xs
xsm
sm
md
lg

“มีชัย” กังขา “สมชาย” ประชามติไม่ผ่านประกาศใช้รัฐธรรมนูญเลย บ่นเหมือนโยนหินใส่หัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (ภาพจากแฟ้ม)
ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เผยที่มา ส.ว. ใช้เลือกตั้งไขว้ หาทางไม่ให้ฮั้ว หรือล็อกสเปก กังขาข้อเสนอ “สมชาย” ประชามติไม่ผ่านก็ประกาศใช้ไปเลย เหมือนโยนหินใส่หัว ย้ำ ร่างต้องไม่ฝืนใจประชาชน มีการทำโพลมาก่อน และต้องอธิบายให้เข้าใจ ย้ำไม่กลัวพรรคใหญ่โวยวาย ตราบที่ทำตัวสุจริตไม่มีกังวล ย้ำไม่มี คปป. ใช้กระบวนการปกติ รับมีกลไกใหม่หากจำเป็น เชื่อผลโพลที่จ้างทำตรงประชามติ

วันนี้ (21 ธ.ค.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการกำหนดที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า จะสรุปจบได้ภายในวันนี้ โดยจะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม 20 ภาคส่วนจากหลายด้าน เช่น เกษตรกรรม แรงงาน ซึ่งจะครอบคลุมทุกภาคส่วน และให้เป็นการเลือกตั้งกันเองในกลุ่ม หรือการเลือกตั้งไขว้ เลือกระดับอำเภอ จังหวัด มาส่วนกลาง เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา

“กำลังคิดว่าหาทางทำอย่างไรไม่ให้มีการฮั้วกัน หรือล็อกสเปก ซึ่งการเลือกไขว้ไม่ได้หมายถึงจับคู่กัน แต่ให้อีก 19 กลุ่มเลือกสลับกัน เชื่อว่า ฮั้วลำบาก เพราะแต่ละคนไม่ได้เลือกได้ทั้งหมด กลไกที่จะดำเนินการจะไม่ให้มีการฮั้วกันเกิดขึ้น แต่เรื่องเลือกไขว้กันคือให้เจ้าตัวอยู่เฉย ๆ อีก 19 กลุ่มเลือก พร้อมยืนยันมีแนวคิดป้องกันไม่ให้มีการล็อคตัวกัน ซึ่งคนที่จะรับเลือกเข้ามาต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ” นายมีชัย กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ออกมาระบุว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติให้ประกาศใช้ไปเลย เพราะกระแสสังคมส่วนใหญ่เห็นชอบ แต่ที่ไม่ผ่านประชามติ เพราะพรรคการเมืองไม่เห็นด้วย นายมีชัย กล่าวว่า ข้อเสนอนี้เป็นการ โยนหินไม่ได้ถามทางแต่โยนหินใส่หัวตน สิ่งที่กำลังทำคือเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญต้องไม่ฝืนใจประชาชนเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยส่วนรวม ซึ่งแต่ละเรื่องมีการทำโพลมาก่อน จึงค่อยเดินหน้า และต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถ้าทำได้มาก ก็เชื่อว่า ประชาชนที่เข้าใจจะยอมรับรัฐธรรมนูญนี้ได้ แต่พรรคการเมืองที่คิดว่าเสียประโยชน์ก็คัดค้านก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็คงมีผลกับการลงคะแนนของประชาชนโดยมีอคติตามที่นักการเมืองไปใส่ไว้ อย่างไรก็ตาม คิดว่า ต้องยอมรับผลจากการทำประชามติ ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางรัฐธรรมนูญสิ่งที่ประเทศไทยจะได้ คือ การเมืองเป็นธรรมชาติ การทุจริตน้อยลง การตรวจสอบมากขึ้น กลไกในทางการเมืองสอดคล้องบริบทสังคมไทย เป็นสิ่งที่เราคาดหวังไว้

“มีคนพูดว่ากลัวพรรคโน้นพรรคนี้ กรธ. ไม่กลัวอะไรเลย ไม่คิดว่าจะต้องป้องกันพรรคใดเข้ามาตราบเท่าที่เข้ามาสุจริต และบริหารบ้านเมืองโดยสุจริต ทำให้ไม่มีความกังวล จึงวางกลไกขจัดคนทุจริตมีกลไกจับตาดูให้บริหารงานอย่างสุจริต ให้มีช่องทางชี้โทษและให้รับผลกรรมนั้นไป” นายมีชัย กล่าว

ประธาน กรธ. กล่าวถึงกลไกเปลี่ยนผ่านว่าคงไม่ออกแบบเหมือนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดที่แล้ว เพราะได้เห็นบทเรียบนแล้วว่าไม่ได้รับการยอมรับและจำไว้แล้ว โดยพยายามที่จะให้เป็นไปตามกระบวนการปกติที่จะพึงมีพึงเป็นแต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า อาจต้องมีกลไกใหม่หากจำเป็นโดยจะต้องพิจารณาว่าจะใช้ทันที หรือมีระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งจะกำหนดในบทเฉพาะกาล ว่า เมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ สนช. เป็นอย่างไร สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นอย่างไร กฎหมายเป็นอย่างไรให้บังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ระหว่างที่กลไกเหล่านี้ไม่สำเร็จจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ใครควรอยู่ต่อใครต้องออกไปต้องเขียนไว้หมด อีกทั้งยังยืนยันว่าจะไม่มีการกำหนดอำนาจใหม่เช่นเดียวกับ คปป. เพราะคนไม่รับแต่จะพยายามคิดว่าต้องดำเนินการอย่างไรให้ตรงกับความต้องการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งยังตอบชัดเจนไม่ได้ แต่เชื่อว่าไม่จำเป็นต้องสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา แต่อาจเป็นเรื่องการกำหนดเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรให้ต้องปฏิบัติตาม

“รัฐบาลมีนโยบายได้แต่จะมีการกำหนดกรอบว่าต้องทำอะไรอย่างไรในเวลาเท่าไหร่ ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญความตั้งใจของกรรมการจะไม่ไปเจ้ากี้เจ้าการบอกว่าต้องทำด้วยวิธีนั้นวิธีนี้บอกแต่เป้าหมาย วัตถุประสงค์และกรอบเวลาในการทำ ส่วนทำอย่างไรให้รัฐบาลคิด แนวนโยบายรัฐจะลดน้อยลง ส่วนเรื่องที่ต้องทำกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลทุกพรรคไม่ทำขัดรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากตำแหน่ง” นายมีชัย กล่าว

นายมีชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วน สนช. จะอยู่ทำกฎหมายที่จำเป็นในการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จส่วน สปท. ขึ้นอยู่กับตอนนั้นทำปฏิรูปเสร็จหรือยัง ต้องฟังดูว่าต้องการเวลาเท่าไหร่ที่จะปฏิรูปให้เห็นหน้าเห็นหลัง เพราะรัฐธรรมนูญพิงทั้งตัวที่การปฏิรูปสองเรื่อง การศึกษา และกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น ถ้าไม่สำเร็จรัฐธรรมนูญจะล้ม ดังนั้น การทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งกรรมการพยายามทำมาตั้งแต่ต้นที่ให้สถาบันการศึกษาทำโพล จึงเชื่อว่า จะทำให้มีผลลัพธ์ตรงกับประชามติ แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้ามก็ไม่ใช่เรื่องของกรรมการยกร่างแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น