ผู้จัดการรายวัน360 - “บิ๊กตู่” โอ่ “บิ๊กโด่ง” เป็นน้องชายโตมาด้วยกัน ขอโอกาสให้คนที่อยู่ในกระบวนการ ถ้าผิดก็ยอมรับ ปัดปรับ ครม.ตามกระแส “บิ๊กต๊อก” เล็งให้ ศอตช.แถลงอัพเดทความคืบหน้าผลสอบตามแบบคดีดัง แกนนำ นปช.บุกทำเนียบฯ ร้องนายกฯยุติคุกคาม ตีกันงัด ม.44 เล่นงาน “ตู่-เต้น” ด้าน “จตุพร” ถอดรหัส “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ส่งสัญญาณไล่ “บิ๊กโด่ง” พ้น ครม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการตรวจสอบความผิดปกติในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า สิ่งที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด คือ ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ ซึ่งหลายเรื่องอยู่ในขั้นของการตรวจสอบ อยากขอโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในกระบวนการด้วย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนการตรวจสอบจะดำเนินไปตามลำดับ ถ้าหน่วยงานรัฐอื่นที่ต้องการเข้าตรวจสอบก็ยินดี โดยจะให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความชัดเจน สำหรับการตรวจสอบก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เพราะการตรวจสอบเร็วไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าช้าเกินไปก็ไม่ดี ถ้าผลสอบออกมาเป็นอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องก็รู้ตัวเขาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องที่พูดถึงนั้นหมายถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่สิ ท่านเกี่ยวข้องตรงไหน พล.อ.อุดมเดช อยู่ในส่วนของโครงการ ซึ่งจะไปชี้แจงกับคณะกรรมการสอบของกระทรวงกลาโหม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสขึ้น”
** ยอมรับเป็นห่วง “อุดมเดช”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในใจลึกๆแล้ว นายกฯคิดว่าไม่มีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็แน่นอน ใครจะคิดว่าจะมีการทุจริต แต่ก็ต้องไปดูว่าทุจริตทั้งโครงการหรือไม่ ทุจริตที่บุคคลหรือตรงส่วนไหน งบฯกลางที่เอาลงไปมีความชัดเจนหรือไม่ และเงินบริจาคมาจากไหนบ้าง ถูกต้องหรือไม่
“มันมีส่วนหนึ่งที่ผิด ผิดโดยคนไม่กี่คน และคิดว่าคนส่วนนี้จะอยู่ในนี้หรือ ตรวจอย่างไรก็ไม่เจอ เพราะคนมันขี้โกง มันก็ต้องคนสองคนที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ผิดก็คงไม่หนี ใครเกี่ยวข้องก็ว่ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วง พล.อ.อุดมเดชหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ในความเป็นส่วนตัวผมก็ต้องห่วง น้องผมนะ แต่ในความรับผิดชอบก็ต้องตามระเบียบกติกาที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว”
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจว่า พล.อ.อุดมเดชจะบริสุทธิ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าผิดก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ผิดก็ทำงานไป ไปหาคนผิดมาลงโทษก็เท่านั้น ที่บอกว่าต้องรับผิดชอบทางการเมือง ต้องรับผิดชอบตั้งแต่วันนี้หรือ แล้วมันชัดเจนหรือยังว่าผิดตรงไหน รายรับรายจ่าย งบประมาณต่างๆ การก่อสร้างอะไรก็แล้วแต่ เขาสั่งให้เรียกค่าหัวคิวหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก ใครที่ไปเรียกค่าหัวคิวก็ไปสอบมา ส่วนตนไม่รู้ เพราะไม่ใช่ศาล
** เลิกตอบเรื่องราชภักดิ์-ให้รอผลสอบ
ส่วนกระแสข่าวเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ยังไม่ยอมรับ บอกแล้วว่าให้มีการตรวจสอบก่อน จะให้ผมพูดยอมรับให้ได้หรือ ผมไม่ทำตามกระแส ผมให้ความเป็นธรรม”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อผลสอบของกระทรวงกลาโหมออกมาแล้วจะสามารถตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้องค์กรอื่นๆสอบสวนอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะมาตรวจก็ทำได้ ซึ่งรวมไปถึงศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แต่ขารอผลสอบตรงนี้ก่อน
“ผมจะไม่ตอบเรื่องนี้แล้ว เพราะต้องรอผลการตรวจสอบ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
** นปช.บุกทำเนียบฯร้องยุติการคุกคาม
ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียรัฐบาล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ยุติการคุกคาม และละเมิดสิทธิของประชาชน โดยมี นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นางธิดา กล่าวว่า ปัญหาโครงการอุทยานราชภักดิ์ เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. วิเคราะห์และวิจารณ์เหมือนพลเมืองทั่วไป เพื่อให้สังคมกระจ่าง แต่หลังมีการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏมีการยกระดับคุกคาม และละเมิดสิทธิมนุษยชน คุกคามไปจนถึงภรรยาและลูกหลาน แม้ คสช.จะปกครองด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่มาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ระบุว่า ถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ต้องได้รับการคุ้มครอง ที่สำคัญไม่ควรนำมาตรา 44 มาใช้กับนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เพราะไม่ได้มีการนำมวลชนไป จึงเรียกร้องรัฐบาลยุติการกระทำที่ป่าเถื่อน และคุกคามกัน
** “ตุ๊ดตู่” ชี้ “บิ๊กโด่ง” ถูกตัดหางแล้ว
ทางด้าน นายจตุพร กล่าวในรายการ มองไกล ผ่านเว็บไซต์ยูทิวป์ว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์นั้น ถ้ามีการแสดงบัญชีรายรับ-รายจ่าย และยอดเงินคงเหลือด้วยความโปร่งใสและชัดเจน ย่อมทำให้ทุกอย่างหายจากความคลางแคลงใจของประชาชนได้ แต่เมื่อทำกันไม่ปกติ จึงทำให้ลุกลามออกไปจนเกิดความสงสัยไปทั่ว เมื่อมีสิ่งบ่งชี้ถึงการใช้งบประมาณแผ่นดินเข้ามาเกี่ยวข้องและปฏิเสธไม่ได้ ผู้มีอำนาจจึงต้องยอมรับ จนในที่สุดก็พยายามหาคนรับผิดชอบเพื่อให้เรื่องจบ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ต้องการให้ พล.อ.อุดมเดช ใช้วุฒิภาวะผู้ใหญ่ตัดสินใจเองว่าจะลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม หรือไม่
“การกล่าวเช่นนี้มีความหมายถึงการไล่ พล.อ.อุดมเดชนั่นเอง แม้หากมีการลาออกจาก รมช.กลาโหม แต่เรื่องก็ไม่น่าจบ เพราะต้องรอการตรวจสอบของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งอีก” นายจตุพร กล่าว.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการตรวจสอบความผิดปกติในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า สิ่งที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด คือ ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ ซึ่งหลายเรื่องอยู่ในขั้นของการตรวจสอบ อยากขอโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในกระบวนการด้วย เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนการตรวจสอบจะดำเนินไปตามลำดับ ถ้าหน่วยงานรัฐอื่นที่ต้องการเข้าตรวจสอบก็ยินดี โดยจะให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความชัดเจน สำหรับการตรวจสอบก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เพราะการตรวจสอบเร็วไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าช้าเกินไปก็ไม่ดี ถ้าผลสอบออกมาเป็นอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องก็รู้ตัวเขาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องที่พูดถึงนั้นหมายถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่สิ ท่านเกี่ยวข้องตรงไหน พล.อ.อุดมเดช อยู่ในส่วนของโครงการ ซึ่งจะไปชี้แจงกับคณะกรรมการสอบของกระทรวงกลาโหม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสขึ้น”
** ยอมรับเป็นห่วง “อุดมเดช”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในใจลึกๆแล้ว นายกฯคิดว่าไม่มีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็แน่นอน ใครจะคิดว่าจะมีการทุจริต แต่ก็ต้องไปดูว่าทุจริตทั้งโครงการหรือไม่ ทุจริตที่บุคคลหรือตรงส่วนไหน งบฯกลางที่เอาลงไปมีความชัดเจนหรือไม่ และเงินบริจาคมาจากไหนบ้าง ถูกต้องหรือไม่
“มันมีส่วนหนึ่งที่ผิด ผิดโดยคนไม่กี่คน และคิดว่าคนส่วนนี้จะอยู่ในนี้หรือ ตรวจอย่างไรก็ไม่เจอ เพราะคนมันขี้โกง มันก็ต้องคนสองคนที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ผิดก็คงไม่หนี ใครเกี่ยวข้องก็ว่ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วง พล.อ.อุดมเดชหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ในความเป็นส่วนตัวผมก็ต้องห่วง น้องผมนะ แต่ในความรับผิดชอบก็ต้องตามระเบียบกติกาที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว”
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจว่า พล.อ.อุดมเดชจะบริสุทธิ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าผิดก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ผิดก็ทำงานไป ไปหาคนผิดมาลงโทษก็เท่านั้น ที่บอกว่าต้องรับผิดชอบทางการเมือง ต้องรับผิดชอบตั้งแต่วันนี้หรือ แล้วมันชัดเจนหรือยังว่าผิดตรงไหน รายรับรายจ่าย งบประมาณต่างๆ การก่อสร้างอะไรก็แล้วแต่ เขาสั่งให้เรียกค่าหัวคิวหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก ใครที่ไปเรียกค่าหัวคิวก็ไปสอบมา ส่วนตนไม่รู้ เพราะไม่ใช่ศาล
** เลิกตอบเรื่องราชภักดิ์-ให้รอผลสอบ
ส่วนกระแสข่าวเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ยังไม่ยอมรับ บอกแล้วว่าให้มีการตรวจสอบก่อน จะให้ผมพูดยอมรับให้ได้หรือ ผมไม่ทำตามกระแส ผมให้ความเป็นธรรม”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อผลสอบของกระทรวงกลาโหมออกมาแล้วจะสามารถตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้องค์กรอื่นๆสอบสวนอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะมาตรวจก็ทำได้ ซึ่งรวมไปถึงศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แต่ขารอผลสอบตรงนี้ก่อน
“ผมจะไม่ตอบเรื่องนี้แล้ว เพราะต้องรอผลการตรวจสอบ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
** นปช.บุกทำเนียบฯร้องยุติการคุกคาม
ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียรัฐบาล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ยุติการคุกคาม และละเมิดสิทธิของประชาชน โดยมี นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นางธิดา กล่าวว่า ปัญหาโครงการอุทยานราชภักดิ์ เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. วิเคราะห์และวิจารณ์เหมือนพลเมืองทั่วไป เพื่อให้สังคมกระจ่าง แต่หลังมีการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏมีการยกระดับคุกคาม และละเมิดสิทธิมนุษยชน คุกคามไปจนถึงภรรยาและลูกหลาน แม้ คสช.จะปกครองด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่มาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ระบุว่า ถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ต้องได้รับการคุ้มครอง ที่สำคัญไม่ควรนำมาตรา 44 มาใช้กับนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เพราะไม่ได้มีการนำมวลชนไป จึงเรียกร้องรัฐบาลยุติการกระทำที่ป่าเถื่อน และคุกคามกัน
** “ตุ๊ดตู่” ชี้ “บิ๊กโด่ง” ถูกตัดหางแล้ว
ทางด้าน นายจตุพร กล่าวในรายการ มองไกล ผ่านเว็บไซต์ยูทิวป์ว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์นั้น ถ้ามีการแสดงบัญชีรายรับ-รายจ่าย และยอดเงินคงเหลือด้วยความโปร่งใสและชัดเจน ย่อมทำให้ทุกอย่างหายจากความคลางแคลงใจของประชาชนได้ แต่เมื่อทำกันไม่ปกติ จึงทำให้ลุกลามออกไปจนเกิดความสงสัยไปทั่ว เมื่อมีสิ่งบ่งชี้ถึงการใช้งบประมาณแผ่นดินเข้ามาเกี่ยวข้องและปฏิเสธไม่ได้ ผู้มีอำนาจจึงต้องยอมรับ จนในที่สุดก็พยายามหาคนรับผิดชอบเพื่อให้เรื่องจบ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ต้องการให้ พล.อ.อุดมเดช ใช้วุฒิภาวะผู้ใหญ่ตัดสินใจเองว่าจะลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม หรือไม่
“การกล่าวเช่นนี้มีความหมายถึงการไล่ พล.อ.อุดมเดชนั่นเอง แม้หากมีการลาออกจาก รมช.กลาโหม แต่เรื่องก็ไม่น่าจบ เพราะต้องรอการตรวจสอบของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งอีก” นายจตุพร กล่าว.