นปช.ทำหนังสือวอน “บิ๊กตู่” เลิกให้ทหารเฝ้าบ้าน “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”

นปช.ทำหนังสือวอน “บิ๊กตู่” เลิกให้ทหารเฝ้าบ้าน “ณัฐวุฒิ” อ้างถูกคุกคาม ให้ทหารตามเมีย-ลูกไปส่งโรงเรียน “วีระกานต์” ลั่นทำเกินไป ด้าน “ธิดา” เชื่อ “ตู่-เต้น” ไปอุทยานราชภักดิ์ในฐานะพลเมืองดีทั่วไป เป็นปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ในฐานะแกนนำ

วันนี้ (3 ธ.ค.) มีรายงานว่า เฟซบุ๊กของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มีการเผยแพร่หนังสือโดยอ้างว่ามาจากความเห็นของแกนนำ นปช. มีการลงนามของแกนนำ ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกะพงศ์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายเหวง โตจิราการ นายสมหวัง อัสราศี นายอารี ไกรนรา นายนิสิต สินธุไพร นายรังสี เสรีชัย นายธนวุฒิ วิชัยดิษฐ นายเกริกมนตรี รุจโสตถิรพัฒน์ นายศวริศ ชูกล่อม พราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง เขียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องขอให้ยุติการคุกคามและละเมิดสิทธิประชาชน โดยมีใจความว่า

“หลังการทำรัฐประหารในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ผ่านมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว โดยทั่วไปสถานการณ์ก็เรียบร้อยภายใต้การควบคุมของ คสช. การเกิดปัญหาอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ต้องการให้สังคมตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไป การวิเคราะห์วิจารณ์และตรวจสอบโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เช่นพลเมืองดีทั่วไป เพื่อความกระจ่างให้สังคม แต่บัดนี้มีการยกระดับการคุกคามและละเมิดสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแกนนำ นปช.ทั้งสองท่านและครอบครัว

หลังจากมีการจับกุมและปล่อยตัวแล้ว ปรากฏว่ามีการยกระดับการคุกคามแกนนำ โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและครอบครัว โดยใช้ทหารทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบ ยานพาหนะแบบต่าง ๆ จากเคยมาวันละ 1 ครั้ง ก็เป็นตลอดเวลา 24 ชั่วโมง จากการที่จอดรถอย่างเดียว ก็เป็นการถ่ายรูปติดตามกระทั่งคุกคามภรรยาและลูกที่ไปโรงเรียน ซึ่งเป็นการกระทำในลักษณะข่มขู่คุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างร้ายแรง เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับประชาชนทุกคนไม่เฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จึงขอให้ท่านหัวหน้า คสช.ได้พิจารณายุติการข่มขู่คุกคามซึ่งมีแต่สร้างปัญหาและขยายปัญหาลุกลามยิ่งขึ้น

เราหวังว่า ผ่านเวลามาจนถึงบัดนี้น่าจะใกล้เวลาที่ท่านจะปลดปล่อยประเทศ ประชาชน ให้มีสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์ และนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรเป็นเวลาที่เพิ่มการข่มขู่คุกคาม อันทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นว่าประเทศนี้จะก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในอนาคตอันใกล้ได้จริงหรือ จึงขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวมาข้างต้นโดยเร็วที่สุด ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ แกนนำ นปช.”

วันเดียวกัน ช่วงเช้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. นางธิดา นพ.เหวง โตจิราการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และแกนนำ นปช.หลายคน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอให้ยุติการคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าติดตามภรรยานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ขณะพาลูกไปส่งโรงเรียน

นางธิดากล่าวว่า หลังการทำรัฐประหารผ่านเวลามา 1 ปี สถานการณ์โดยทั่วไปก็มีความเรียบร้อยภายใต้การควบคุมของ คสช. การเกิดปัญหาอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องที่ต้องให้สังคมตรวจสอบ การตรวจสอบของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ก็เช่นพลเมืองดีทั่วไป เพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคม แต่ขณะนี้ได้ยกระดับการคุกคามและละเมิดสิทธิของประชาชน ที่ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบเฝ้าติดตามนายณัฐวุฒิ ตลอด 24 ชั่วโมง จากที่เคยมาวันละ 1 ครั้ง และใช้ยานพาหนะที่ไม่ติดป้ายทะเบียนติดตามภรรยานายณัฐวุฒิขณะพาลูกไปส่งที่โรงเรียน ลักษณะนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จึงขอให้หัวหน้า คสช.พิจารณายุติการคุกคามดังกล่าว เพราะมีแต่จะสร้างปัญหาให้ลุกลามมากขึ้น

“อย่าลืมว่าในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 4 ยังให้การรับรองสิทธิเสรีภาพ ที่ต้องได้รับการคุ้มครองแม้จะอยู่ในช่วงเวลานี้และมีมาตรา 44 ก็ตาม ขอให้ยุติการกระทำที่ทำให้ประเทศเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่เพียงเฉพาะแกนนำ นปช.เกือบทุกคนที่คุกคาม แต่หมายรวมถึงนักวิชาการและประชาชนทั่วไปด้วย เนื่องจากการที่จะดูว่าประเทศนี้มีความพร้อมเป็นไปตามโรดแมปหรือไม่นั้น อันดับแรกต้องดูทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยืนยันว่าประเด็นราชภักดิ์เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนสามารถตรวจสอบได้ การตรวจสอบของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้ทำในฐานะ นปช. แต่ในฐานะปัจเจกชนทั่วไป การมองว่าหากสองคนนี้จะไปแล้วมีมวลชนตามไปด้วยนั้น เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย” นางธิดากล่าว

ด้านนายวีระกานต์กล่าวว่า ธรรมดาเป็นคนไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่การไปคุกคามบุตรนายณัฐวุฒิซึ่งเป็นเด็กอนุบาล ทำแบบนี้ค่อนข้างเกินไป ตนเชื่อว่าเรื่องนี้นายกฯ คงไม่ได้สั่งการด้วยตัวเอง บรรดาลูกน้องพอเห็นเจ้านายไม่ชอบใครจึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เหมือนกับมีวุฒิภาวะไม่ถึง จึงขอให้หาตัวคนกระทำการดังกล่าวมาสอบสวนและลงโทษ เพื่อทำให้มีหลักประกันว่าประเทศนี้ยังปกครองด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรมหรือไม่