รัฐมนตรีมหาดไทยเผยอนุมัติโครงการตำบลละ 5 ล้านแล้วร้อยละ 50 เบิกจ่ายตามปกติ ไม่ใช้วิธีพิเศษ ยันรอบคอบรัดกุม ไม่ให้มีโกง คาดงบถึงเดือนหน้า ด้านโฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ เล่าเรื่องอุบลฯ เข้าถึงนโยบายประชารัฐค่อนข้างมาก มั่นใจนโยบายผ่านลงไปไม่คลาดเคลื่อน สั่งผู้ว่าฯ คุมข้าราชการให้คำแนะนำชาวบ้าน ย้ำให้ฟังปัญหาจากเกษตรให้มาก ส่วนการผลิตระดับพื้นที่ต้องหลากหลาย
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้มีการอนุมัติโครงการที่มีการเสนอขึ้นมาแล้วประมาณร้อยละ 50 ส่วนขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณจะใช้วิธีปกติ ที่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยไม่ใช้วิธีพิเศษแต่อย่างใด รวมถึงยังมีขั้นตอนปฏิบัติของกรมบัญชีกลาง เราจะดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น และจะเบิกจ่ายงบฯ ให้ทันต่อความต้องการของประชาชนโดยเร็ว ส่วนงบประมาณก้อนแรกคาดว่าโครงการนี้จะออกดอกผลในช่วงเดือน ธ.ค. 58 หรือ ม.ค. 59 จึงลงไปยังพื้นที่
ขณะที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลของการลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในพื้นที่มี ได้มีการกล่าวถึงนโยบายประชารัฐค่อนข้างมาก ซึ่งนายกฯ มั่นใจว่านโยบายที่สั่งลงไปจากส่วนกลาง ผ่านกระทรวง ทบวง กรม และผ่านลงไปในระดับจังหวัด จนถึงอำเภอมีความชัดเจน ไม่คลาดเคลื่อนไปจากที่รัฐบาลกำหนด แต่ขณะเดียวกัน ในระดับแนวระนาบที่ต้องอาศัยข้าราชการในพื้นที่ไปพูดคุย ประสาน ให้คำแนะนำหรือชี้แจงนั้นยังมีปัญหา นายกฯ จึงสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปกำกับดูแลเจ้าหน้าที่เหล่านี้ เพื่อให้มีการชี้แจงหรือเสนอแนะประชาชนให้เป็นรูปธรรม
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงนโยบายการรวมแปลงเกษตร โดยให้เกษตรปลูกพืชรวมกันเป็นแปลงใหญ่ ซึ่งมีปัญหาคือเป็นการรวมกันเฉยๆ เท่านั้น แต่ไม่มีการประสานในรายละเอียดว่าปัญหาข้อขัดข้องมีอะไรบ้าง ส่งผลให้ผลผลิตไม่เป็นไปตามเป้า นายกฯ จึงเน้นย้ำให้รับฟังปัญหาจากเกษตรให้มาก ถ้าไม่ฟังแล้วยึดแต่นโยบายจากส่วนกลางก็จะทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับในเรื่องของการส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ภาคการผลิตในระดับพื้นที่ให้ขับเคลื่อนไปได้นั้นจะต้องทำให้เกิดความหลากหลาย ซึ่งต้องมีทั้งภาคผู้ผลิต ภาคการแปรรูป ภาคของการนำไปขายตลาด ทุกองค์ประกอบต้องมีความเหมาะสมและพอดี ไม่เน้นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องเชื่อมโยงกันให้ครบวงจร