องนี้ เราจึงนำมาดูต่อว่าต้องระวังในการประเมินเพราะมีข้าราชการไม่น้อยไปช่วยงานที่อื่น แล้วกลายเป็นได้คะแนนประเมินดีมากหรือแม้แต่คนที่ไปอบรม ไปเรียนหลักสูตรต่างๆ จนงานไม่ได้ทำ งานจึงไม่เกิด ขณะนี้กำลังจะตั้งกติกาผูกกับเรื่องไปอบรมด้วย
ทั้งนี้ เมื่อก่อนใครอบรมมากได้คะแนน เพราะถือว่าพัฒนา วันนี้เรียนมากต้องหักคะแนน แต่ไม่ถึงขั้นยุบหลักสูตรเหล่านี้ รัฐบาลไม่ไปเกี่ยว หลักสูตรเป็นของหน่วยงานนั้น ยุบไม่ได้ แต่ที่พูดๆ กันมาดีแล้ว หน่วยงานที่จัดหลักสูตรจะได้ปรับปรุงเกณฑ์ในการรับคน
นายวิษณุยังกล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่า มีคนที่รับผิดชอบอยู่ แต่เห็นด้วยที่จะปฏิรูป เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นตอน คดีความมาจากการสอบสวนก่อน ส่วนที่มีการเสนอให้แยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นั้น มีการพูดกันมานานแล้ว แต่ตนยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น เอาไว้ให้มีความคืบหน้าสักพัก กำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอยู่ แต่ก็มีหลายประเทศเขาแยกกัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำหนดให้ ส.ว.มีจำนวน 200 คน โดยมาจาก 20 กลุ่มว่า คาดว่า กรธ.คงจะชี้แจงออกมาเป็นระยะซึ่งต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเอาอย่างนี้หรือไม่ ส่วนตัวยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นตอนนี้
ส่วนรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจำนวน 50 รายชื่อนั้น นายวิษณุกล่าวว่า รายชื่อดังกล่าวมีข้าราชการที่อยู่ในวงการศึกษาจำนวนหนึ่งซึ่งมีจนถึงระดับผู้นำขององค์กร เป็นเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างและเรื่องการจัดสอบ นอกจากนั้นเป็นผู้บริหารท้องถิ่นค่อนข้างจะเยอะ บางกรณีไม่ใช่การทุจริตเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องจัดสอบ ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลแล้วมีผู้มาร้องเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 50 รายชื่อมีผู้บริหารทั้งระดับ 9 ระดับ 10 โดยรายชื่อเหล่านี้มาจากการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งมาจากการประชุมร่วมกัน โดยในขั้นตอนของตน จะกลั่นกรองอีกครั้งว่า บุคคลที่มีรายชื่อได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วหรือยัง หรือยังดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาอยู่หรือไม่ จากนั้นจะส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาได้ก่อนสิ้นปีนี้
นายวิษณุยังกล่าวถึงการปรับหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในปี 2559 ว่า ขอรอความชัดเจนก่อน เพราะจะต้องมีการออกหลักเกณฑ์ประเมินมาก่อน เนื่องจากจะเอาผลของการประเมินไปใช้ในการแต่งโยกย้าย ส่วนเกณฑ์แต่งตั้งรูปแบบใหม่ข้าราชการจะรับได้หรือไม่เพราะมีผลกับคนทำงานโดยตรงนั้น ความจริงเกณฑ์เหล่านี้ใช้กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงาน ระดับอธิบดี แต่ข้าราชการทั่วไปไม่ได้ใช้เกณฑ์พวกนี้ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ต้องไปประเมิน ดังนั้น เวลาจะประเมินอธิบดีจะต้องเช็กจากลูกน้องด้วยว่านายคุณเป็นอย่างไร จากเพื่อนร่วมงาน จากผู้บังคับบัญชา และจากประชาชนเป็นอย่างไร หรือที่เรียกว่าประเมินแบบ 360 องศา
นายวิษณุกล่าวว่า มีส่วนหนึ่งที่ต้องการให้ข้าราชการที่ถูกประเมินต้องผ่านงานขึ้นมาเป็นลำดับ นายกรัฐมนตรีได้ปรารภเรื่องนี้ เราจึงนำมาดูต่อว่าต้องระวังในการประเมินเพราะมีข้าราชการไม่น้อยไปช่วยงานที่อื่น แล้วกลายเป็นได้คะแนนประเมินดีมากหรือแม้แต่คนที่ไปอบรม ไปเรียนหลักสูตรต่างๆ จนงานไม่ได้ทำ งานจึงไม่เกิด ขณะนี้กำลังจะตั้งกติกาผูกกับเรื่องไปอบรมด้วย
ทั้งนี้ เมื่อก่อนใครอบรมมากได้คะแนน เพราะถือว่าพัฒนา วันนี้เรียนมากต้องหักคะแนน แต่ไม่ถึงขั้นยุบหลักสูตรเหล่านี้ รัฐบาลไม่ไปเกี่ยว หลักสูตรเป็นของหน่วยงานนั้น ยุบไม่ได้ แต่ที่พูดๆ กันมาดีแล้ว หน่วยงานที่จัดหลักสูตรจะได้ปรับปรุงเกณฑ์ในการรับคน
นายวิษณุยังกล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่า มีคนที่รับผิดชอบอยู่ แต่เห็นด้วยที่จะปฏิรูป เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นตอน คดีความมาจากการสอบสวนก่อน ส่วนที่มีการเสนอให้แยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นั้น มีการพูดกันมานานแล้ว แต่ตนยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น เอาไว้ให้มีความคืบหน้าสักพัก กำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอยู่ แต่ก็มีหลายประเทศเขาแยกกัน