“พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา” ทรงมีพระดำรัสเปิดประชุม ICAD2 สหประชาชาติ ด้านนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ ยินดีเป็นเจ้าภาพ ชูร่างรัฐธรรมนูญใหม่สอดคล้องบริบทชาติ “ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ประชาคมยั่งยืน” ยึดคนเป็นศูนย์กลาง นำเศรษฐกิจพอเพียงสร้างภูมิคุ้มกัน แก้ยากจนและยาเสพติด บอกรัฐพร้อมเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในภูมิภาค หวังนโยบายประชารัฐทำชุมชนเข้มแข็ง
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน เมื่อเวลา 10.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ ทรงมีพระดำรัสเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ โดยมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการบริหาร UNODC ประธานการกรรมการผู้บริหารระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่สนใจในการพัฒนาทางเลือก ผู้แทนชุมชน องค์กรระหว่างประเทศ องค์กรภาคประชาชน ผู้สนใจจากปลต่างประเทศที่มีปัญหาปลุกพืชเสพติด กว่า 250 คนทั่วประเทศร่วมรับฟัง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ หรือ ICAD2 พร้อมกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทยยินดีที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศ การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมที่ให้ทั้งทฤษฎีและแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ภายหลังจากการที่ประชาคมโลกได้รับรองวาระการพัฒนาใหม่ การพัฒนาทางเลือกเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาชุมชน ที่มีจุดมุ่งหมายให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เคารพในสิทธิของผู้อื่น และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากยุคโลกาภิวัฒน์ทำให้เกิดการเชื่อมโยง และเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความท้าทาย และปัญหาต่างๆมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร ผู้ด้อยโอกาสยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข การศึกษา และความคุ้มครองทางสังคมได้อย่างทั่วถึง ประชาชนยังมีปัญหาเชิงคุณภาพทั้งด้านสุขภาพ การเรียนรู้ คุณธรรม และจริยธรรมถดถอยลงในสังคมไทย การแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่เด็กและเยาวชนทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาสำคัญในการพัฒนาประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาส และการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน โดยกำลังเดินหน้าวางรากฐานการพัฒนา รวมทั้งวางแผนการปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้าน ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง ตามวิสัยทัศน์ของประเทศ 2015-2020 “ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ประชาคมยั่งยืน”
“ในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลยึดแนวคิดคนเป็นศูนย์กลางเนื่องจากคนเป็นสาเหตุหลักและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐบาลเน้นการพัฒนาแบบบูรณาการ และเป็นองค์รวม เพื่อให้เกิดความสมดุล โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง มีความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ทั้งนี้ความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนต้องดิ้นรนเพื่อการดำรงชีพ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหันหน้าเข้าหายาเสพติด อาชญากรรมที่เกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมเศรษฐกิจ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดจำเป็นที่ต้องได้รับการแก้ไขจากพื้นฐาน นั่นคือ ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาคุณภาพชีวิต และเมื่อแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ก็จะทำให้เกิดความมั่นคงตามมากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่น โดยชาวเขาเผ่าต่างๆ ในภาคเหนือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยในปี พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธิโครงการหลวงพัฒนาชาวเขา อาศัยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ส่งเสริมให้ปลูกพืชเศรษฐกิจ สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและผืนป่า และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในชุมชน และมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจของชุมชน
“รัฐบาลพร้อมเป็นเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ดีในภูมิภาค และประชาคมโลก เพื่อให้โลกในอีก 15 ปี ปราศจากความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ประชาชนมีความเข้มแข็ง ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะร่วมสร้างสังคมนานาชาติที่มีคุณภาพชีวิต โดยประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคสามารถเชื่อมโยง และร่วมกันพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข้ามชาติ ปัญหายาเสพติด การก่อการร้าย การสาธารณสุข และการเตรียมรับมือกับความพร้อมต่อภัยพิบัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาถือเป็นรากฐานของทุกสิ่ง โดยตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ไทยให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นต้นแบบที่เห็นได้ชัดอย่างเป็นองค์รวมถึงการเจริญเติบโต ทั้งทาง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้างงานที่มีคุณค่า ส่งเสริมการศึกษา ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ตนเชื่อมั่นว่า หากทุกคนช่วยกัน ตามลักษณะประชารัฐ เริ่มจากทำให้ชุมชน ท้องถิ่น และประเทศมีความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมโยง ช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ ลดช่องว่างในการพัฒนาระหว่างประเทศ และช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถขจัดความยากจนได้เร็วขึ้น และจะช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ถือเป็นแนวทางที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาในทุกมิติ