xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ..“เสือภูธร” ผู้ถูกขู่ฆ่า กรณีเปิดโปงทุจริตองค์กรท้องถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด้วยยอดไลค์เกือบสี่แสน ภาพที่ผุดขึ้นในหัวก็ทำงานแบบคุ้นเคยว่า มันน่าจะเป็นเพจดาราคนดัง หรือไม่ก็พวกคำคมเอาใจวัยรุ่นฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง แต่ทว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าของเพจคงไม่ถูกคุกคามรังควาน หรือแม้กระทั่งขู่ฆ่า...

จากเว็บบอร์ดเล็กๆ ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อราวสิบปีก่อน ด้วยความมุ่งหวังจะให้เป็นศูนย์กลางข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงข้าราชการท้องถิ่น กระทั่งเข้าสู่ยุคเฟซบุ๊กบุกโลก “ชุมชนคนท้องถิ่น” จึงถือกำเนิดและดำเนินงานคู่ขนานกันไปกับเว็บไซต์ thailocalmeet.com อย่างไรก็ตาม ความพิเศษนอกเหนือจากข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรข้าราชการงานท้องถิ่น ส่วนที่เป็นเชื้อไฟนำไปสู่ชนวนแห่งการถูกขู่ฆ่าอยู่บ่อยครั้งคือการเปิดโปงตีแผ่ “ด้านมืด” ของราชการท้องถิ่น การทุจริต คอรัปชั่น และอื่นๆ อีกนานัปการที่ฉ้อฉลกังฉิน

เราบอกได้เพียงว่า คนที่เราจะคุยด้วยในวันนี้คือข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบชุดนี้มานับสิบๆ ปี สิ่งที่เราจะเปิดเผยได้ มีเพียงตัวอักษร “ส.เสือ” ซึ่งเป็นนามแฝงและมีนัยอย่างสำคัญในตัวอักษระย่อนั้น

เพราะ “ส.เสือแห่งภูธร” ตัวนี้จะซุ่มอยู่ดูลาดเลาตลอดเวลาว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นในวงงานราชการท้องถิ่น ถ้าเพียงแต่เขาได้กลิ่นไม่ดีไม่งาม เขาคือคนแรกๆ ที่จะส่งต่อข้อมูลนั้นให้กับคนทั่วไปได้รับรู้ เขาพูดกับเราเหมือนทำทีขู่อยู่กลายๆ ว่า ยุคนี้ คนเลวๆ ต้องระวังตัวกันดีๆ เพราะอะไรๆ มันก็เร็วก็ไวไปหมดแล้ว ทำชั่วนาทีนี้ นาทีต่อไป อาจปรากฏเป็นข่าวหน้าหนึ่ง!

• ที่มาที่ไปของเว็บไซต์ thailocalmeet.com และเพจ “ชุมชนคนท้องถิ่น”

คือตอนก่อตั้งแรกๆ เลยคือปี 2550 ยุคแรกที่มีอีเมล์ เอ็มเอสเอ็น เราตั้งขึ้นมาเพื่อมีไว้คุยแบบเว็บบอร์ด กับกลุ่มข้าราชการท้องถิ่น ก็เริ่มจากตรงนั้นก่อน ล้มๆ ยืนๆ ผิดพลาดอะไรบ้าง แต่มาจริงจัง เปิดทางการถาวรตอนปี 2551 ต่อมาเฟซบุ๊คเริ่มมา ผมจึงมาตั้งเพจ แรกๆ คนกดไลค์ 100-200 ปัจจุบันนี้มียอดที่หลักแสน แต่ไม่ว่าจะเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก ผมดูแลคนเดียวหมดเลย ทุกวันนี้ก็ยังนอนดึก เพราะไม่อยากให้เวลาข่าว ทำให้เสียงานประจำ แต่ละวันก็จะหาข่าวล่วงหน้าก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพยายามเกาะติดสถานการณ์ตลอด โชคดีที่เราอยู่ท้องถิ่นมานาน ก็เลยรู้ว่าแหล่งข้อมูลอยู่ตรงไหน ซ้ายหรือขวา เรารู้ตลอด

• อะไรคือแรงผลักที่ทำให้คุณมาทำเพจเพื่อคนท้องถิ่นครับ

จุดเริ่มแรก เพราะเราเห็นว่า ข้าราชการอยู่ท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ค่อยมีพื้นที่ที่จะคุยกันน่ะครับ งานมาจากกรมชิ้นเดียวกัน เหมือนกันทุกอย่าง สั่งปุ๊บ ท้องถิ่นเดินซ้าย แต่คำสั่ง กว่าจะไปถึงแต่ละที่ ค่อนข้างนาน เราจึงพยายามทำให้ตรงนี้เป็นศูนย์กลางให้แต่ละคนมาคุยกันเรื่องงาน อย่างเช่น คำสั่งนี้จะทำยังไงดีนะ จะตีความยังไงดี จากนั้นก็ขยับขยายไปสู่การสอบ และมีรุ่นน้องซึ่งเป็นบัณฑิตจบใหม่ อยากจะทำงานราชการ ก็มาขอคำแนะนำ ซึ่งเราก็ตั้งเป็นกลุ่มเตรียมสอบอีกกลุ่ม จากนั้นก็มีกลุ่มซึ่งทำงานราชการอยู่แล้ว ก็มีข่าวสารเรื่องการโอนย้าย ซึ่งทุกวันนี้เป็นเว็บมีค่าของข้าราชการท้องถิ่นแล้ว ไม่ว่าจะอยากสอบหรือหาข้อมูลโอนย้ายไปจนถึงข้อมูลอื่นๆ มาหาที่นี่ได้

โดยส่วนตัว ผมสอบได้ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น แต่ผมเลือกที่จะอยู่ท้องถิ่น ชอบทำงานมันติดพื้นที่ ทำงานเชิงรุกกับชาวบ้าน ผมคิดว่ามันสนุกกว่านะ ดีกว่าอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆ แล้วรอสั่งจากข้างบนมาข้างล่าง

• จากประสบการณ์ทำงานในท้องถิ่น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

มันก็เหมือนโชคร้ายหน่อยนะ เพราะการอยู่ในท้องถิ่น มันเหมือนมีตราบาปติดหัวแล้วว่าขี้โกง องค์กรท้องถิ่นมีอยู่ 7,000 กว่าแห่ง พอข่าวออกมาว่าโกง ก็โดนเหมารวม เขาไม่ได้บอกว่า อบต. ก.หรือ ข.โกง ที่เหลือไม่ได้ทำนะ แต่เหมารวม เช่นเรื่องโกงนม ผมท้อมากเลยนะเรื่องนี้ จริงๆ เรื่องนี้ ท้องถิ่นไม่ได้จับเงินเลย ส่วนกลางนำมาให้ท้องถิ่น แล้วท้องถิ่นก็จัดซื้อตามระเบียบที่มีมา แล้วส่วนกลางก็บอกมาก่อนแล้วนะว่าต้องซื้อจากใคร เราก็เลือกไม่ได้ ก็ต้องซื้อไปตามเขา แต่พอนมไม่มีคุณภาพ นมบูดปุ๊บ ก็ว่าท้องถิ่นโกงทันที เราก็ท้อนะ คือต้องบอกกับสังคมด้วยว่าท้องถิ่นไม่ได้เป็นคนเลือกซื้อเองนะ ส่วนกลางล็อกมาแล้วว่าต้องซื้อใคร เพราะฉะนั้น เราต้องฉีกตราบาปนี้ไปให้ได้ แต่เรื่องดีๆ ก็มีนะ เช่นการที่ ปปช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) มอบรางวัลช่อสะอาด ให้หลายๆ ท้องถิ่น ก็ถือว่าเป็นกำลังใจสำหรับการทำงาน

พูดตรงๆ นะ คนจะมองเราสองแง่อยู่แล้ว หนึ่งคือด้านที่ดี การตีแผ่ข้อมูลของเรามีประโยชน์ แต่บางครั้งบางคนเขาไม่มองว่าเราทำเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าเราตีแผ่เพื่อจะให้สังคมรู้ เป็นการส่งสัญญาณให้พวกที่ทำไม่ดีอยู่ได้รู้เหมือนกันว่ามีคนรอดูอยู่นะ เขาก็อาจจะไม่กล้าทำต่อ เดี๋ยวนี้มันไวครับ โซเชียลมีเดีย ส่งต่อกันไป แป๊บเดียวก็ถึงมือแล้ว แต่บางทีผมก็ท้อนะ ถูกมองว่าทำลายหรือเปล่า ทำลายท้องถิ่น และ อปท.(องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) หรือเปล่า ไม่ใช่นะครับ

ผมทำแบบนี้ บางทีมันก็ต้องยอมนะ เสียส่วนหนึ่ง เพื่อรักษาส่วนมากไว้ เสียตรงที่เป็นมะเร็งร้ายนะ แต่ส่วนที่เหลือโอเคนะ มันต้องสานไว้ ถูกมั้ยครับ แต่บางทีกระแสก็มีว่าแอดมินอยากดังหรือเปล่า คำถามก็คือผมจะอยากดังเพื่ออะไร ชื่อไม่มี ถึงมีและบอกไปก็ไม่รู้ ผมใช้แค่อักษรย่อของชื่อเล่นตัวเอง คือ ส.เสือ แต่ผมก็แฝงตัวอยู่ในสมาคม ข้าราชการ สมาคมนายกโน่นนี่ ไปเป็นกรรมาธิการร่วมอยู่กับเขาบ้าง ก็จะตามข่าว แต่ก็ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใครนะ เพื่อที่จะเอาข้อมูลออกมา คือผมจะเอาออกมาช้าแต่ชัวร์ ไม่มีการเมคหรือเสริมเติมแต่งแน่นอน คนก็เลยเชื่อมั่นที่จะอยู่ต่อได้ และเลยตามเพจผมต่อ

• กับเรื่องที่มักมีการกล่าวหาว่าท้องถิ่นโกง คุณมองว่าควรจะดำเนินการอย่างไร

เราต้องไปดูก่อนว่าเขาโกงจริงมั้ย มันโกงด้วยกรรมวิธีหรือเปล่า เช่น การสอบโยธา ทำถนนไม่ได้คุณภาพ อันนั้นโกงจริง เราก็มาดูว่าโกงที่ใคร ผู้รับเหมาหรือทางผู้บริหาร ทีนี้ นอกจากเรื่องโกงแล้ว ยังมีเรื่องของข้าราชการ เอกชนไม่เอื้อ นายกก็ไม่สอดคล้องตามกัน อย่างเรื่องที่ผมสู้ครั้งก่อนเรื่องนม พยายามลงอีกด้านหนึ่งว่า ท้องถิ่นไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้นะ เขาให้เงินมา 2 บาท ให้เราไปซื้อนม เราซื้อตามสเป็กเลย ไม่มีเก็บนะ ให้ 2 บาทก็ซื้อ 2 บาท ไม่ได้มีนอกมีใน

• ยังไม่ต้องไปถึงเรื่องว่าใครโกงหรือไม่โกงอย่างไร อยากถามว่าข้าราชการท้องถิ่นมีแยกกลุ่มแยกประเภทไหม

หลักๆ ก็มี 2 ประเภทครับ หนึ่ง ข้าราชการที่สอบเองโดยไม่ผ่านระบบอุปถัมป์ ไม่มีใครช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น มาด้วยตัวเอง คนกลุ่มนี้ก็จะไม่กลัวใครทั้งสิ้นเพราะไม่ต้องพึ่งพิงใคร กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่ขึ้นมาผ่านใบบุญ ใช้เงินซื้อตำแหน่งมา จึงมีความเกรงกลัวคนนั้นคนนี้ พอเข้ามาอยู่ในองค์กร ข้างบนสั่งมา ทำไงครับ ก็ต้องตามเขา เพื่อเอาใจคนที่ช่วยมา มันก็เลยเป็นห่วงโซ่ต่อไป ทางโกงก็วนอยู่อย่างงี้ วนเวียนคำว่าบุญคุณหรือ อุปถัมป์อยู่ เว้นแต่ว่าผู้บริหารเหล่านั้นสอบตก ฉันก็เป็นอิสระ คือพูดตรงๆ คนเหล่านั้นก็เหมือนทาส (หัวเราะ) คือโซ่ขาดไปแล้ว ไม่ต้องห่วงใครแล้ว ฉันก็ทำงานของฉันต่อ อย่างว่า ข้าราชการกับสังคมไทย ยังอุปถัมป์เกื้อกูลกันอยู่ บางคนจะเกรงใจว่าคนนั้นช่วยฉันมานะ คนนี้ช่วยฉันมานะ แต่ข้าราชการดีๆ ก็มี มันก็เหมือนปลา คนดีๆ ว่ายทวนน้ำ ก็ลำบาก เหนื่อยหน่อย ออกแรงหน่อย ส่วนอีกประเภทนี่คือสบายเลย

• ตั้งแต่มีการตั้งเพจมา มีผลกระทบหรืออะไรที่สะเทือนบ้างหรือเปล่า

ครั้งหนึ่ง ผมเคยลงข่าวว่า ข้าราชการตำแหน่งหนึ่งทุจริตยักยอกเงินจากหลวงเข้าบัญชีตัวเอง คนกดแชร์และไลค์เป็นพัน แล้ววันต่อมา ผมลงข่าว พนักงานอัตราจ้างเก็บกระเป๋าเงินได้และคืนเจ้าของไป คนกดไลค์หลักร้อย มันทำให้เรานึกสะท้อนใจว่าคนที่ทำดี ทำไมคุณไม่สรรเสริญต่อบ้าง แต่พอเป็นอีกลักษณะ จะอีกอย่างเลย กลายเป็นว่า ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน (หัวเราะ)

และอีกอย่างหนึ่งคือ เวลาคนได้ยินคำว่า “ท้องถิ่น” ผมเชื่อนะครับว่ามันเป็นคล้ายอัตลักษณ์ไปแล้ว พอเอ่ยคำนี้ปุ๊บ “โกง ทุจริต..” ผมเชื่อและมองอย่างนั้น แต่ทำไมคนไม่มองว่า อปท. รวดเร็วฉับไว บริการเป็นกันเอง ผมว่าต้องใช้เวลาอีกนานเลย กว่าที่จะปลูกความคิดแบบนี้ได้ คือคนดีๆ ก็มีนะ อบต.ที่หนึ่ง ทำงานดีมากเลย สอบราคาปุ๊บ ประกาศบอกชาวบ้านหมดเลย ทำงานจนได้รางวัลประจำปีของ ปปช.แต่พอลงข่าวแล้วคนไม่ค่อยสนใจ

• เกี่ยวกับหน่วยงานท้องถิ่น มีส่วนไหนที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันต้องเปลี่ยนแปลง

เรื่องการซื้อตำแหน่งเวลาสอบของข้าราชการครับ มันตลกมากเลย บางทีซื้อกันมาซีละแสน เป็นลำดับขั้นเลย ซีหนึ่ง หนึ่งแสน ซีสอง สองแสน ซีสามก็สามแสน คุณไม่ต้องอ่านหนังสือเลย คุณเก็บเงินซื้ออย่างเดียว ผมว่ามันไม่ใช่นะ สอบข้าราชการ คุณต้องสอบด้วยความรู้ ผ่านลำดับขั้นมา ถึงจะเป็นข้าราชการได้ ผมเลยด่าแหลกเลยว่า ทำอย่างงี้มันไม่ใช่นะ แต่จะไม่บอกว่าภาคไหนเป็น

อย่างบางทีลงข่าวโซนภาคกลางไปแล้วว่ามีการเปิดโปงเรื่องซื้อตำแหน่ง จ่ายเงินให้ใคร จ่ายเท่าไหร่ ใครได้บ้าง พอลงข่าวปุ๊บ ตอนนั้นทำโดยลำพัง โชคดีที่ได้เพจ ‘ปฎิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ มาช่วย ซึ่งเขาก็เตือนเราเหมือนกันว่าทำคนเดียวอันตรายนะ เซฟๆ หน่อยดีกว่า หนักสุดถึงขั้นผมโดนขู่ฆ่าเลย ‘แอดมิน มึงเป็นคนที่ไหนวะ กูจะฆ่ามึงแล้วเนี่ย’ ผมก็กลัว จึงไม่อยากเปิดเผยตัวเอง ไม่เปิดเผยชื่อ แต่เราอยู่เบื้องหลัง เวลาเราลงข่าว เราจะใช้คำทำนองว่า ต่อจากนี้ต่อไปนะ คุณหยุดเหอะหยุดพฤติกรรมทั้งหมดที่ว่ามา เพราะมีคนคอยจับตาอยู่นะ

อีกทางหนึ่ง เราต้องฝากชาวบ้าน ฝากประชาชนด้วยนะ เดี๋ยวนี้มีช่องทางเยอะครับ ปปช.เขาก็ชอบ ถ้าเราบอกเขาว่าที่ไหนดีไม่ดี บอกเขาเลย เราเองต้องเป็นหูเป็นตาให้กับเขา ร้องเรียนเลย แต่บางคนก็กลัวว่าร้องไปแล้วจะผิดมั้ย จะโดนเล่นงานมั้ย แต่ผมเชื่อว่า ปปช.เก็บความลับให้อยู่แล้ว

• มองว่าอะไรคือหัวใจสำคัญของคนที่จะลงไปทำงานท้องถิ่น

ในความคิดผม ข้อแรกคือใจที่จะบริการ ในเมื่อใจคุณอยากบริการประชาชนแล้ว คุณมาได้เลยเต็มที่ คืองานท้องถิ่น เอกสารจะน้อย งานบริการประชาชนจะเยอะ ไม่ว่าเรื่องอะไร ประชาชนจะมาหาคุณ เพราะว่าคุณอยู่กับเขาในพื้นที่ ปัญหาทุกเรื่อง เขาก็จะบอกคุณ ดังนั้น เราต้องมีใจก่อน พูดตรงๆ 7 วันอยู่ในพื้นที่หมด ไม่ได้ไปไหนเลย แล้วพออยู่มากๆ ก็จะเป็นอัตลักษณ์แล้ว รักท้องถิ่น รักบ้านเกิดตัวเองแล้ว อยากให้บ้านเราสะอาดมั้ย เราก็เก็บกวาดให้เรียบร้อย จัดระเบียบว่าเป็นยังไง อะไรต่างๆ นานา อยากได้สีเขียวเหรอ ปลูกต้นไม้ให้ ซึ่งมันจะดีกว่าที่เราทำท้องถิ่นอื่น เพราะว่าเราผูกพันกับที่ที่เราเกิด มันจะดีขึ้น ชาวบ้านก็ต้องช่วยด้วยครับ ช่วยกันทำงาน แต่ท้องถิ่นมันดีตรงที่มีการให้ชาวบ้านมาช่วยกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรรมการชุมชน มีกรรมการประสานแผน ประชาคมท้องถิ่น

และคุณจะมานั่งติดเก้าอี้ไม่ได้นะ คุณต้องคิดไปข้างหน้าว่าคุณต้องทำยังไง ซึ่งทำงานในลักษณะนี้ก็ต้องซื้อใจชาวบ้านให้ได้ อาจจะค่อยๆ ซื้อทีละกลุ่ม ชาวบ้านมีหลายชุมชน แต่เราไม่ทำแข่งกับนักการเมืองนะ เราเพียงทำงานให้ราบรื่นขึ้นกว่าเดิม ยิ่งถ้าเราอยู่นานๆ เข้า เขาจะกระซิบแล้วว่าบ้านซ้ายบ้านขวาเป็นยังไง เราก็เลยรู้ข้อมูลจริง และสามารถรายงานต่อไปที่จังหวัดได้

• พูดอย่างถึงที่สุด อะไรคือหัวใจของข้าราชการที่ดี

เรื่องของจิตสำนึกนะ บางคนนี้ทำงานเอกชนจนเบื่อแล้ว มาเป็นข้าราชการดีกว่า เพราะคิดว่าทำงานสบาย แบบเช้าชามเย็นชาม บางคนมาสอบข้าราชการ เพราะคิดว่ามั่นคง เงินเดือนน้อยจริง แต่จ่ายทุกเดือน มีสวัสดิการ มีค่ารักษาพยาบาลให้ คิดกันอย่างนั้น ผมมีรุ่นน้องคนนึง ทิ้งเงินเดือน 80,000 บาท เป็นนักเดินเรือพาณิชย์ ทิ้งเงินเดือนตรงนั้นออกมาสอบทำงานข้าราชการท้องถิ่น เพราะอยากบริการประชาชน ผมมองว่าไม่ธรรมดานะ แล้วคนนี้สอบได้ที่แปดของประเทศ ถือว่าเจ๋งเลย แต่จริงๆ คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบ อย่างกรมส่งเสริม กระทรวงมหาดไทย น่าจะผลักดันคนพวกนี้ ให้กำลังใจเขาหน่อย บางคนเขาไม่ต้องการเม็ดเงินหรอกครับ เขาแค่ต้องการประกาศนียบัตร คนที่ทำงานเสียสละให้ประเทศชาติ แค่นั้นพอแล้ว มีแรงผลักดันต่อ ข้าราชการทุกคนอยู่ด้วยกำลังใจจริงๆ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : thailocalmeet.com และ Fanpage ชุมชนคนท้องถิ่น

กำลังโหลดความคิดเห็น