“ประยุทธ์” แจงบริหารชาติตามโรดแมป อย่าถามเรื่องสมมติ ปฏิรูป 11 เรื่องต้องชัดเจน ส่งต่อรัฐบาลใหม่ พร้อมมีเครื่องมือให้สานต่อโดยไม่ก้าวก่าย แจงเบิกจ่ายช้าเพราะโครงการยังไม่เสร็จ ชี้เสร็จช้าก็ถูกปรับ พร้อมสอบห้ามพยาบาลคลุมฮิญาบ ยันแก้ไขให้ เผย ครม.อนุมัติหลักการสร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้น ขอประชาชนเข้าใจ แจงไม่ลงทุนก็เพิ่มรายได้ยาก ลั่นไม่มีนอกมีในกับใคร
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามโรดแมป ตนไม่สมมติอะไรทั้งสิ้น อย่าถามเรื่องอื่น การดำเนินการขณะนี้ต้องจับประเด็นปัญหาว่าอะไรที่ทำไปแล้ว โดยส่วนหนึ่งมีผลสัมฤทธิ์ แต่บางอันต้องทำต่อก็ว่ากันไป ทั้งนี้เราต้องจับให้เจอ และหาว่าวันนี้ประเทศชาติมีตรงไหนบ้างที่จะต้องเร่งทำภายในปีนี้ ปีหน้าถึงเดือนกันยายน ปีงบประมาณ 2559 ระหว่างนี้เป็นเรื่องของการเดินหน้าประเทศไทยไปสู่การเลือกตั้งก็ว่ากันไป แต่เราต้องทำงานตรงนี้ให้เกิดความชัดเจน ทั้งเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูประบบราชการ ที่จับต้องได้จะทำอย่างไร วันนี้ได้คุยกันหมดแล้ว และหลายอย่างได้ทำไปแล้ว การดำเนินการปฏิรูปทั้ง 11 เรื่องต้องชัดเจนตามที่วางไว้ และต้องให้คนรู้ว่าเราทำทุกเรื่อง เป็นการบริหารราชแผ่นดินตามพันธกิจของแต่ละกระทรวง ทั้งตามนโยบายวาระเร่งด่วน และวาระแห่งชาติ โดยจะส่งต่อการปฏิรูปทั้ง 11 เรื่องให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป ซึ่งรัฐบาลต่อไปจะทำต่อหรือไม่ ตนไม่รู้ ทั้งนี้คงต้องมีเครื่องมือที่ให้เขาต้องดำเนินการต่อไป โดยไม่ก้าวกายหรือทับทาบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อไปด้วย
“ผมไม่อยากสร้างภาระและทำให้เกิดความขัดแย้งกันไปอีก แต่สิ่งใดที่มีความจำเป็นที่ทำวันนี้แล้วเกิดประโยชน์ในปีนี้หรือปีหน้า ผมต้องเร่งดำเนินการ ไม่เช่นนั้นมันจะช้าเกินไป ถ้าจะรอรัฐบาลอาจจะทำไม่ได้ เพราะมีปัญหาเยอะในส่วนที่เป็นความขัดแย้ง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อถึงการเบิกจ่ายงบประมาณในขณะนี้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่ แต่ว่าที่มันช้าเพราะว่าโครงการแต่ละโครงการนั้นยังไม่เสร็จจึงยังเบิกจ่ายไม่ได้ซึ่งเป็นปัญหาของเรา ต้องไปดูในส่วนของบริษัทก่อสร้างอะไรต่างๆ ว่ามีปัญหาอย่างไร ขีดความสามารถถึงหรือไม่ เป็นต้น ส่วนข้าราชการตนก็เร่งรัดไปทุกส่วนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการเบิกจ่ายต้องทำต่อเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ตามสัญญาว่ามีกี่ช่วง เมื่อช่วงใดเสร็จก็เบิกเงินช่วงนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นไปตามบันทึกข้อตกลง (ทีโออาร์) ก็คือต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เสร็จตามกำหนดต้องเสียค่าปรับตามปกติ
พล.อ.ประยุทธ์ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อกรณีมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลกระบี่ ยังมีการห้ามมุสลิมคลุมฮิญาบอยู่ ทั้งที่ผ่านมานโยบายรัฐบาลไม่ได้ห้ามว่า ปัญหาสามที่มันเหมือนกันหรือ เดี๋ยวตนจะให้เขาไปตรวจสอบทั้งสามที่ ตนเห็นลงในหนังสือพิมพ์ เดี๋ยวจะให้กระทรวงสาธารณสุขไปตรวจสอบ ให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไปตรวจสอบว่ามีปัญหาอย่างไรในการให้ขึ้นวอร์ดหรือไม่ขึ้นวอร์ด ตนคิดว่าในทางปฏิบัติไม่น่าจะพลาด ไม่น่าจะไม่ทำ จะต้องไปดูว่าทำไมถึงไม่ทำ มีปัญหาอะไรรึเปล่า ฟังอย่างนี้ตนสบายใจ เดี๋ยวตนจะแก้ให้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า มีการพิจารณาในเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่องด้วยกัน โดยมีเรื่องการลงทุนเป็นหลัก เกี่ยวกับเรื่องเส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง เพื่อให้เกิดความเจริญอย่างทั่วถึงเพราะตอนนี้เรามีอยู่เพียง 2 เส้นทาง ซึ่งเราได้อนุมัติในหลักการและโครงการ เพื่อหางบประมาณในการดำเนินการ ทั้งนี้ต้องไม่มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณแผ่นดินในอนาคตด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมที่พูดถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ในการสรุปว่าเราจะเดินหน้าอย่างไรทำตรงไหนก่อน ตรงไหนหลัง ตรงไหนถ้างบประมาณเพียงพอทำได้ก็ดำเนินการ ส่วนตรงไหนมีปัญหาอยู่ก็ชะลอส่งต่อให้รัฐบาลหน้า สำหรับที่ไม่มีปัญหาเราก็จะทำ ซึ่งมีหลายเรื่องเช่น การลงทุนรถไฟ รถไฟฟ้า ถนนเส้นทาง การบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา ซึ่งมีทั้งโครงการของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ แต่สิ่งเหล่านี้คนไทยต้องมองในภาพรวมว่ามันจะเกิดขึ้นในระยะใกล้ ถ้าเราไม่ทำเรื่องเหล่านี้เลย ไม่มีการลงทุนเลย การที่เราจะมีรายได้เพิ่มก็เป็นไปได้ยาก จะไม่มีอะไรที่เข้ามาใหม่ได้เลย นอกจากนั้นเราก็ต้องมาทำในเรื่องเศรษฐกิจการส่งออกต่างๆ วันนี้ก็ทำทุกอย่างตั้งแต่หาตลาด ปรับปรุงคุณภาพ นวัตกรรม แบบใหม่ที่แข่งขันได้ ก็ต้องใช้เวลาในการที่จะทำให้มูลค่าการส่งออกสูงขึ้น เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาหลายระบบทั้งโครงสร้าง ความเข้มแข็ง ภาคการเกษตร ที่เราต้องสร้างให้เขา และข้อสำคัญคือทำอย่างไรให้เกษตรกรรายได้น้อยสามารถอยู่ได้ นี่คือสิ่งที่กังวล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องกฎหมายและข้อตกลงคุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยให้หารือกับทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดมาหารือกันไม่เช่นนั้น มันก็จะเกิดความขัดแย้ง สิ่งที่อยากจะขอความร่วมมือกับประชาชนคือว่าโครงการใดๆ ที่เป็นของรัฐบาลที่กำหนดไว้ในระยะนี้ ตนอยากจะให้เข้าใจว่าเป็นโครงการตนไม่มีนอกมีในอะไรกับใครเลย และคิดว่าคนอื่นก็ไม่มีหรอก เพียงแต่คิดว่าต้องทำให้ได้ เช่น ขยะ พลังงาน แต่จะทำอย่างไรต้องร่วมมือหาทางกันให้เจอ ขอร้องอย่างหนึ่งว่าถ้ามีปัญหาสัก 10 ปัญหา ถ้า 8 อย่างมันได้ก็ร่วมมือกันทำได้ไหมอีก 2 อย่างก็ร่วมกันแก้ไป ถ้า 10 อย่างแล้ว 2 อย่างไม่ตรงกันแล้วไม่ทำเลย วันหน้าก็ไม่เกิด และวันหน้าจะไปเรียกร้องกับใครไม่ตนจะบอกให้ วันนี้ต้องหาทางช่วยกันตรงนี้ให้ได้ต้องฝากสื่อช่วยกันสร้างความเข้าใจ