พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ กรณีอุทยานราชภักดิ์ ฉบับที่ 5 เรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช. ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนแก่แกนนำ นปช. ที่ลงไปตรวจสอบสภาพแวดล้อม ชี้ มีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่าไม่ใช่การทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งที่เป็นของราชการโดยกองทัพบก อีกทั้งโกหกเรื่องงบกลาง
วันนี้ (1 ธ.ค.) พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ กรณีอุทยานราชภักดิ์ ฉบับที่ 5 ระบุว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ ฉบับลงวันที่ 13 พ.ย. 2558, 19 พ.ย. 2558, 24 พ.ย. 2558 และเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2558 เรียกร้องให้รัฐบาล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบกรณีมีข้อกล่าวหาว่ามีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการอุทยานราชภักดิ์ และเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการสอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใด ๆ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าสถานการณ์ ณ ปัจจุบันได้มีข้อเท็จจริงปรากฏสู่สาธารณชนในหลายกรณี จึงขอแถลงและมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยการชี้นำสังคมให้เห็นว่าการตั้งข้อเรียกร้องในโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นเรื่องทางการเมือง มิใช่เป็นเรื่องการตรวจสอบการทุจริตของโครงการ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงตลอดมาว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการที่มีความสำคัญยิ่งต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเปิดเผยต่อสาธารณชน ว่า มีการกระทำผิด มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ จึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของประชาชนชาวไทย การเรียกร้องของพรรคเพื่อไทย จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและตรวจสอบระงับยับยั้งการกระทำทั้งหลายที่กระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองเช่นกัน
2. มีความพยายามจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่จะเบี่ยงเบนประเด็น โดยชี้นำให้เห็นว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ มิใช่การทุจริตประพฤติมิชอบ และได้ข่มขู่ทำนองว่า หากมีผู้ใดกล่าวหาว่ามีการทุจริตจะดำเนินการในทางกฎหมายตามที่เห็นสมควร พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอไว้แล้วว่า แม้โครงการอุทยานราชภักดิ์จะใช้งบประมาณส่วนใหญ่จากการบริจาคของประชาชน แต่ก็เป็นราชการของกองทัพในชั้นแรกมีการบริจาคผ่านกรมสวัสดิการทหารบก ใช้บุคลากรของกองทัพย่อมตกอยู่ในบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยการรับเงิน หรือรับทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ทางราชการ พ.ศ. 2526 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ นอกจากนั้น การที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอดจนผู้รับผิดชอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ได้กล่าวยืนยันต่อสาธารณะตลอดมา ว่า โครงการดำเนินการโดยโปร่งใส ทั้งยังอ้างว่ามิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแม้แต่น้อย แต่กลับปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังว่ามีการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในส่วนงบกลาง ส่อแสดงให้เห็นว่ามีความพยายามจากผู้มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหลายในการที่จะปกปิดข้อเท็จจริง หน่วงเหนี่ยว หรือเบี่ยงเบนประเด็นในการตรวจสอบการกระทำที่ไม่ชอบทั้งหลาย นอกจากนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหลายล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการเปิดเผยของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงแทบทั้งสิ้น อาทิ การที่ผู้รับจ้างเปิดเผยต่อสาธารณะ ว่า มีการเรียกร้องผลประโยชน์จากโครงการฯความเป็นไปเป็นมาของเซียนพระ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อ ว่า มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้นำรัฐบาล ดังนั้น สำหรับประเด็นที่ว่ามีการทุจริตหรือไม่ พรรคเพื่อไทย ประชาชนตลอดจนสื่อมวลชนทั้งหลาย มิได้ยกเมฆหรือเอาความเท็จใด ๆ มากล่าวแต่นำคำพูดของผู้รับผิดชอบของโครงการที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ตลอดจนข้อเท็จจริงอันเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปของสังคมขึ้นมากล่าวอ้างแทบทั้งสิ้น
3. ปรากฏข้อเท็จจริงเมื่อวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. 2558 โดยมีการจับกุมและควบคุมตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ เพื่อไปถวายบังคมแสดงความเคารพต่อบูรพกษัตริย์ และตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของโครงการ โดยถูกนำตัวไปกักขังในค่ายทหาร และถูกปล่อยตัวอย่างมีเงื่อนไขในเวลาต่อมา
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า รัฐบาล และ คสช. มีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏ และควรดำเนินการหาข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรปิดกั้นหน่วยงาน หรือบุคคลที่จะร่วมตรวจสอบโครงการอุทยานฯ การจับกุมและควบคุมตัวบุคคลทั้งสอง จึงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะการจับกุมโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา และปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล และ คสช. ในแง่ของการส่งเสริมให้มีการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน
เหตุการณ์การควบคุมตัวบุคคลทั้งสองที่กล่าวมา ถือเป็นหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่พบเห็นอย่างกว้างขวางในประเทศขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง การถูกเรียกตัวเพื่อปรับทัศนคติ การใช้หน่วยทหารบางหน่วยติดตามบุคคลสำคัญบางคน ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมา พรรคเพี่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช. ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบและคืนสิทธิเสรีภาพให้แก่ผู้ถูกละเมิดโดยเร็ว เพื่อสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการปรองดองและให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติ พรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ยุติการล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยเร็ว