นายกฯ บ่นกระทรวงต่างๆ เอาแต่วางแผนงานระยะยาว สั่งรื้อใหม่ตีกรอบระยะแรกจบปี 2560 เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ขณะเดียวกันยังวางแผนสร้างที่อยู่อาศัยให้ทุกภาคส่วนในระยะยาว สำหรับภาคเกษตรกรต้องแก้ปัญหาเป็นระบบ ตั้งแต่ทำอาชีพเสริม แปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมรวมสินค้าเป็นกลุ่มจังหวัดเพื่อพัฒนาต่อยอด ให้ภาครัรฐหาตลาดรองรับ เผยสั่งตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยลดภาระรายจ่ายรัรฐบาล สำหรับปัญหาแพเธคส่งเสียงดังให้เจ้าหน้าที่หาช่องกฎหมายจัดการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ตีกรอบการทำงานให้มีความชัดเจนขึ้นว่าอะไรจะต้องทำให้จบสิ้นภายในปี 2560 บ้างซึ่งเป็นเรื่องของงบประมาณ แผนการดำเนินการทั้งหมด โดยได้วางแผนไว้ระยะยาว เช่น การสร้างที่อยู่อาศัย โดยที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบร่วมกัน คือ ความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีเป็นล้านยูนิต ซึ่งทำไม่ไหว แต่เราต้องมีแผนระยะยาวไว้ จากนั้นมาดูว่าเราสามารถทำอะไรได้ในปี 2560 เช่น ริมคลองที่มีความแออัด หรือที่อยู่ของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เหล่านี้ต้องดูแลทุกภาคส่วน ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างด้วยกันเพราะ บางอย่างรัฐต้องลงทุน เช่น แฟลตดินแดง ต้องให้เช่า และดูความต้องการของเขา ขณะเดียวกันทางผู้เช่าต้องดูด้วยว่าค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนยืนยันราคาเดิม แต่ต้องการสิ่งดีๆ ทั้งหมดคงไม่ได้ ต้องช่วยหาทางสมดุลกันให้ได้ ตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน
สำหรับปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว ต้องไปหาที่อยู่สร้างอพาร์ทเมนต์ สร้างตึกให้เช่า ซื้อ ซึ่งเราจะนำเอาทั้งมาทำเป็นกลุ่มงาน และได้ทำแผนไว้แล้วว่ามีตรงไหนบ้าง หน่วยทหารหรือหน่วยข้าราชการ พลเรือนจะพักที่ไหน มีแผนหมดแล้วแต่ยังทำไม่ทัน ฉะนั้นเราจะเริ่มเป็นจุดๆ เหมือนกับสตาร์ทอัพ ทำอยู่ในแผนและส่งปฏิรูปไปดำเนินการ เพราะต้องใช้งบประมาณสูง
“ประเด็นสำคัญอีกอันหนึ่ง คือ ทุกวันนี้ทุกกระทรวงตั้งใจทำแผนงานระยะยาวออกมาทั้งหมด ผมก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้ตีกรอบระยะที่ 1 เพียงปี 2560 เท่านั้น งบประมาณจะได้ไม่มีปัญหามากนัก ที่เหลือส่งให้รัฐบาลหน้า ส่ง สปท.ไปผลักดัน นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องไปคาดหวังนะว่ารัฐบาลใหม่จะทำได้หรือเปล่า จะคิดแบบที่ผมคิดหรือไม่ แบบที่พูดไปทั้งหมดนี้ หรือใครคิดว่าผมคิดผิดบ้างก็ไม่รู้ ไม่น่าผิดนะ ถ้าเราเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง เอาความปัญหาความเดือดร้อน ยากจนเขาเป็นที่ตั้ง มันจะคิดแบบนี้ แต่ถ้าคิดอย่างอื่นจะคิดแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของเศรษฐกิจแล้ว ต้นทุน-กำไร มันคิดอย่างนั้นไม่ได้ มันต้องสร้างความเข้มแข็งก่อน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องภาคการเกษตร จากการที่ไปดูงานที่ จ.อุบลราชธานี ขอชื่นชมข้าราชการทุกคนและทุกภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันทำงาน แต่ตนอย่างเห็นบางอย่างที่จะต้องปรับปรุง คือ เรื่องการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร หรืออาชีพอิสระ ค้าขาย การผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น เสื่อ ผ้าไหม ต้องมาพูดคำว่านวัตกรรม หากเราส่งเสริมแบบเดิมไปมากๆ จะกลายเป็นปัญหาทางด้านการตลาด ตนจึงให้แนวความคิดต่อไปนี้ทุกตำบล อำเภอ หมู่บ้านต้องจัดกิจกรรมหลักว่าจะมีการแปรรูปกันอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูงขึ้น ส่วนอะไรที่เป็นวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นให้รักษาไว้ นอกจากนี้ ต้องประยุกต์สิ่งของให้ตรงต่อความต้องการของตลาด ราคาไม่สูงจนเกินไป เพราะหากเรายังขายของแบบเดิมๆ ก็ไม่ได้อะไร เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และต้องดูสินค้าหลักในกลุ่มจังหวัดที่ใช้วัตถุดิบในพื้นที่เพื่อต่อยอดเชื่อมโยงการตลาด นี่คือเศรษฐกิจใหม่ที่ตนต้องการ แต่ในชุมชนก็ค้าขายกันเองด้วย คราวหน้าตนไปต่างจังหวัดอยากให้เป็นในลักษณะ เช่น กลุ่มจังหวัด 10 กลุ่ม มีกิจกรรม 10 อย่าง ในแต่ละกลุ่มให้รวมผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันจากหลายๆจังหวัด เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกัน เพราะถ้าเราไม่ดู ปรับปรุง และคิดใหม่ก็จะเป็นแบบนี้ อยากให้เชื่อมโยงแบ่งหน้าที่แบ่งงานกันทำเพื่อยกขึ้นมาทุกจังหวัด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้กระทั่งทำการเกษตรปัญหาของเราต้องดูเรื่องต้นทุนการผลิต เครื่องจักร เครื่องมือ ตั้งศูนย์การเรียนรู้บางคนมาเห็นด้วยแต่กลับไปก็ไม่ทำ เพราะไม่คุ้นเคย ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพที่ทำมานานได้ แบบนี้แก้ยาก นี่คือปัญหาของเรา ตนจึงสั่งการไปในเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะดีถึงครัวเรือนต้องมีภาคอุตสาหกรรมไปประกอบด้วยทุกจังหวัด เพราะเรารอผลิตทางการเกษตรอย่างเดียวไม่ได้ กำไรก็น้อย และอาจจะส่งผลให้เกิดหนี้นอกระบบ
“จากที่ผมลงพื้นที่และถามเกษตรกรว่าสิ่งที่รัฐบาลทำลงไปได้รับประโยชน์หรือไม่ เขาบอกว่าบางคนก็ได้ บางคนก็ไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ไมได้ คือ 1. เมล็ดพันธุ์ราคาสูง ซึ่งศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ไม่เพียงพอ ทำให้เกษตรซื้อราคาสูง 2. ปุ๋ยราคาแพง สรุปแล้วสิ่งเหล่านี้ผมไม่ทราบว่าการรับรู้มันอยู่ตรงไหน จึงกำชับข้าราชการให้อธิบายกับเกษตรกรให้ชัดเจน อย่าพูดครั้งเดียว เหมือนผมต้องพูดบ่อยๆ ผมก็ไม่เบื่อ แต่จะพูดให้มันเกิดให้ได้”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องกลับไปดูเรื่องเมล็ดพันธุ์ว่าจะสามารถขยายเพิ่มได้หรือไม่ สร้างธนาคารปุ๋ย ธนาคารพืช เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนยืมคืนอะไรก็ได้ให้มีมูลค่าเท่ากัน ซึ่งแนวทางนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มไว้ให้แล้ว เช่น ธนาคารข้าว แล้วทำไมเราจึงไม่ทำต่อ ส่วนเรื่องเครื่องมือที่ไม่เพียงพอต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชน
นอกจากนี้ สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงมหาดไทย ไปร่วมกันพิจารณางบประมาณสร้างโรงอบข้าวแห่งละ 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง รวมทั้งเรื่องระบบการขนส่งด้วย การแก้ปัญหาต้องแก้เป็นระบบเชื่อมโยงกัน เรื่องแบบนี้ต้องแก้มาตั้งนานแล้ว แต่กลับต้องมาแก้กันในรัฐบาลนี้ ถ้าจะทำเพื่อประชาชนต้องคิดแบบที่ตนคิด ถ้าคิดลอยๆ คิดแต่นโยบายราคาสูงขึ้นอย่างเดียว ไม่ดูต้นทุน ไม่ดูกระบวนการการผลิต ทั้งที่เป็นปัญหาทั้งสิ้น วันนี้ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรจะต้องเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ตนก็จะไม่โทษใคร แต่จะต้องทำให้ได้ อย่างน้อยระยะแรก ถึงปี 2560 นอกจากนี้ เราต้องดูเรื่องพืชผลการเกษตรที่เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง สับปะรด เราต้องเน้นวงจรการผลิต การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วันนี้รายได้ของเกษตรกรต่อหัวโดยเฉพาะภาคอีสาน ปีละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่น้อย อยู่แบบนี้ไม่ไหว แต่เขาต้องทำ แต่จะทำอย่างไรสร้างความเข้าใจว่าให้เกิดภาคอุตสาหกรรมเข้าไปในพื้นที่ เพื่อนำสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่า สร้างเป็นนวัตกรรม ให้ดึงราคากลับมาที่ภาคการผลิตได้ แต่ถ้าไม่เอา ไม่ให้ ไม่ทำ ไม่ร่วมมือ ก็จะไม่มีทางราคาขึ้นมาได้ ต่อให้ใครมาเป็นรัฐบาลก็ทำไม่ได้ ราคาจะถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ และคนก็จนลงทุกวัน คนพวกนี้เกือบ 40 ล้านคน มีพื้นที่การเกษตร 43 ล้านไร่ เมื่อคนเหล่านี้เป็นคนมีรายได้น้อย ส่งผลให้เข้าระบบภาษีไม่ได้ ประเทศก็ขาดรายได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องแก้ทั้งระบบให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการโครงการพื้นฐาน ได้สั่งการให้เร่งรัดจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งเราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แต่ตรงนี้ต้องมีผลประโยชน์ตอบแทนให้ผู้ร่วมลงทุนที่เหมาะสมมิเช่นนั้นเขาก็จะไม่ร่วมลงทุน ถ้าเราทำกองทุนเหล่านี้เพราะคนไทยรวยยังมีอีกเยอะ ให้คนเหล่านี้มาร่วมลงทุนกับรัฐ ให้ได้ผลประโยชน์กลับไป เช่นคืนไปเป็นกำไร เป็นหุ้น โดยต้องโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย เพราะตนไม่เอื้อประโยชน์กับใครทั้งสิ้น นอกจากนี้อาจจะต้องมีกองทุนสื่อสาร กองทุนสาธารณสุข หรือกองทุนอื่นๆ กองทุนนี้เป็นการลงทุนคู่ขนานกันไป แต่อะไรที่รัฐต้องบริการให้เป็นสวัสดิการรัฐก็ต้องให้
สำหรรับปัญหาแพเธค จ.กาญจนบุรี ที่สร้างปัญหานั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แพเธคที่ จ.กาญจนบุรีเป็นปัญหามานานแล้ว กำลังให้ฝ่ายปกครองไปดูว่าผิดกฎหมายข้อใดบ้าง ก็ต้องรื้อทั้งหมด โครมครามไปทั้งแม่น้ำแคว ตนเคยไปก็เห็นว่าแพเต็มไปหมดเลย มีการทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูล แต่คนก็ชอบ
“ยิ่งไปห้ามผมก็โดนคนเที่ยวด่าอีก ทุกคนคิดถึงแต่ความสุขอย่างเดียว ไม่คิดถึงความมั่นคงหรือสิ่งที่จะตามมา ถ้าไม่คิดแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด ต้องจัดระเบียบสักหน่อยให้มันพอเพียง เครื่องเสียงก็ขอให้เล็กลงได้หรือไม่ ถ้าไปรื้อทั้งหมด ไอ้พวกนั้นก็มาร้องเรียนผมอีก แหม..แพเธค เขาต้องเรียกว่าแพดิสโก้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมพูดติดตลกว่า “แหม ใช้คำว่าแพเธค ผมฟังไม่รู้เรื่อง เขาเรียกว่าแพดิสโก้ ผมก็นึกว่าแฟร์เท็กซ์ ค่ายมวยบางนา อะไรซักอย่าง”