กลุ่มองค์กรเครือข่ายนิติบุคคลเพื่อคนพิการ ร้องนายกฯ จัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โดยตรง พร้อมขอผ่อนปรนการยึดสลากหากความผิดเล็กน้อย ด้านกองสลากแจงคัดกรองสมาคมช่วยคนพิการแล้วกว่า 1,000 ราย
ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงาน ก.พ. ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 พ.ย.) กลุ่มองค์กรเครือข่ายนิติบุคคลเพื่อคนพิการ จำนวน 20 คน นำโดยนายสายแจ้ง รื่นกลิ่น ประธานกลุ่มฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายและประกาศใช้กฎหมายมาตรา 44 ในการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล จนทำให้ผู้พิการที่ค้าสลากได้รับผลกระทบ
ดังนั้นทางกลุ่มจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการ จัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลให้องค์กรคนพิการที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการคัดกรองและองค์กรที่ไม่ได้รับการจัดสรรสลากฯ กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาบไว้แล้วจำนวนองค์ละ 10 เล่มคู่ ขอให้รัฐบาลผ่อนปรนกฎระเบียบการยึดสลากคืน ที่องค์กรคนพิการที่มีความผิดไม่ร้ายแรงขอให้คืนสลากแก่คนพิการ รวมถึงจัดหาแนวทางอื่นภายหลังรัฐบาลเปิดให้ผู้ค้าสลากทำการจองเล่มสลากผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ผู้พิการต้องไปแย่งชิงกับผู้ค้าสลากทั่วไป
ด้านนายเดชา ปะทิเก ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายองค์กรเพื่อคนพิการ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานกองสลากจำเป็นต้องเชดำเนินงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบ เช่น การกำหนดให้สมาคมคนพิการปรับแก้ไขวัตถุประสงค์ และกำหนดให้สมาคมผู้พิการจะต้องมีเฉพาะผู้พิการเท่านั้น และคำบางคำ เช่น จากคำว่าสงเสริม ให้เปลี่ยนใช้คำว่าสงเคราะห์ ทำให้เห็นว่าสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ไม่ได้ศึกษากฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.บ.ของกรมการปกครอง ที่ระบุว่าการตั้งสมาคมผู้พิการจะต้องมีคนปกติ ร่วมเป็นกรรมการเพื่ออำนวยความสะดวก และการใช้คำว่าสงเคาระห์ถูกยกเลิกและใช้คำว่าพัฒนาและส่งเสริมแทน นอกจากนี้ การกำหนดให้ผู้พิการ 1 คน จะต้องสังกัด 1 สมาคมเท่านั้นก็นำมาซึ่งความแตกแยกของกลุ่มคนพิการด้วย
ขณะที่นายดำรงชัย พุ่งสุวรรณ ตัวแทนผู้พิการที่เข้าประชุม เสนอว่าต้องให้มีตัวแทนคนพิการเข้าเป็นคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย และจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับสมาคมคนพิการอย่างพอเพียง และจัดจุดจำหน่ายสลากสำหรับคนพิการโดยเฉพาะ รวมทั้งจัดสรรการจำหน่ายสลากให้เป็นอาชีพสงวนของคนพิการ และจัดสวัสดิการสำหรับคนขายสลากด้วย
ทั้งนี้ ตัวแทนฝ่ายการตลาดและจัดจำหน่ายสบากกินแบ่งรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ขณะนี้มีการดำเนินงานตามคำสั่ง คสช.ที่ 11/58 ในการแต่งตั้งคณะกรรมการและแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาออกเป็น 3 ระยะ คือ บังคับใช้กฎหมาย หาช่องทางสำหรับผู้ค้าตัวจริง และแผนดำเนินการในอนาคต ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ในการหาผู้ค้าสลากที่แท้จริง เพราะปัญหาขายสลากเกินราคาเกิดจากผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ค้าตัวจริงมาตับซื้อสลากและนำไปขายต่อ ดังนั้นจึงมีการจัดระบบ โดยผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีการยกเลิกนิติบุคคลกว่า 2000 ราย และขายให้กับรายย่อยแทน ขณะที่ระบบโควตานั้นทางสำนักงานก็พยายามต่อสัญญากับนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือคนพิการ ซึ่งมีการคัดเลือกแล้ว 1023 ราย
ส่วนการผ่อนปรนกฎระเบียบขอให้เข้าใจอายุของสลากมีเพียง 15 วัน ซึ่งทางสำนักงานจะมีเวลาในการขายไม่เกิน 5 วัน ให้กับองค์กรต่างๆ และจะต้องรีบนำเข้าระบบเพื่อให้เกิดการขายอย่างเสรี และยืนยันว่าเมื่อมีผู้พิการมาอุทธรณ์ ทางสำนักงานก็มีการเสนอเรื่องให้อยู่ตลอดแต่การที่ไม่สามารถคืนได้นั้นเนื่องจากต้องนำเข้าระบบ จึงขอให้ผู้พิการรีบดำเนินการภายในวันที่กำหนด ขณะที่ในเรื่องการปรับเปลี่ยนคำนั้นเป็นเรื่องกฎหมาย แต่ตนอยู่ฝ่ายการตลาดจึงไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ นายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐเป็นตัวแทน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาประชุมร่วมกับทางกลุ่ม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงาน ก.พ. ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 พ.ย.) กลุ่มองค์กรเครือข่ายนิติบุคคลเพื่อคนพิการ จำนวน 20 คน นำโดยนายสายแจ้ง รื่นกลิ่น ประธานกลุ่มฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายและประกาศใช้กฎหมายมาตรา 44 ในการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล จนทำให้ผู้พิการที่ค้าสลากได้รับผลกระทบ
ดังนั้นทางกลุ่มจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการ จัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลให้องค์กรคนพิการที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการคัดกรองและองค์กรที่ไม่ได้รับการจัดสรรสลากฯ กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาบไว้แล้วจำนวนองค์ละ 10 เล่มคู่ ขอให้รัฐบาลผ่อนปรนกฎระเบียบการยึดสลากคืน ที่องค์กรคนพิการที่มีความผิดไม่ร้ายแรงขอให้คืนสลากแก่คนพิการ รวมถึงจัดหาแนวทางอื่นภายหลังรัฐบาลเปิดให้ผู้ค้าสลากทำการจองเล่มสลากผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ผู้พิการต้องไปแย่งชิงกับผู้ค้าสลากทั่วไป
ด้านนายเดชา ปะทิเก ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายองค์กรเพื่อคนพิการ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานกองสลากจำเป็นต้องเชดำเนินงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบ เช่น การกำหนดให้สมาคมคนพิการปรับแก้ไขวัตถุประสงค์ และกำหนดให้สมาคมผู้พิการจะต้องมีเฉพาะผู้พิการเท่านั้น และคำบางคำ เช่น จากคำว่าสงเสริม ให้เปลี่ยนใช้คำว่าสงเคราะห์ ทำให้เห็นว่าสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ไม่ได้ศึกษากฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.บ.ของกรมการปกครอง ที่ระบุว่าการตั้งสมาคมผู้พิการจะต้องมีคนปกติ ร่วมเป็นกรรมการเพื่ออำนวยความสะดวก และการใช้คำว่าสงเคาระห์ถูกยกเลิกและใช้คำว่าพัฒนาและส่งเสริมแทน นอกจากนี้ การกำหนดให้ผู้พิการ 1 คน จะต้องสังกัด 1 สมาคมเท่านั้นก็นำมาซึ่งความแตกแยกของกลุ่มคนพิการด้วย
ขณะที่นายดำรงชัย พุ่งสุวรรณ ตัวแทนผู้พิการที่เข้าประชุม เสนอว่าต้องให้มีตัวแทนคนพิการเข้าเป็นคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย และจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับสมาคมคนพิการอย่างพอเพียง และจัดจุดจำหน่ายสลากสำหรับคนพิการโดยเฉพาะ รวมทั้งจัดสรรการจำหน่ายสลากให้เป็นอาชีพสงวนของคนพิการ และจัดสวัสดิการสำหรับคนขายสลากด้วย
ทั้งนี้ ตัวแทนฝ่ายการตลาดและจัดจำหน่ายสบากกินแบ่งรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ขณะนี้มีการดำเนินงานตามคำสั่ง คสช.ที่ 11/58 ในการแต่งตั้งคณะกรรมการและแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาออกเป็น 3 ระยะ คือ บังคับใช้กฎหมาย หาช่องทางสำหรับผู้ค้าตัวจริง และแผนดำเนินการในอนาคต ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ในการหาผู้ค้าสลากที่แท้จริง เพราะปัญหาขายสลากเกินราคาเกิดจากผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ค้าตัวจริงมาตับซื้อสลากและนำไปขายต่อ ดังนั้นจึงมีการจัดระบบ โดยผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีการยกเลิกนิติบุคคลกว่า 2000 ราย และขายให้กับรายย่อยแทน ขณะที่ระบบโควตานั้นทางสำนักงานก็พยายามต่อสัญญากับนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือคนพิการ ซึ่งมีการคัดเลือกแล้ว 1023 ราย
ส่วนการผ่อนปรนกฎระเบียบขอให้เข้าใจอายุของสลากมีเพียง 15 วัน ซึ่งทางสำนักงานจะมีเวลาในการขายไม่เกิน 5 วัน ให้กับองค์กรต่างๆ และจะต้องรีบนำเข้าระบบเพื่อให้เกิดการขายอย่างเสรี และยืนยันว่าเมื่อมีผู้พิการมาอุทธรณ์ ทางสำนักงานก็มีการเสนอเรื่องให้อยู่ตลอดแต่การที่ไม่สามารถคืนได้นั้นเนื่องจากต้องนำเข้าระบบ จึงขอให้ผู้พิการรีบดำเนินการภายในวันที่กำหนด ขณะที่ในเรื่องการปรับเปลี่ยนคำนั้นเป็นเรื่องกฎหมาย แต่ตนอยู่ฝ่ายการตลาดจึงไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ นายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐเป็นตัวแทน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาประชุมร่วมกับทางกลุ่ม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
