“คำนูณ” เผย สปท. นัดอภิปรายเสนอวิธีการปฏิรูป 11 ด้าน 9 พ.ย. ก่อนถกความเห็นในการร่าง รธน. ขณะเดียวกัน ยังเตรียมตั้งประธาน กมธ. 11 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่าง ๆ “วันชัย” ยัน สปท. ไม่มีแย่งตำแหน่งประธาน กมธ. พร้อมวาง 4 แนวทางเป็นกรอบในการปฏิรูป โดยจะไม่ขัดแย้งกับรัฐบาล และ คสช.
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะโฆษก สปท. กล่าวถึงวาระการประชุมวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน จะเป็นการอภิปรายทั่วไปเพื่อเสนอวิธีการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน ในด้านเศรษฐกิจและด้านพลังงาน จากนั้นในวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน จะเป็นวาระด่วนที่แทรกเข้ามาเป็นพิเศษ คือ การอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ
“แม้ สปท. จะไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่เนื่องจากการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเมือง จะสัมฤทธิผลได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืนก็ต่อเมื่อเป็นบทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญที่จะประกาศใช้ ประกอบกับท่านประธาน กรธ.ได้กรุณาทำหนังสือมาถึงประธาน สปท. ขอความคิดเห็นจาก สปท. การบรรจุระเบียบวาระด่วนเข้ามาจึงเหมาะสมด้วยระยะเวลา”
นายคำนูณ กล่าวว่า การอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 พฤศจิกายน จะนำไปสู่การเสนอความเห็นในนาม สปท. อย่างเป็นทางการต่อ กรธ. ในโอกาสต่อไป แต่จะเป็นในรูปแบบไหน ประธาน สปท. จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม
ส่วนความคืบหน้าในการแต่งตั้งประธานกรรมาธิการและกรรมาธิการสามัญประจำสภา 11 คณะนั้น ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองการดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการและกรรมาธิการสามัญประจำ สปท. ที่มี นางวลัยลักษณ์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท. คนที่ 2 เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยและจัดทำรายงานเสนอประธาน สปท. แล้ว ประธาน สปท. จะได้พิจารณาเสนอขอความเห็นชอบจาก สปท. ต่อไปในวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายนนี้
“การประชุมกรรมาธิการสามัญประจำ 11 คณะนัดแรกก็จะเริ่มได้ทันทีในวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน ถือเป็นช่วงเริ่มต้น 1 เดือนที่สองในโร้ดแมป 1 + 1 + 18 เดือนของ สปท. ที่ได้วางไว้”
ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภา สปท. นัดแรกจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน โดยในวันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิชอบ และคณะกรรมการประสานงานการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
“คณะกรรมาธิการสามัญประจำทั้ง 11 คณะและวิสามัญ 1 คณะจะใช้เวลา 1 เดือนในการจัดทำแผนและข้อเสนอขับเคลื่อนการปฏิรูปเสนอต่อ สปท.รอบแรกภายในวันที่ 10 ธันวาคม”
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท. กล่าวว่า จากการที่ได้มีการตั้งกรรมาธิการเพื่อการขับเคลื่อนในด้านต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่า การทำงานของ สปท. จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสัมฤทธิผลในระยะเวลาที่เหลือแน่นอน โดยในคณะกรรมาธิการแต่ละคณะมีเป้าหมายและแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนดังนี้ คือ
1. จะนำข้อมูลของ สปช. ที่ทำการศึกษาและให้ข้อเสนอแนะในการปฏิรูปแต่ละด้าน ออกมาสกัดจัดความสำคัญเร่งด่วนแต่ละเรื่องนำมาเป็นประเด็นที่จะต้องทำการปฏิรูปให้สำเร็จเสร็จสิ้นในรัฐบาลชุดนี้และบางเรื่องเป็นสิ่งที่จะต้องส่งต่อไปยังรัฐบาลชุดต่อไป
2. แต่ละเรื่องแต่ละประเด็นที่จะต้องขับเคลื่อนในการปฏิรูปนั้นจะต้องกำหนดกรอบระยะเวลา แนวทาง วิธีการ ทุกสิ่งทุกอย่างให้เห็นเป็นประจักษ์และที่สำคัญจะต้องมีการประสานแนวทางให้สัมฤทธิ์ผลจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน
3. สปท. ทราบดีว่าผู้ที่จะเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนในการปฏิรูปให้สำเร็จได้นั้นคือนายกฯ และรัฐบาล ดังนั้นในทุกเรื่องทุกประเด็นที่จะทำการขับเคลื่อนจะต้องเป็นการเห็นพ้องต้องกันของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอันจะทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปได้อย่างสัมฤทธิ์ผลตามที่ทุกฝ่ายเห็นพ้อง
4. สปท. ทุกคนที่มีทั้งคนเก่าและคนใหม่เข้ามา ต่างรู้จุดอ่อน จุดแข็ง จุดดี จุดบกพร่องของ สปช. ที่ผ่านมา ย่อมจะเอามาเป็นแนวทางในการแก้ไขการทำงานให้บรรลุผลเพราะทุกคนมาจากหลายภาคส่วนด้วยกัน อันจะทำให้การผสมผสานการทำงานสำเร็จเสร็จไปได้ตามเป้าหมาย ทุกฝ่ายทุกคนจะช่วยกันขจัดข้อบกพร่อง ข้อไม่ดี นำสิ่งดี จุดแข็งมาเติมเสริมต่อให้งานของการปฏิรูปบรรลุผล
นายวันชัย กล่าวว่า ทุกคนทุกคณะของกรรมาธิการจะไม่มาแย่งกันในเรื่องตำแหน่งต่างๆอย่างที่เคยเป็น จะพิจารณาถึงตัวคนและเนื้องานเป็นสำคัญ มุ่งเน้นให้เกิดความก้าวหน้า แก้ปัญหาของประเทศให้ได้ และ สปท.ล้มเหลวนั่นก็หมายความว่าประชาชนจะสิ้นหวังต่อการปฏิรูปประเทศ อันจะทำให้การปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้เสียหายและล้มเหลวไปด้วย ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ ประเภทเช้าชามเย็นชามลอยไปลอยมา หวังแต่ตำแหน่งต้องไม่มี มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นสำคัญ
