“ประยุทธ์” เปิดตัวซิงเกิลใหม่ “เพราะเธอคือประเทศไทย” บอกเป็นของขวัญให้ประชาชน ขอเขียนปีละครั้ง จะให้ร้องก็ร้องได้แต่ไม่อยากโชว์ วอนร่วมมือไปข้างหน้า รับสิ่งที่ทำอยู่เป็นความฝัน ระบุชาติที่เป็นอยู่เพราะคิดสุดโต่ง เผย ครม.วันนี้มีอวยพรปีใหม่กัน ชี้กองทุนหมู่บ้านฯ แจกช้าเหตุข้อมูลไม่สมบูรณ์ เล็งหาเงินให้กองทุนชุมชน กทม. ไปสุราษฎร์ธานีจันทร์หน้า
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้เจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำเพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” มาเปิดให้สื่อมวลชนฟังระหว่างรอการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรี โดยเพลงดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นผู้เขียนเนื้อเพลงขึ้นมาเอง กองดุริยางค์ทหารบกเรียบเรียงเนื้อร้อง และขับร้องโดย จ.ส.ท.พงศธร พอจิต แห่งวงหัสดนตรีกองดุริยางค์กองทัพบก ที่เคยขับร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย”
โดย พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า เพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน และที่เขียนเนื้อเพลงที่มีคำว่า “ฉัน” นั้น ไม่ใช่ฉันคนเดียว แต่หมายถึงสื่อมวลชนด้วย เพราะไม่รู้จะแต่งอย่างไร จะเขียนว่าใจของสื่อก็ไม่ใช่ หากจะเป็นใจของ ครม. คสช. ก็ไม่คล้องจอง มันก็ต้อง “ฉัน” เพราะทุกคนคือหนึ่งเดียวที่จะต้อง เอาหัวใจลมหายใจ เอาชีวิต มาช่วยกันทำให้บ้านเมืองไปข้างหน้า นี่คือเจตนาของตน ปีละครั้งที่ตนเขียนและเรียบเรียงออกมา ส่งให้คนไปเรียบเรียงเพิ่ม เพื่อความเพราะพริ้งขึ้น ถือเป็นของขวัญส่วนตัวของตนก็แล้วกัน
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อเพลงที่แต่งเองนั้น ถ้าจะให้ตนร้องก็ต้องร้องได้ แต่ไม่อยากร้องโชว์ในตอนนี้ เพลงนี้ชื่อเพราะเธอคือประเทศไทย จึงต้องทุ่มเทหัวใจ ทุกคนอย่าใช้แค่ลมหายใจตัวเอง แต่ต้องใช้สองมือตนและท่านมาร่วมกันไปข้างหน้า ถ้าใช้สองมือและลมหายใจของตนเพียงคนเดียว มันสานต่ออะไรไม่ได้ ฝันก็ไม่สำเร็จ สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นความฝัน เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยได้รับการแก้ไขมาโดยตลอด แต่ตนเข้ามาวันแรกก็ฝัน และคิดมาตลอด แม่น้ำ 5 สายจะเดินยังไง และตนก็เดิมมายังไม่ผิด เพียงแต่การสร้างความเข้าใจยังเป็นของเดิมทั้งหมด มันก็มีแรงต่อต้านเยอะ โดยต่อต้านเรื่องการเมือง ประชาธิปไตย การตัดสินประชาชน ที่ตนสั่งมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่คิดเอง แต่มาจากประชาชนทั้งสิ้น ที่ร้องมาตนก็เก็บมาตั้งเป็นโจทย์ ฟังจากสื่อบ้าง นักการเมืองบ้างแล้วมาคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์มาเป็นหัวข้อนโยบาย และถ่ายทอดไปสู่การขับเคลื่อนปฏิบัติ
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องสร้างวัฒนธรรมในองค์กรทั้งหมด ทั้งรัฐ ข้าราชการ ประชาชน การมีส่วนร่วมต่างๆ ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ คิดเพื่ออนาคต คิดสิ่งที่มีความสลับซับซ้อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นอยู่อย่างนี้ ความขัดแย้งจะเกิดสูง ต้องคิดอย่างใคร่ครวญ ไม่ใช่คิดซ้ายขวา หน้าหลัง สุดโต่งอย่างเดียว จะทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
“ตอนนี้ประเทศเรากำลังเป็นอย่างนั้นอยู่ คือความคิดสุดโต่งทั้งหมด ไม่ซ้ายก็ขวา ไม่ดีก็คิดว่าจะทำอย่างไรจะให้ร่วมมือ เพลงนี้ถึงออก และทำไมผมถึงออกเพลงในวันนี้ ที่ออกวันนี้เพราะพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) จะแถลงผลงาน ถ้าไม่เข้าใจวันพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปอย่างอื่น มันจะตามไปสู่เรื่องรัฐธรรมนูญ แผนปฏิรูป แผนยุทธศาสตร์ล้มทั้งหมด ผมถามจะทำไปเพื่อใคร ทำเพื่ออะไรไปคิดเอาแล้วกัน วันนี้อยากให้ช่วยกันสองมือ 70 ล้านคู่ หัวใจ 70 ล้านดวง ลมหายใจ 70 ล้านคน ทำประเทศนี้ไปข้างหน้า เรามีโอกาสมีอนาคตเยอะแยะ แต่มันมีวิกฤตและโอกาสอยู่ด้วย ท่านจะเลือกวิกฤตหรือโอกาสคิดเอาเอง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่กันเองก่อน เพื่อจะมีกำลังใจไปทำงานต่อให้ถึงปีใหม่ สัปดาห์หน้าก็จะให้ของขวัญประชาชน จริงๆ แล้วของขวัญไม่ใช่เป็นเงินเป็นทองหรือลดแลกแจกแถมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของกฎหมายในอนาคต และสิ่งที่ทำไม่ได้ และมาทำให้ได้ เป็นของขวัญตลอดปี สิ่งที่ทำให้ประชาชนคือของขวัญทั้งหมดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการรับของขวัญของข้าราชการและ ครม.ก็มีกติกาอยู่แล้ว และอยู่ที่คนให้ด้วย อย่าเอาไปให้แล้วทำให้ผู้รับมีความผิด วันนี้ที่มีการนำของขวัญไปให้เจ้าหน้าที่จราจร คือเป็นน้ำใจที่ให้กัน ส่วนการให้ของขวัญขวัญในราคาไม่เกิน 3 พันบาทนั้นเป็นกฎหมายเฉพาะ ครม. ข้าราชการการเมือง
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังแถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินการของโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ว่าวันนี้ต้องไปติดตาม ในพื้นที่ต่างจังหวัดรัฐบาลได้ให้ไปแล้ว ทั้ง 1 ล้านบาท 5 ล้านบาท อาจจะช้าบ้างเพราะบางครั้งข้อมูลไม่สมบูรณ์ โครงการบางทีเขียนตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ตามระเบียบราชการก็ต้องแก้ นี่คือปัญหา ฉะนั้นต้องจัดสร้างการเรียนรู้ การจัดทำแผนงานโครงการงบประมาณ การบัญชีระดับท้องถิ่นประชาชน วันนี้การทำบัญชีไม่ลงรายละเอียด ทำให้ผิดบ้างถูกบ้าง เสียเวลา
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนเกรงจะถูกมองว่า ดูแลเฉพาะเกษตรกรในต่างจังหวัด แต่คนใน กทม.ก็มีความเดือดร้อน จึงได้ให้ไปทบทวนว่าจะหาเงินตรงไหนไปดูแล โดยไปดูกองทุนชุมชนใน กทม. ซึ่งจะหาเงินเติมเข้าไป เพื่อให้เหมือนกับพื้นที่ต่างจังหวัด อย่างไรก็ตามเมื่อได้เงินไปแล้ว ก็ต้องไปสร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่กู้ไปใช้หนี้ เพราะถ้ากู้ใช้หนี้คงไม่หมด เนื่องจากหนี้เยอะ เมื่อกู้ไปแล้วรัฐก็จะดูเรื่องดอกเบี้ยให้
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ภายใต้ในช่วงสัปดาห์หน้าว่า ตามกำหนดการเดิมตนเองต้องลงพื้นที่ภาคใต้ ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ แต่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่แทนแล้ว ส่วนตนเองจะเตรียมตัวลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา ในสัปดาห์หน้าก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อติดตามนโยบายประชารัฐ และโครงการ Rubber City หรือเมืองยางพารา รวมถึงความคืบหน้าการเปิดด่านชายแดนสะเดา และด่านบ้านประกอบ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยตนได้เน้นย้ำกับข้าราชการในพื้นที่ว่าต้องการรับฟังรายงานว่าได้ลงมือทำตามนโยบายไปมากน้อยเท่าไหร่ และยังต้องการอะไรเพิ่มเติม แต่ไม่ต้องมานั่งเล่าอะไรที่ทำมาตลอด ถ้าให้เล่าฟังครึ่งวันก็ไม่จบ ตนแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่สั่งมาทำอะไรไปแล้วบ้าง มีปัญหาตรงไหน ตรงตามนโยบายที่มอบให้หรือไม่ ถ้าไม่ตรงจะได้สั่งการแก้ไข และตนจะได้หางบประมาณกลางให้
ขณะที่ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตามที่เคยเเจ้งให้ทราบแล้วว่าตั้งแต่ปลายปีนี้ เรื่อยไปจนถึงต้นปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์จะมีกำหนดลงพื้นที่พบประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อตรวจดูนโยบายต่างๆ ที่แปลงไปสู่การปฏิบัตินั้น เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามดัชนีชี้วัดหรือไม่ โดยมีกำหนดลงพื้นที่ภาคใต้ในวันจันทร์ที่ 28 ธ.ค.นี้ ซึ่งในช่วงเช้าอาจไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อดูการขับเคลื่อนโยบายประชารัฐ และอาจต่อเนื่องในช่วงบ่าย คือ หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อดูเรื่องเมืองยาง หรือรับเบอร์ซิตี้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยให้นโยบายไว้ รวมถึงอาจไปตรวจด่านศุลกากรที่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ ซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาว่าจะไปเยี่ยมที่ด่านสะเดา หรือที่ด่านบ้านปะกอก