ศาลจังหวัดขอนแก่น สั่งจำคุกสมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. 2 คน ๆ ละ 13 ปี อีก 2 คน ๆ ละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อห้าปีที่แล้ว
ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสี่เปิดเผยว่า จะอุทธรณ์คดีต่อไป สำหรับเรื่องการประกันตัว เนื่องจากไม่สามารถใช้ตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกันตัวผู้ต้องหา เหมือนคดีเผาศาลากลางก่อนหน้านี้ เพราะปัจจุบัน ไม่มี ส.ส.แล้ว ผู้ต้องหาต้องหาหลักทรัพย์มาประกันตัวเอง ซึ่งไม่รู้ว่า ศาลกำหนดหลักประกันเท่าไร และจะยื่นประกันได้เมื่อไร
คนเสื้อแดงทั้ง 4 คน ซึ่งคงจะหลงเชื่อ ประโยคอมตะของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ที่ว่า “ เผาไปเลยครับพี้น้อง ผมรับผิดชอบเอง” จึงต้องคิดคุก จนกว่า ญาติพี่น้องจะหาหลักทรัพย์มาประกันตัวได้
คดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นนี้ เป็นคดีสุดท้าย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ในบรรดาคดีเผาศาลากลางจังหวัด ทั้งหมด 4 คดี ทุกคดี ศาลสั่งจำคุกผู้ต้องหา
คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ศาลสั่งจำคุกจำเลย 12 คน เบาที่สุดคือ 8 เดือน หนักที่สุด 33 ปี จำนวน 4 คน ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ ระหว่างอุทธรณ์ ไม่มีใครไปประกันตัว ส่วนคนอื่นๆ รับโทษครบแล้ว
คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ศาลตัดสินจำคุกจำเลย 22 คน โทษลดหลั่นกันไปตามพฤติกรรม เบาที่สุด 6 เดือน หนักที่สุดคือ ข้อหาวางเพลิงเผาสถานที่ราชการ โทษจำคุก 20-22 ปี จำนวน 5 คน และให้ชดใช้ค่าเสียหายร่วมกัน 199 ล้านบาท ทั้ง 5 คนนี้ ยังถูกคุมขังระหว่างรออุทธรณ์ และ หนึ่งในนั้นเสียชีวิตในเรือนจำ
คดีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ศาลตัดสินจำคุกคนเสื้อแดง 13 คนๆ ละ 20 ปี นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.พรรคเพื่อไทยขณะนั้น ใช้ตำแหน่ง ส.ส. พร้อมเงินสดรายละ 5 แสนบาท ประกันตัวทั้ง 13 คน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
ทั้ง 4 คดี เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการเผาบ้าน เผาเมือง ของระบอบทักษิณ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 หลังจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งกำลังทหารสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราขประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ทันทีที่แกนนำ นปช. ขึ้นเวที สั่งสลายการชุมนุม ในบ่ายวันนนั้น กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นทะเลเพลิง จากฝีมือของกองกำลังติดอาวุธ ที่แฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุม ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคอีสาน กลุ่มคนเสื้อแดง ปิดล้อมศาลากลาง จังหวัด หลาย ๆ จังหวัด แต่มีอยู่ที่ 4 จังหวัดดังกล่าว ที่รุนแรงถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัด
การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ที่ลุกลามกลายเป็นการจลาจล เผาบ้านเผาเมือง มีผู้เสียชีวิตรวม 91 คน บาดเจ็บ 2 พันกว่าคน เกิดขึ้นหลังจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา ให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ( ยศในขณะนั้น) โดยมีข้อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภา ทันที
การชุมนุมในครั้งนั้น เป็นการชุมนุม เพื่อชิงอำนาจการเมืองของ พ.ต.ท. ทักษิณ โดยใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ
เวลาผ่านไป 5 ปี แกนนำ นปช. อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒื ใสยเกื้อ เจ้าของคำพุด “ เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ร่ำรวย เสวยสุขจากการต่อสู้เพื่อระบอบทักษิณ คนเสื้อแดง ที่หลงเชื่อคำพูดของนายณัฐวุฒิ ที่ว่า “เผาไปเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง “ ต้องรับโทษ จากกรรมที่ตัวเองก่อไว้ โดยไม่มีใคร ทั้งคนของพรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช.ไยดีต่อชะตากรรมของพวกเขา
วันนี้ พรรคเพื่อไทยทั้งพรรค ทุ่มเทสรรพกำลัง ต่อสู้เพื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้รอดพ้นจากคดี โกงจำนำข้าวเพียงคนเดียว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ใช้ลีลานักโต้วาที ประดิษฐ์วาทกรรมเสียดสีเย้ยหยัน เพื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนเดียว ปล่อยให้คนเสื้อแดงที่หลงเชื่อการปลุกระดมของเขารับโทษทัณฑ์ในคุกตะรางไปตามลำพัง