“สุเทพ” หนุนตัดสิทธิคนทุจริตไม่ให้ลงเลือกตั้งตลอดชีวิต เสนอตั้งศาลเลือกตั้งเพื่อพิจารณาคดีโดยเฉพาะ พร้อมกำหนดเวลาให้ชัด ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งแบบแบ่งสรรปันส่วน โดยเฉพาะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ควรมี เหตุไม่ทำประโยชน์ใดๆ เป็นพวกเกาะใบบุญพรรค ให้กำลังใจ “มีชัย” เสียสละเพื่อชาติ เห็นใจ “บวรศักดิ์” เล็งหาเวลานัดทานข้าว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงแนวความคิดของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เกี่ยวกับเรื่องระบบเลือกตั้งแบบใหม่ว่า ต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องการเลือกตั้ง คนแต่ละกลุ่มแต่ละคนก็อาจจะมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ความคิด และสิ่งที่เป็นความคาดหวังของแต่ละฝ่าย นักการเมือง คนทั่วไป หรือนักวิชาการ ก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าความคิดของทั้ง 3 กลุ่มก็ไม่เหมือนกัน และไม่มีใครที่จะสามารถเขียนรัฐธรรมนูญให้ตรงต่อความต้องการของแต่ละคนได้ แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไว้วางใจ และเชื่อว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.มีประสบการณ์มาก รู้เห็นเหตุการณ์บ้านเมืองมามาก มาถึงวันนี้ฝ่ายต่างๆ เชื่อมั่นว่านายมีชัยน่าจะสรุปเหตุการณ์ในอดีต เพื่อกำหนดกติกาสำหรับอนาคตของประเทศไทยได้
นายสุเทพกล่าวว่า ตนเองเคยมีโอกาสรู้จักกับนายมีชัยมา 30 กว่าปีให้ความเคารพนับถือมาตลอด วันนี้ต้องบอกว่าตนมีความสบายใจมากเมื่อท่านยอมเสียสละมารับหน้าที่ เพราะหน้าที่นี้ไม่มีการได้กำไร เป็นงานที่หนัก ถูกกดดันและเครียด ตนยังนึกเห็นใจนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตปะธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และคณะ และหากมีเวลาหรือวันไหนว่างก็จะเชิญนายบวรศักดิ์มาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน เพราะท่านตั้งใจทำงานให้แก่บ้านเมือง ก็อย่างว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้คนเข้าใจได้ครบถ้วน แรงกดดันต่างๆ ไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้
ส่วนที่มีนักการเมืองบางคนออกมากล่าวว่าความเห็นหรือข้อเสนอของนักวิชาการบางคนอาจจะไม่ทราบถึงปัญหาต่างๆ อย่างที่นักการเมืองได้สัมผัสมานั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนเคยเป็นนักการเมืองมากกว่า 36 ปี นักการเมืองก็มีมุมมองมีความคาดหวังอีกแบบหนึ่ง อยากจะขอให้นักการเมืองทำใจให้กว้าง นักการเมืองควรจะทำใจว่าตัวเองเปรียบเสมือนนักกีฬา ไม่ต้องไปวิตกกังวลว่าเขากำหนดกฎเกณฑ์กติกาอย่างไร พอถึงเวลาก็ลงไปแข่งขันตามกฎกติกา ข้อสำคัญคือกฎเกณฑ์กติกาต้องยุติธรรม คนเล่นก็ต้องเล่นอย่างขาวสะอาด เพราะถ้านักการเมืองคิดอย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องมากังวลว่าจะมาทะเลาะกับใคร เมื่อกติกาออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับ สำคัญว่าไม่ใช่เรื่องรูปแบบการเลือกตั้งหรือ วิธีการเลือกตั้ง แต่ที่สำคัญหรือทำอย่างไรจะให้ผู้ที่มีหน้าที่ในการรับผิดชอบการเลือกตั้งจัดการเลือกตั้งที่ยุติธรรมให้ได้นั่นต่างหากเป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องเอาใจใส่ เพราะฉะนั้นเวลานี้อย่ามาเถียงกันเลยว่ากติกาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อกติกาว่ามาอย่างไรก็ควรเล่นไปตามกติกานั้นดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรกับระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม กาบัตรใบเดียว นายสุเทพกล่าวว่า คนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเลย คิดว่าตรงไปตรงมา ประชาชนเข้าใจง่ายที่สุด ก็คือมีเขตเลือกตั้งผู้แทนเขตละ 1 คน ประชาชนก็เลือกผู้แทนของตัวเองเขตละ 1 คน คนที่ได้ก็เป็นตัวแทนประชาชน คนที่สอบตกก็กลับไปอยู่บ้าน แต่ตอนนี้มีความคิดว่าเสียดายคะแนนของคนที่สอบตกขึ้นมา แต่ตนก็มองว่าไม่ว่าจะไปคิดกันอย่างไรก็ตาม แต่อย่าให้ถึงกับประชาชนต้องพกคอมพิวเตอร์ไปคำนวณคะแนนจนกว่าจะรู้ผลเลือกตั้งเลย ประชาชนเองไม่ได้ลงไปลึกซึ้งถึงขนาดนั้น
เมื่อถามต่อว่า ทาง กรธ.เองต้องการให้ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีความหมาย นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่อยากเถียงตรงนี้เพราะตนไม่เห็นด้วย และถ้าไปเถียงเดี๋ยวเกิดวาทกรรมอีก ไม่มีเรื่องที่จะต้องสูญเสียความหมาย เพราะความหมายคือเมื่อประชาชนไว้วางใจใครให้ไปทำหน้าที่ แต่ตนก็ไม่ติดใจ เพราะแม้ว่าโดยส่วนตัวจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเรื่องใหญ่สำหรับการเลือกตั้งคือ ต้องทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตนกลัวอย่างเดียว คือเขียนกันไปเขียนกันมา แล้วมาอ้างว่า ไม่สามารถที่จะเขียนให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรมได้ ไม่สามารถป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงได้แบบนี้คงไม่ยอม แต่เรื่องคะแนนสัดส่วนเป็นเรื่องธรรมดา
“ผมบอกเลยว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหรือแบบสัดส่วนนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย ผมรู้จัก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นจำนวนมาก ที่ไม่รับผิดชอบต่อประชาชนเลย เพราะไม่มีเขตเลือกตั้ง ไม่ต้องสัมผัสกับประชาชน ไม่ต้องใกล้ชิดกับประชาชน เวลาจะพูดจะทำอะไรไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชนรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร พวกนี้เกาะใบบุญพรรค และบอกได้เลยว่า ที่บอกว่าการเลือกตั้งแบบนี้ ส.สบัญชีรายชื่อจะลงพื้นที่ช่วย ส.ส.เขตนั้นก็ไม่มีทาง ส.ส.บัญชีรายชื่อมีประโยชน์น้อยมากสำหรับประชาชน อาจจะมีบ้างคนดีๆ แต่มีคนที่ดูแลประชาชนน้อยมาก ส.ส.สัดส่วนจะมีเท่าไรไม่รู้ แต่เอาว่าไม่เห็นด้วย จะให้มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อความเห็นด้วยหรือไม่ของผมเป็นความเห็นส่วนตัว และหากส่วนใหญ่รับได้ ผมก็รับได้ ไม่มีปัญหา ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดย่างไรที่ กรธ.ให้เพิ่มคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จาก 5 คนเป็น 7 คน มาจากผู้พิพากษา 2 คนจากสาขาวิชาการ 5 คน มีวาระคราวละ 7 ปี เพิ่มบทบาทการทำงานให้เข้มข้นขึ้นไปอีก นายสุเทพกล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับที่มาของ กกต. ตนบอกแล้วว่าองค์กรที่จะมากำกับดูแลจัดการเลือกตั้ง ต้องสามารถทำการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ และหากจะมี กกต.อย่างที่เป็นมา เห็นควรไม่มีจะดีกว่าถ้ามีคราวนี้ควรให้ กกต.มีหน้าที่ที่จะต้องสืบสวนสอบสวนจับกุมดำเนินคดีต่อผู้ที่โกงการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลกดดันในการลงคะแนน การเลือกตั้งเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้แสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง เป็นเรื่องที่ต้องบริสุทธิ์ใครทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนถูกบิดเบือน กกต.ต้องจัดการให้ได้ อ้างโน่นนี่ไม่ได้ ถึงได้บอกว่าตรงนี้สำคัญ
“หากพบว่าใครทุจริตเรื่องการเลือกตั้ง ต้องมีศาลเฉพาะด้านการเลือกตั้งมาพิจารณา จะแยกมาเดี่ยวๆ หรือศาลฎีกาแผนกการเลือกตั้ง ใช้วิธีการไต่สวน ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหา กำหนดเวลาให้ชัดว่า คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งควรใช้เวลานานเท่าไร จะพิจารณาติดต่อกัน 30-60 วัน เพื่อให้รวดเร็ว หรือ มีโทษแค่ไหนอย่างไรต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน คนที่เป็นนักเลือกตั้งทั้งหลาย จะได้กลัวกฎหมายบ้าง เดี๋ยวนี้ทำผิดกฎหมายกว่าจะพิจารณาเสร็จใช้เวลานานจนคนลืมไปเลย”
นายสุเทพกล่าวว่า ในเรื่องการตัดสิทธิลงเลือกตั้งตลอดชีวิตกับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้ง ตนเห็นด้วย เป็นเรื่องที่สมควร โดยเฉพาะคนที่ทุจริตด้านการเลือกตั้ง ถือว่าทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรลงสนามประชาธิปไตยตลอดชีวิต และคนที่ร่วมทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ คนของ กกต.ต้องถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตด้วย นักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนที่ร่วม ทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะต้องถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่เคารพกฎกติกา ไม่เคารพหลักประชาธิปไตย
นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อมีการกำหนดบทลงโทษกับคนที่ทุจริตการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่เป็นของประชาชน ก็จะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจที่จะเลือกผู้มาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค โดยจะต้องช่วยกันเลือกคนที่ดี ไม่ทรยศประชาชน
ส่วนในเรื่องการยุบพรรค นั้น หากพรรคเป็นพรรคที่ประชาชนมีส่วนร่วม พรรคจะต้องไม่ถูกยุบ แต่เล่นงานคนที่ทำความผิดเป็นรายๆ ไป ส่วนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นเมื่อไรนั้น ยังบอกไม่ได้ คาดการณ์ไม่ได้ หากสถานการณ์บ้านเมืองไม่วุ่นวาย เรียบร้อยทุกอย่าง ก็คงเป็นไปตามโรดแม็ป ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บอกไว้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่ประชาชนไว้วางใจได้ เมื่อพูดอะไร ตนเชื่อ และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำตามคำพูดนั้น เวลานี้ก็ต้องดูไป และถ้าถึงเวลาต้องตัดสินใจร่วมกันก็คิดว่าประชาชนจะเรียกร้องให้เขาต้องตัดสินใจ