นายกฯ ยันโครงการรถไฟต้องตั้งบริษัทร่วมทุน ไม่ใช่ให้ทุกอย่างหมด ชี้ปัญหาคือต่อรอง ยันไม่ทำให้ชาติเสียเปรียบ แต่ต้องคำนึงราคาค่าโดยสารขึ้นจะทำอย่างไร ถามทำเองเอาเงิน 4-5 แสนล้านมาจากไหน โอดห่วงมากก็ทำไม่ได้สักอย่าง รับวันนี้อันตรายต้องเข้มแข็ง ใช้ศักยภาพเจรจาหาทางออก แต่นำไปพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ถูกต้อง ต้องแก้เป็นเรื่องๆ พร้อมเปิดเสรีชาติอื่นประมูลเส้นทางอื่น ลั่นปู๊นๆ ไทย-จีนไม่ล้ม ตรงไหนทำไม่ได้ก็รอไว้ก่อน แจง 3 เรื่อง ราง, เดินรถ และผลประโยชน์
วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมทุนในโครงการก่อสร้างรถไฟว่า ต้องตั้งบริษัทร่วมทุน ไม่ใช่ให้ทุกอย่างกับเขาหมด การร่วมทุนไปกับต่างประเทศต้องมีการร่วมทุน วันนี้ที่มีปัญหากันอยู่ คือ การต่อรองว่าจะลงทุนอย่างไร ฝ่ายละเท่าไหร่ ตนยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องคำนึงถึงว่าถ้าร่วมทุนไปแล้วราคาค่าโดยสารขึ้นจะทำอย่างไร ขอให้คิดให้ครบทุกมิติ แต่ถ้าทุกคนบอกว่าเอามาทำเอง ถามว่าแล้วจะนำเงินมาจากไหน 4-5 แสนล้านบาท และรถไฟทั้งหมดตั้งกี่สาย ก็ต้องใช้วิธีการร่วมทุน เมื่อร่วมทุนก็ต้องต่อรองว่าค่าโดยสารจะอยู่ที่เท่าไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สื่อห่วงตรงนั้นห่วงตรงนี้ สรุปว่าก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้สักอย่าง แต่ก็อยากจะมีรถไฟ ถ้าอยากมีรถไฟก็ต้องหาทาง หาความร่วมมือว่าจะทำกันอย่างไรให้ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มี ก็ต้องใช้ช่องทางตรงนี้ที่มีอยู่ทุกประเทศ ไม่ใช่จะไปเดินข้างโน้นเดินข้างนี้ เราต้องเข้มแข็ง ใช้ศักยภาพของเราเพื่อพูดคุยเจรจากันให้ได้ หาทางออกให้ได้ ไม่ใช่อันนี้ไม่ทำแล้ว เลิก ไปทำอันอื่นดีกว่า ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันก็มี แต่ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่มีการค้าขายอีกเยอะแยะ ข้าว ยาง ปัญหามีทั้งหมด แล้วจะนำปัญหานี้ไปพันกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นไม่ถูกต้อง ต้องแก้เป็นเรื่องๆ อันไหนทำได้ก็ทำ อันไหนทำไม่ได้ก็ต้องต่อรองกันไป อันไหนที่ช่วยเราเขาก็สนับสนุนช่วยเราเต็มๆ
“ประเทศต้องเดินอย่างนั้น ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศอื่นๆ เราก็เปิดเสรีในการแข่งขัน เปิดประมูลเข้ามา ร่วมทุนเข้ามาในเส้นทางอื่น ไม่ใช่ว่าให้ไปก่อนเพราะว่าเรารักคนนี้มากกว่า ผมบอกแล้วไงตั้งแต่ต้น เราจะรักใครให้เก็บไว้ในใจ แสดงออกมามันไม่ดีนักหรอก แต่เราต้องแสดงความจริงใจกับทุกคน ไม่ใช่ไม่ชอบเขาหรือชอบเขาก็แสดงออก ไม่ใช่ ต้องรู้จักเก็บความรู้สึกตัวเองไว้บ้างนะ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่มีข่าวว่าโครงการรถไฟไทย-จีนอาจจะล้ม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังขึ้นว่า ไม่ล้ม จะล้มได้อย่างไร ทำไม อยากล้มหรือ พูดไปมันก็เสีย ผลกระทบไปที่ประเทศจีนเขาโน่น ความสัมพันธ์มีกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ที่ต้องทำอะไรให้เป็นสัญลักษณ์ให้ได้ก่อน เพราะครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ต้องมีประวัติศาสตร์ ทำไมไม่คิดอย่างนี้ การพูดคุยก็คุยกันต่อ ตรงไหนทำได้ก็ทำ ตรงไหนรอไม่ได้ก็รอไว้ก่อน นี่แหละเขาเรียกว่า 1-2-3 เพราะรถไฟมีตั้งกี่ท่อน
นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า 1. คือ เรื่องราง เรื่องพื้นที่ อันนี้ก็กลุ่มที่ต้องดูว่าจะลงทุนกันอย่างไร เดิมทีคิดเอาไว้ว่าจะทำเอง แต่ถามว่าไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็ต้องให้เขามาร่วมแต่กี่เปอร์เซ็นต์ จะเท่าไร 50/50, 40/60 ประเทศไทยมีต้นทุน คือ ที่ดิน ราง ถามว่าจะเป็นสัดส่วนนี้ได้หรือไม่ ก็ให้ไปคิดอยู่ แต่ทุกคนมุ่งไปที่ประเด็นรวมหมด เพราะคุณคิดแต่เรื่องดอกเบี้ยกับราคา ไส้ในไม่มีการอธิบายกันแบบนี้ 2. เมื่อทำรางเสร็จก็เป็นเรื่องของการเดินรถ ก็ต้องไปหารถที่จะเดินจะเป็นอย่างไร เรื่องสัญญาณการควบคุม เทคนิค ก็ไปดูว่าจะลงทุนกันอย่างไรใครจะลงทุน เขาจะลงทุนหมดหรือเราลงทุนหมด ก็ดูว่าไหวไม่ไหว เขากำลังต่อรองแบบนี้กันอยู่ 3. ผลประโยชน์ แบ่งปันกันอย่างไร ถ้าเราทำเองเราก็ได้ 100% ทั้งหมด แต่ถามว่าเราต้องกู้ทั้งหมดหรือไม่ก็ต้องกู้ทั้งหมด มันไหวหรือไม่ ถ้าไหวก็ทำมา ถ้าไม่ไหวก็ไปหาวิธีร่วมทุนมา ซึ่งเรื่องผลประโยชน์ต้องพูดถึงว่าบนสถานีจะมีการค้าขายอย่างไร สองข้างทางจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่ายกให้เขา 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร
“ใน 3 อย่างสมมติว่าทำได้ 100% ใครลงทุนก็ไม่รู้ หรือจะ 40/60 หรือ 50/50 เสร็จแล้วทั้งหมดถึงรวมเป็นเม็ดเงินออกมา แล้วถึงจะไปดูว่าจะกู้หรือไม่กู้ กู้ใคร ถ้ากู้เขาดอกเบี้ยมันสูง ก็ต่อรองว่าเรากู้ที่อื่น มันเป็นอย่างนั้น แต่เห็นเรื่องความสัมพันธ์ก็คุยกันตรงนี้ว่า ถ้ากู้กับเขาเขาลดลงได้หรือไม่ แต่เขาก็ช่วยเราเรื่องยางที่มีการสั่งซื้อ ก็ต้องมองว่าเราไม่เอาเขาอย่างเดียว” นายกฯ กล่าว