นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาปฏิรูปการขับเคลื่อนประเทศ (สปท.) ในฐานะโฆษก สปท. กล่าวถึง วาระการประชุม สปท. ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ว่า จะเป็นการพิจารณาร่างข้อบังคับ สปท. ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้อบังคับฯ ชุดที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน ได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดยเป็นข้อบังคับที่แตกต่างจากข้อบังคับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ ข้อบังคับสภาอื่น เพื่อมุ่งสัมฤทธิผล และความเป็นเอกภาพในการทำงาน ทั้งภายใน สปท. และการทำงานร่วมกับองค์กรอื่น ตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ 20 เดือน
ทั้งนี้ กมธ.ประจำ จะมีเพียง 11 คณะ ตามมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 โดยสมาชิก สปท.แต่ละราย สามารถเลือกอยู่ได้เพียงกมธ.คณะเดียว แต่ได้กำหนดให้มีกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตขึ้นมาเป็นพิเศษอีกคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธาน กมธ. ประจำทั้ง 11 คณะ และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นที่ สปท. แต่งตั้งรวมแล้วไม่เกิน 21 คน เพื่อให้งานด้านนี้เป็นงานหลักของ สปท.ที่สามารถจับต้องได้
"จุดแตกต่างจากสภาอื่นคือ กำหนดให้การเลือกประธาน กมธ.ทุกคณะ เป็นอำนาจของประธาน สปท.โดยตรง รวมทั้งให้อำนาจประธาน สปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน (วิป) การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้น เพื่อประสานงานกับองค์กรอื่น และเสมือนให้เป็นหน่วยกำหนดแนวทางการทำงานของ สปท.โดยรวมด้วย" นายคำนูณ ระบุ
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า หลังจากจบวาระพิจารณาร่างข้อบังคับแล้ว จะเป็นการอภิปรายทั่วไป เพื่อเสนอวิธีการปฏิรูปประเทศ 11 ด้านต่อจากการประชุมครั้งที่แล้ว โดยจะเป็นการอภิปรายทั่วไปในด้านการเมือง ส่วนวันที่ 3 พ.ย.จะเป็นการอภิปรายในด้านการศึกษาและด้านสื่อสารมวลชน ทั้งนี้
ทั้งนี้ กมธ.ประจำ จะมีเพียง 11 คณะ ตามมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 โดยสมาชิก สปท.แต่ละราย สามารถเลือกอยู่ได้เพียงกมธ.คณะเดียว แต่ได้กำหนดให้มีกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตขึ้นมาเป็นพิเศษอีกคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธาน กมธ. ประจำทั้ง 11 คณะ และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นที่ สปท. แต่งตั้งรวมแล้วไม่เกิน 21 คน เพื่อให้งานด้านนี้เป็นงานหลักของ สปท.ที่สามารถจับต้องได้
"จุดแตกต่างจากสภาอื่นคือ กำหนดให้การเลือกประธาน กมธ.ทุกคณะ เป็นอำนาจของประธาน สปท.โดยตรง รวมทั้งให้อำนาจประธาน สปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน (วิป) การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้น เพื่อประสานงานกับองค์กรอื่น และเสมือนให้เป็นหน่วยกำหนดแนวทางการทำงานของ สปท.โดยรวมด้วย" นายคำนูณ ระบุ
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า หลังจากจบวาระพิจารณาร่างข้อบังคับแล้ว จะเป็นการอภิปรายทั่วไป เพื่อเสนอวิธีการปฏิรูปประเทศ 11 ด้านต่อจากการประชุมครั้งที่แล้ว โดยจะเป็นการอภิปรายทั่วไปในด้านการเมือง ส่วนวันที่ 3 พ.ย.จะเป็นการอภิปรายในด้านการศึกษาและด้านสื่อสารมวลชน ทั้งนี้