กกต.เปิดศึกฟ้องหมิ่นประมาท “ภุชงค์”กล่าวหาบริหารไม่โปร่งใส “สมชัย” ระบุ ยังมีคดีรอคิวอีกยาว แจง เตรียมพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติ ไม่มีผลประโยชน์ เหน็บกลับอดีตเลขาฯ กกต. มีหน้าที่ในฐานประธาน กลับไม่มาประชุม แย้ม กกต.อาจ ไม่รับอุทธรณ์ เหตุมีสิทธิเลิกจ้าง ประชด ฟ้องศาลพระภูมิก็ได้หากคิดว่าไม่เป็นธรรม ปูด ตั้งอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง อดีตผู้บริหาร เปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างสำนักงานเลือกตั้งจากโยธาฯ เป็นเอกชน 12 จังหวัดทำรัฐเสียหาย คาดสรุปผลภายในหนึ่งเดือน หากพบมีความผิดฟันคดีอาญา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงชี้แจงกรณีนายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการกกต. ให้สัมภาษณ์ตั้งข้อสังเกตการเตรียมจัดพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่หากมีการจัดพิมพ์จะมีผู้ได้รับประโยชน์มหาศาล โดยมีการนำเอกสาร 3 ฉบับมาประกอบการแถลงข่าวคือ รายงานการประชุม กกต.วันที่ 25 ส.ค. 58 ชิ้นที่สองคำสั่งการแต่งตั้งคณะกรรรมการประสานการพิมพ์และการจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการเลือกตั้งที่ 2541/2558 และ ชิ้นที่สามรายงานการประชุมคณะกรรมการประสานงานการพิมพ์และจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และบัตรออกเสียงประชามติของ กกต. ตั้งแต่ปี 2548-2557 จะเลือกใช้วิธีดำเนินการ 3 วิธี คือวิธีประกวดราคา วิธีพิเศษ และกรณีพิเศษ รวม 18 ครั้ง แยกเป็น ประกวดราคา 6 ครั้ง วิธีพิเศษ 10 ครั้ง และกรณีพิเศษ 2 ครั้ง
ส่วนการเตรียมจัดพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ นั้น เดิมสมาชิกสภาปฏิรูปมีกำหนดที่จะลงมติในวันที่ 6 ก.ย. หากให้ความเห็นชอบก็จะต้องมีการลงประชามติประมาณกลางเดือนม.ค. หรือต้นก.พ. 59 ซึ่งมีการกำหนดให้กกต.มีหน้าที่จัดพิมพ์บัตรออกเสียงและเอกสารเผยแพร่ให้กับผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวน 67 ล้านฉบับ โดยในการประชุม กกต.วันที่ 25 ส.ค. ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าวซึ่งตนเสนอว่าการจัดพิมพ์และส่งไปยังครัวเรือนผู้มีสิทธิอาจดำเนินการไม่ทัน จึงควรจัดพิมพ์ด้วยวิธีพิเศษ แต่ กกต.คนอื่น เห็นว่าควรดำเนินการด้วยวิธีปกติไปก่อน และได้มีการมอบให้สำนักงานบริหารกลางไปศึกษาว่าควรจะดำเนินการอย่างไร โดยยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ใด ๆ
นอกจากนี้สำนักงานยังได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการ ประสานการพิมพ์และจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาทำหน้าที่กำหนดแผนการดำเนินการต่างๆ โดยมีนายภุชงค์ อดีตเลขาฯเป็นประธานดำเนินการ แต่การประชุมวันที่ 2 ก.ย.ซึ่งถือว่าเป็นครั้งสำคัญเพราะก่อนการลงมติของ สปช.เพียง 6 วัน นายภุชงค์กลับไม่ได้เข้าร่วมประชุมโดยขอลาป่วย
“วันนั้นคณะกรรมการประสานงานฯมีข้อสรุปให้มีการจัดหาผู้รับจ้างพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยวิธีประกวดราคาให้ บจก.ไปรษณีย์ไทยดำเนินการจัดส่ง อีกทั้งยังมีการสำรวจโรงพิมพ์ที่มีศักยภาพถึง 24 รายซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติกับเอกชนรายใดรายหนึ่งหรือมีการล็อคเสป็ค ดังนั้นจึงชัดเจนว่า กกต.มีประสงค์ให้จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาโปร่งใสเป็นธรรมก่อนเพื่อไม่ให้มีการฮั้ว แต่ตัวอดีตเลขาฯ กกต. ที่ดูแลรับผิดชอบกลับไม่อยู่ร่วมประชุม การระบุว่าที่ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญจึงเป็นโชคดี ทำให้ไม่มีการลงประชามติจึงไม่มีการจัดพิมพ์ ไม่เช่นนั้นจะมีผู้ได้รับประโยชน์มหาศาล จึง เป็นการกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิงซึ่ง กกต.จึงมีมติฟ้องหมิ่นประมาทนายภุชงค์ที่กล่าวในสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อ กกต. ทั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายเรื่องที่จะฟ้องหมิ่นประมาทเท่านั้นกรณีใดเสียหายฟ้องทุกเรื่อง ทุกกรรมทุกวาระ บางทีก็พูดด้วยอารมณ์โดยลืมไปว่าตัวเองเป็นประธานในที่ประชุมด้วย การเลิกจ้างเพราะอนุกรรมการประเมินให้คะแนนเพียงแค่ 54.6 % จากเกณฑ์ที่จะต้องได้คะแนน 60 คะแนน”
ส่วนที่นายภุชงค์ยื่นอุทธรณ์จะพิจารณาว่ารับเรื่องอุทธรณ์ได้หรือไม่นั้น นายสมชัย กล่าวว่า กรณีนายภุชงค์ไม่ใช่พนักงานประจำเป็นพนักงานจ้างมาบริหาร มีสัญญาที่ต้องประเมินผลรายปี ถ้าผลการทำงานไม่เป็นที่พึงพอใจหรือทำตามเป้าหมายไม่ได้ กกต.มีสิทธิในการบอกเลิกสัญญาหรือเลิกจ้าง ดังนั้นการเลิกจ้างได้เชิญฝ่ายกฎหมายมาพิจารณาอย่างครบถ้วนแล้วเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งต้องใช้มติสี่ในห้า โดยผลครั้งแรกมีมติสี่ต่อหนึ่ง จึงถือเป็นเด็ดขาดแล้ว และนายภุชงค์ยังได้เงินสิทธิประโยชน์จากสามปีแปดเดือนเป็นสี่ปี จึงถือเป็นธรรม ไม่มีอคติ ส่วนจะรับเรื่องอุทธรณ์หรือไม่ต้องดูว่าประธาน กกต.จะนำเข้าสู่ที่ประชุมในวันอังคารหน้าหรือไม่
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า นายภุชงค์มีสิทธิที่จะร้องศาลปกครอง ศาลพระภูมิ นายกรัฐมนตรี แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของแต่ละศาลจะพิจารณา ทั้งนี้ กกต.จะชี้แจงข้อกล่าวหาทีละเรื่องเพราะมีคำตอบเชื่อมั่นว่าถูกต้องโปร่งใส ว่าไม่มีการดำเนินการตามที่กล่าวหาเพราะเป็นการโกหกคำโต จึงต้องฟ้องร้องหมิ่นประมาท
“อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการซื้อเครื่องอิเล็คทรอนิกส์ ที่ระบุว่าจะใช้เงินถึงหมื่นล้านบาท เพราะเป็นเท็จและยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณาทั้งหมด ส่วนการกล่าวหาว่ามีการล้วงลูกนั้นการทำงานของ กกต.มีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างคณะกรรมการกับสำนักงานเลขาฯ แต่เมื่อให้งานไปแล้วงานไม่เสร็จก็เท่ากับเป็นผู้บริหารที่มีปัญหา ทั้งนี้ได้เตรียมการสรรหาเลขากกต.ใหม่แล้ว”
นายสมชัย กล่าวว่า คนที่มองเรื่องราวอย่างเข้าใจจะรู้ว่าไม่มีอะไรเลยเป็นการเลิกจ้างพนักงานคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับผลที่เกิดขึ้น แต่ทั้งหมดอยู่ในขอบเขตอำนาจ กกต.ที่ดำเนินการอย่างโปร่งใสเป็นธรรมปราศจากอคติ อย่างไรก็ตามถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็ใช้สิทธิได้ แต่กรณีทำให้เกิดความเสียหายต่อ กกต.จะติดตามอย่างต่อเนื่องเรื่องไหนที่ไม่เป็นจริงก็จะมีการฟ้องหมิ่นประมาทและเป็นหน้าที่ กกต.ต้องชี้แจงทุกเรื่อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะยุติง่าย ๆ หรือไม่
นายสมชัย เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า เพิ่งปรากฏข้อเท็จจริงต่อ กกต.ว่ามีอดีตผู้บริหารสำนักงานเลือกตั้งใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบตัดสินใจบริหารงานและก่อให้เกิดความเสียหายทางราชการจึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยพบว่ามีอดีตผู้บริหารใช้อำนาจหน้าที่ให้มีการเปลี่ยนแปลงแบบการก่อสร้างสำนักงาน กกต.จังหวัดจากโยธาธิการมาเป็นเอกชนจำนวน 12 แห่ง โดยอ้างว่าการยึดแบบของกรมโยธาฯ ยังมีปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางวัสดุ แต่เมื่อเปลี่ยนแล้วก็ยังมีข้อจำกัดเช่นเดิม และยังต้องมีการหางบประมาณเพิ่มเติมและแบ่งการจัดซื้อจัดจ้างเป็นสองครั้ง หากมีผลพิจารณาในข้อเท็จจริงจะเสนอที่ประชุม กกต.ดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังต่อไป เนื่องจากการเป็นอดีตผู้บริหารไม่สามารถดำเนินการเรื่องวินัยได้แต่จะดำเนินการเรื่องคดีอาญาและแจ้ง ป.ป.ช.ให้ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ตนยังไม่ได้ระบุว่าอดีตผู้บริหารคนนั้นเป็นใคร โดยผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับอนุกรรมการซึ่งอาจจะพบว่ามีความผิดหรือเป็นการดำเนินการตามระเบียบก็ได้ และอาจเกี่ยวข้องกับอดีตผู้บริหารหรือมีผู้บริหารปัจจุบันเกี่ยวข้องด้วยก็ได้ถ้ามีจะดำเนินการอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามกรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ กกต.ชุดปัจจุบันบริหารงาน ทั้งนี้น่าจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนในการสรุปผลเพื่อเสนอ กกต.แต่ไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาแต่ใช้คำว่าโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามการแถลงข่าวในประเด็นสุดท้ายนี้นายสมชัยพยายามที่จะแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องสุดท้ายที่แถลงนี้เป็นคนละเรื่องกับประเด็นกับที่แถลงเรื่องแรก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เกี่ยวข้องกับนายภุชงค์ หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่รู้ใคร แต่ไม่ใช่เลขาฯ ส่วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายภุชงค์เป็นเลขาฯหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการดังกล่าวก่อน
ทั้งนี้เดิม นายสมชัย จะแถลงข่าวเรื่องการจัดพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติ พร้อมกับอนุกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานนายภุชงค์ แต่เมื่อถึงเวลานายสมชัย ระบุว่าทางอนุกรรมการขอเวลาในการเตรียมข้อมูลอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นตนจึงขอแถลงเรื่องการจัดพิมพ์บัตรออกเสียงเพียงเรื่องเดียวตามที่ได้รับมอบหมายจาก กกต.