สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเตรียมจ่อปล่อยเงินกองทุนหมู่บ้าน ล็อตที่ 2 ให้กลุ่มที่ไม่ได้รับการพิจารณางวดแรก กลุ่ม C และ D จากเงินที่เหลืออยู่กว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมเสนอ ครม. และให้คณะกรรมการประมวลผลพิจารณาผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินสิ้นเดือนนี้
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจจากฐานราก ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” ที่มุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนผสานความร่วมมือกันเพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ฐานรากให้มีความมั่นคง โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ได้อนุมัติการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ผ่านการกู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านในวงเงิน 60,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการนำเงินทุนไปพัฒนาสินค้าชุมชนหรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น
ทั้งนี้ เนื่องจากเงินกองทุนหมู่บ้านที่ปล่อยไปให้ชุมชนนั้นไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด การพิจารณากองทุนก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการในแต่ละกองทุน แต่ละหมู่บ้านเป็นผู้พิจารณา ทำให้มีบางกลุ่มที่ไม่ผ่านการพิจารณาก็จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการกองทุนจะพิจารณาโดยคัดเลือกแบ่งเป็นกลุ่ม A , B, C และ D
สำหรับเงินที่ลงไปจะไปอยู่ที่กลุ่ม A และ B ส่วน C และ D ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาก็ไม่มีโอกาสได้รับเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน ดังนั้น สำนักงานกองทุนฯ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว เนื่องจากจำนวนเงิน 60,000 ล้านบาทยังเหลืออยู่ จึงมีแผนที่จะปล่อยกู้ให้กลุ่ม C และ D ด้วย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการกองทุน และผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีด้วย โดยต้องเสนอคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อไป โดยวงเงินที่จะช่วยในกลุ่ม C, D อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาเงินกองทุนที่ลงไปจะได้รับกันกลุ่มละ 1 แสนบาท จำนวนผู้ที่ได้รับเงินกลุ่มละไม่เกิน 60-70 คน คนละไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งถ้าในกลุ่มมี 100 คน ผู้ที่ไม่ได้รับการพิจารณากู้เงินประมาณ 30 คน โดยใน 30 คนนี้ถ้านำกลับมาพิจารณาใหม่ โดยคณะกรรมการกองทุนก็จะได้รับเงินเช่นเดียวกับกลุ่มแรก เป็นต้น
นายนทีกล่าวว่า สำหรับจำนวนเงินที่ปล่อยลงไป โอกาสที่จะเป็นหนี้สูญก็คงจะมีอยู่บ้าง แต่เนื่องจากมีข้อกฎหมายที่จะใช้บังคับอยู่ แต่ถ้าพูดถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยเหลือคนในกลุ่มฐานรากก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้ม เพราะสามารถช่วยเหลือคนได้ถึง 13 ล้านคน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เป็นแสนล้านบาท
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *