“อำนวย นิ่มมะโน” เผยที่ประชุม กมธ. ปฏิรูปกฎหมายฯ เสนอแนวทางเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใหม่ ไม่ให้การเมืองแทรกแซง ใช้วิธีคัดเลือดรอง ผบ.ตร. จาก 12 เหลือ 3 คน แล้วให้ตำรวจทั่วประเทศใช้สิทธิเลือกตั้ง ระบุ ครม. เห็นชอบ พร้อมเสนอนายกฯ ใช้มาตรา 44 แก้กฎหมาย ขณะเดียวกัน ปฏิรูปงานสอบสวน ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมกิจการตำรวจ และปฏิรูปบรรดาทนายความอาสา และทนายขอแรง ให้มีคุณภาพ อบรม วัด ประเมินผล และติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวแก่ผู้ต้องหาที่ปล่อยตัวชั่วคราว
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.15 น. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกคณะกรรมาธิการการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติให้ขับเคลื่อนการปฏิรูปเรื่องดังต่อไปนี้ 1. ปฏิรูปกิจการตำรวจ โดยให้มีการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลให้ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยมีการเสนอแก้ไข พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ที่ทำให้ตำรวจอ่อนแอ เนื่องจากมีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ตามมาตรา 53 (1) (2) ที่ระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ต.ร.) และประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มีอำนาจแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และรอง ผบ.ตร. หรือมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแทน ซึ่งฝ่ายการเมืองก็ต้องตั้งคนของตัวเองขึ้นมา รอง ผบ.ตร. ที่อยากเป็น ผบ.ตร. ก็ต้องเดินตามนักการเมือง
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีการเสนอให้ตัดมาตราดังกล่าวออกไป เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง โดยให้เปลี่ยนเป็นว่า ต่อไปนี้ให้เป็นการเลือก ผบ.ตร. แทน โดยเลือกจาก รอง ผบ.ตร. 12 คน ให้เหลือ 3 คน แล้วส่งรายชื่อทั้ง 3 คน ไปให้ตำรวจทั่วประเทศพิจารณา พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้ตำรวจทั่วประเทศเข้าคูหากาว่าจะเลือกใคร แล้วให้แต่ละภาคส่งคะแนนให้ส่วนกลางก่อนประกาศว่าใครจะได้เป็น ผบ.ตร. โดยเรื่องดังกล่าวทางสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ส่งแนวทางการปฏิรูปดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่ง ครม. ก็เห็นชอบโดยเฉพาะที่ไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงกิจการตำรวจ
“การปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้ ต้องแก้ พ.ร.บ. ตำรวจ ซึ่งบางเรื่องผมจะเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 ดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจ เพราะหากปล่อยเลยผ่านให้ถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แสงหิ่งห้อยจะสว่างกว่า เพราะไม่มีนักการเมืองคนไหนยอมให้อำนาจตัวเองลดลง ซึ่งที่ประชุมยังได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปตำรวจ ขึ้นมา 1 คณะ เพื่อทำเรื่องการปฏิรูปตำรวจโดยเฉพาะ” พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติให้ปฏิรูปงานสอบสวนเพื่อให้เกิดปฏิรูปแก่ประชาชนมากที่สุด พร้อมให้ปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายโดยยึดระบบคุณธรรม ป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง เพราะหากยังมีการซื้อตำแหน่งก็ยังมีการถอนทุนกันอยู่ต่อไป รวมทั้งการสร้างความมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช้ภารกิจหลักของตำรวจไปให้หน่วยงานอื่นดูแล และการปฏิรูปงานนิติวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเสนอให้มีการปฏิรูปองค์กรทนายความ โดยเฉพาะทนายความอาสา และทนายขอแรง ให้มีคุณภาพและคุณสมบัติที่เหมาะสม มีการอบรบ วัด และประเมินผล รวมทั้งปรับปรุงค่าตอบแทนของทนายความให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว กับผู้ต้องหาที่ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อป้องกันการหลบหนีด้วย