xs
xsm
sm
md
lg

ปมอุทยานราชภักดิ์คาใจชาวบ้านของร้อน ธีรชัย-อุดมเดช !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ธีรชัย นาควานิช
เมืองไทย 360 องศา



หลังจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ยืนยันว่า การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ในพื้นที่ของกองทัพบกที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีเรื่องทุจริต และไม่มีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต รวมทั้งย้ำว่าหน่วยงานการตรวจสอบจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ไม่มีอำนาจเข้ามาตรวจสอบ

“ผมยืนยันว่า ไม่มีการทุจริต แต่ต่อไปหากพบว่ามีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นผมก็จะไม่เอาไว้” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ออกมาแถลงด้วยตัวเองหลังจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการโดยมี พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานที่ปรึกษากองทัพบกเป็นประธานขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงครบ 7 วัน

อย่างไรก็ดี ในวันแถลงข่าวของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เขายืนยันว่า การตั้งคณะกรรมการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการสอบสวนหาข้อเท็จจริง หรือการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์แต่อย่างใด แต่เป็นการตรวจสอบการทำงานว่าได้ดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้างก่อนเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับงานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ และย้ำว่า เงินในบัญชีในส่วนที่กองทัพบกรับผิดชอบเหลือเงินอยู่ประมาณ 33 ล้านบาท และยืนยันว่าทุกอย่างโปร่งใสทุกประการ

ส่วนเรื่องการ “หักค่าหัวคิว” ให้ไปถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก และเป็นประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์เอาเอง

แน่นอนว่า เจตนาของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ต้องการให้ยุติการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาคในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งในเวลาต่อมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ได้ออกมายอมรับเองว่ามีการ “เรียกค่าหัวคิว” กับโรงหล่อที่รับงานหล่อพระบรมรูปฯโดย “เซียนพระ” คนหนึ่ง และต่อมา พ.อ.คชาชาต บุญดี อดีตนายทหารที่ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นเบื้องสูงทำหน้าที่เคลียร์เรื่องเงินดังกล่าว และอ้างว่า ได้นำเงินส่วนนั้นไปสมทบเป็นเงินบริจาค ซึ่งถือว่าเรื่องได้จบไปแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าทุกอย่างพร้อมให้ตรวจสอบและพร้อมจะชี้แจง

อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวเป็นที่จับตาจากสังคมและยิ่งถูกวิจารณ์มากขึ้นเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เพราะไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแต่ใช้เงินบริจาค มันก็ยิ่งทำให้สังคม “เสียความรู้สึก” และช่วยไม่ได้ที่ทำให้พวกฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้จังหวะยกขึ้นมาโจมตีแบบ “กัดไม่ปล่อย” โดยเรียกร้องให้หน่วยงานตรววจสอบจากภายนอก เช่น ป.ป.ช. สตง. รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาตรวจสอบ พร้อมทั้งระบุว่าการ “ตรวจสอบกันเองเป็นการภายใน” ถือว่าไม่น่าเชื่อถือและไม่ยอมรับ

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ภายใต้ชื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะในชื่อกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เป็นต้น รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลที่ยังติดตามกรณีเงินบริจาคและการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์อย่างต่อเนื่อง นั่นก็แสดงให้เห็นว่ายังมีเรื่องที่ต้อง “เคลียร์” กันอีก

แม้ว่าหากพิจารณาจากรายชื่อตัวบุคคลและกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวล้วนเป็นเครือข่ายเดียวกันกับ “เครือข่ายพรรคเพื่อไทย” และดูเหมือนมีเจตนาแฝงเร้นแบบ “หวังดีประสงค์ร้าย” และที่ผ่านมาก็ได้เคลื่อนไหวโจมตีต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นระยะ เพียงแต่ว่ายังไม่มีพลังมากเพียงพอ แต่คราวนี้เรื่อง “ปมหัวคิว” อุทยานราชภักดิ์ มันเป็นเรื่องอ่อนไหว กระทบต่อความรู้สึกของชาวบ้าน ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ยังไม่เคลียร์ เพราะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอะไรออกมามากนัก มีเพียงคำยืนยันว่าไม่โกง และจะไม่ปล่อยให้โกงเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะมีทั้งคนเชื่อและมีคนที่มีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ และที่สำคัญคือ การปิดทางให้องค์กรจากภายนอกเข้าตรวจสอบ ซึ่งท่าทีแบบนี้แหละน่าติดตามว่าเรื่องจะจบลงเพียงแค่นี้ได้จริงหรือเปล่า

เพราะต้องยอมรับว่าภาพที่ออกมาในลักษณะ “เขตทหารห้ามเข้า” นั้น ในยุคสมัยนี้มันอาจจะไม่เหมือนเดิม ในยุคโซเชียลฯมีอิทธิพล และต้องไม่ลืมว่านโยบายหลักหรือวาระแห่งชาติของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือ เรื่องการปราบปรามการทุจริต ดังนั้น ทุกหน่วยงานก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน และเรื่องอ่อนไหวสำหรับประชาชนก็คือการทุจริต ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาที่อยู่ในความเสื่อมและพังไปแล้วมากมายล้วนมาจากเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น อีกทั้งทุกอย่างอยู่ได้ด้วยความศรัทธาเท่านั้น

กรณีที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ย้ำว่า ตรวจสอบในส่วนที่กองทัพบกรับผิดชอบ และยืนยันว่า ไม่มีการทุจริต ไม่มีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต ขณะที่เรื่องเงินค่าหัวคิวภายใต้การบริหารของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์นั้นให้ไปถาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร นั้นมันก็ยิ่งทำให้สังคมสงสัย

แม้ว่าคราวนี้เรื่องอาจจะจบลง เพราะไม่มีการสืบสาวราวเรื่องกันอีกแล้ว แต่ความคาใจจากสังคมยังมีอยู่ และเสี่ยงที่จะกลายเป็น “ของร้อน” ที่อาจลุกลามไปไกลกว่าเดิมก็เป็นได้ !!
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร
กำลังโหลดความคิดเห็น