“ไก่อู” เผยนโยบายจัดระเบียบที่สาธารณะคืนความเรียบร้อย ปชช.ชื่นชม โดยเฉพาะสะพานเหล็ก ขอบคุณผู้ค้าร่วมมือดี นายกฯ สั่ง มท.-คมนาคม หาพื้นที่ขายต่อไม่ให้เดือดร้อน อยากให้ชุมชนอื่นเอาเป็นตัวอย่างทำให้บ้านเมืองน่าอยู่ขึ้น ท่าพระจันทร์พื้นที่จัดระเบียบต่อไป-เริ่มพรุ่งนี้ แจง กอช.ตอบรับดี 3 เดือน ปชช.สมัครเพียบเกือบ 4 แสนราย ยอดเงินสะสม 400 ล้าน
วันนี้ (29 พ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลและ คสช.มีนโยบายจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะต่างๆ เพื่อคืนความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสวยงาม และประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสมให้แก่ประชาชน เช่น การจัดระเบียบสะพานเหล็ก ภูทับเบิก ชายหาด หาบเร่แผงลอย ฯลฯ นั้น พบว่ามีประชาชนจำนวนมากสนับสนุนและชื่นชมการทำงานของภาครัฐ โดยเฉพาะการคืนพื้นที่สะพานเหล็กซึ่งทำให้คลองโอ่งอ่างกลับมาสดใสมีชีวิตอีกครั้ง ระบบบำบัดน้ำเสียได้รับการแก้ไข และประชาชนมีที่พักผ่อนหย่อนใจ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมเพราะมีข้อจำกัดหลายประการ
“รัฐบาลขอขอบคุณผู้ค้าที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมถึงประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวซึ่งเข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้สวยงามน่าอยู่ และใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชนอื่นได้ปฏิบัติตาม อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีห่วงใยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบโดยเฉพาะผู้ค้า จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มหาดไทย และ คมนาคมเร่งจัดหาพื้นที่สำหรับผู้ค้าได้ประกอบอาชีพต่อไปโดยไม่เดือดร้อน ซึ่งจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้”
สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินการต่อไป คือ การจัดระเบียบแผงพระเครื่องย่านท่าพระจันทร์ โดยจะดำเนินงานในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) เป็นวันแรก ดังนั้น วันนี้จึงถือเป็นวันสุดท้ายของการประกอบกิจการ โดยภาครัฐได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ค้าเช่น ประสานจัดหาพื้นที่ค้าขายใหม่บริเวณตลาดพระราม 2 หรือตลาดบางบัวทองให้ประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า นายกฯ อยากให้ชุมชนอื่นนำกรณีสะพานเหล็กไปเป็นตัวอย่างและปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมบ้าง โดยหากแต่ละชุมชนร่วมมือกันดำเนินการให้สำเร็จจะทำให้บ้านเมืองน่าอยู่มากขึ้น พร้อมทั้งยังได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่จะร่วมกันพัฒนาท่าพระจันทร์ให้สวยงาม เป็นระเบียบ มีทางเดินเท้าที่สะดวก และไม่สูญเสียเอกลักษณ์ของพื้นที่ไป นอกจากนี้ ท่านยังได้เน้นย้ำว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายของการจัดระเบียบ ซึ่งรัฐบาลและ คสช.ยินดีสนับสนุนกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือ โดยขอให้ทุกคนคำนึงถึงประโยชน์ที่ส่วนรวมจะได้รับมากกว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว
พล.ต.สรรเสริญยังกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่ได้เริ่มรับสมัครสมาชิกตั้งแต่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพียง 3 เดือนมีประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ แล้ว 373,613 ราย รวมยอดเงินสะสมจากสมาชิก 400,595,921 บาท ในขณะนี้มีประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ ผ่าน ธ.ก.ส.มากที่สุด 210,725 ราย ยอดเงินสะสม 221,432,462 บาท ธ.ออมสิน 139,479 ราย ยอดเงินสะสม 125,635,627 บาท ธ.กรุงไทย 23,343 ราย ยอดเงินสะสม 53,483,932 บาท และสมัครผ่านกองทุน 66 ราย ยอดเงินสะสม 43,900 บาท กองทุนการออมแห่งชาติเป็นสิ่งเน้นย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ มีเป้าหมายดูแลพี่น้องคนไทยที่ไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญที่มีจำนวนกว่า 30 ล้านคน ให้มีวินัยในการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ เป็นหลักประกันในชีวิตให้สามารถดูแลตัวเองได้ ลดภาระของประเทศที่จะเข้าสู่สังคมสูงวัยในอนาคต
โดยประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนสามารถออมได้ตามกำลังของแต่ละคนและไม่จำเป็นต้องออมเท่ากันทุกเดือน ขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท รวมแล้วปีละไม่เกิน 13,200 บาท ซึ่งรัฐบาลจะสมทบให้อีกปีละไม่เกิน 600 บาทสำหรับผู้ที่มีอายุ 15-30 ปี ไม่เกิน 960 บาทสำหรับอายุ 30-50 ปี และไม่เกิน 1,200 บาทสำหรับอายุ 50-60 ปี เมื่ออายุครบ 60 ปี รัฐบาลจะจ่ายเงินบำนาญเป็นรายเดือนเดือนละเท่าๆ กันไปจนกระทั่งเสียชีวิต ยิ่งเริ่มต้นออมเร็วยิ่งได้รับบำนาญมาก จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนอายุระหว่าง 15-60 ปี ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญ มาร่วมสร้างหลักประกันทางการเงินเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียน โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ