“อลงกรณ์” เผย สปท. ขับเคลื่อนการปฏิรูปตามโรดแม๊ประยะที่ 2 ตามเป้า นัดเปิดสภากลาง ธ.ค. พิจารณารายงานปฏิรูปชุดแรก หวังเป็นของขวัญปีใหม่ และต้อนรับประชาคมอาเซียน ขณะที่ โฆษก กมธ. ขับเคลื่อนด้านการเมือง ระบุ เล็งปฏิรูปให้การเลือกตั้งสุจริต สร้างความปรองดอง และ ปลุกจิตสำนึกให้ ปชช.มีส่วนร่วมในทางการเมือง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานของ สปท. ว่า การขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศของ สปท. เป็นไปตามแผนการทำงานและโรดแมประยะที่ 2 โดย ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภา.(วิป สปท.) ในวันที่ 9 ธ.ค. และ 17 ธ.ค. นี้ เพื่อพิจารณารายงานปฏิรูปชุดแรกของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน และคณะกรรมาธิการวิสามัญการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งนี้ เพื่อพิจารณากำหนดบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมสภา สปท. ในวันที่ 21 และ 22 ธ.ค. นี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) ประกอบด้วย ครม., สนช.และ สปท. จะประชุมช่วงเช้าวันที่ 9 และ 16 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาการทำงานร่วมกันในการสนับสนุนการทำงานของแต่ละฝ่ายให้สอดคล้องกับแผนและขั้นตอนการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศของ สปท. ทั้งในส่วนที่เป็นแผนปฏิรูป 11 ด้าน และร่างพระราชบัญญัติเพื่อการปฏิรูป หรือกฎหมายอื่นที่จำเป็นต่อการปฏิรูป
“ขณะนี้ทุกฟันเฟืองกำลังเร่งทำงานอย่างสอดประสานกันโดยเฉพาะรายงานการปฏิรูปประเทศที่จะพิจารณาในสภา สปท. ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. และ 22 ธ.ค. นี้ จะเป็นคลื่นการปฏิรูประลอกแรกของ สปท. ซึ่งคาดว่า จะเป็นเสมือนของขวัญปีใหม่ให้กับประเทศและประชาชนต้อนรับปีใหม่ 2559 และการเกิดประชาคมอาเซียน (Asean Community: AC) ตามความคาดหวังของประชาชนและนโยบายของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ปรารถนาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด”
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง กล่าวว่า การที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เสนอแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับจำนวน ส.ส. วิธีการเลือก ส.ส. ที่มาของ ส.ว. รวมทั้งที่มาของนายกรัฐมนตรี บางเรื่องบางประเด็นอาจใกล้เคียงกับแนวทางของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บางเรื่องบางประเด็นอาจไม่ตรงกับแนวทางของ กรธ. หรือบางเรื่องอาจจะไม่เหมือนกันเลย ซึ่งการเสนอแนวทางดังกล่าวนั้น ไม่ถือว่าเป็นข้อขัดแย้งของ กรธ. และ กมธ. เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นใคร กลุ่มไหน จะเสนอมาอย่างไรก็เป็นอำนาจของ กรธ. ที่จะตัดสินใจและร่าง การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย การรับข้อเสนอหรือไม่รับไม่ถือว่าเป็นข้อขัดแย้งเช่นกัน เพราะในที่สุดรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน หรือจะนำมาใช้ได้หรือไม่ก็อยู่ที่ประชาชนจะลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ อำนาจที่แท้จริงจึงอยู่ที่ประชาชน ดังนั้น ข้อเสนอของ กมธ. ก็ดี ของพรรคการเมืองก็ดี ของกลุ่มประชาชนต่าง ๆ ก็ดี จึงเป็นเพียงข้อประกอบการพิจารณาของ กรธ. เท่านั้นเอง ไม่ใช่เป็นข้อตัดสินชี้ขาดในที่สุดแต่อย่างใด จึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอาเป็นเอาตาย เอาแพ้เอาชนะกันให้ได้
นายวันชัย กล่าวว่า แผนการขับเคลื่อนปฏิรูปด้านการเมืองที่สำคัญที่ กมธ. จะทำและต้องการทำให้สัมฤทธิ์ผลในระยะเวลาที่เหลือ ก็คือ 1. การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมต้องแก้ ต้องปฏิรูปทั้งตัวบทกฏหมาย วิธีการและกระบวนการปฏิบัติให้ได้ผลจริงในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ 2. การสร้างความปรองดอง ต้องหาจุดพอดีให้เกิดขึ้นให้ทุกฝ่ายเป็นที่ยอมรับ และก้าวเดินไปด้วยกันเพื่อการเลือกตั้งและการปฏิรูปประเทศ ลดความกินแหนงแคลงใจกันให้จงได้ 3. การสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมในทางการเมือง ต้องให้ประชาชนมีส่วนในการควบคุมการเลือกตั้งและสอดส่องดูแล ตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมือง ต้องให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาอย่างต่อเนื่อง
ทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมืองให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านนี้เมืองนี้ให้ได้และทั้ง 3 เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ต้องขับเคลื่อนปฏิรูปไปพร้อม ๆ กัน คือ ปฏิรูปทั้งวิธีการ จิตใจของประชาชนและกระบวนการมีส่วนร่วม ถ้าทำได้และสัมฤทธิ์ผลไปพร้อม ๆ กัน เชื่อว่า การเมืองต้องเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดีได้แน่นอน
นายวันชัย กล่าวในที่สุดว่า เมื่อ กมธ. มีข้อสรุปและข้อเสนอแนะที่ชัดเจนใน 3 เรื่อง 3 ประเด็นนี้แล้วเสนอไปยัง คสช. และรัฐบาลซึ่งมีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้นคงรับไปดำเนินการต่อไป ซึ่ง กมธ. มั่นใจว่า ถ้า คสช. และรัฐบาลต้องการจะทำจริง ๆ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้การเมืองในอนาคตดีขึ้นตามที่ประชาชนต้องการ การปฏิวัติรัฐประหารก็ไม่ล้มเหลว
