อดีต ส.ส.เพื่อไทย เย้ยเลือกตั้งแน่ปี 2561 ขอเพิ่มกฎหมาย ถ้าใครแพ้ให้ยอมรับ ห้ามโวย อ้างเลือกตั้งเสร็จคนมักทะเลาะกัน เลือกตั้งแพ้ก็ว่าคนชนะโกง แนะใช้สัดส่วน ส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100 ก็พอ
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส. และประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 2561 เพราะจากที่ตนสังเกตพบว่า หากสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังเป็นถ้าทุกอย่างยังมาลงตัว ต่างคนต่างก็จะเอาอย่างที่ตัวเองต้องการไม่ฟังคนอื่น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เองก็ยังไม่ฟังคนอื่นจะเอาแบบนี้ ตะแบงเหมือนตอนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะไปสู่วังวนแบบเก่า แต่เวลานี้อาจจะดี ตรงที่ยอมรับฟังประชาชน และอาจจะมีการใช้เงินอีก 3 พันล้านบาท ในการทำประชามติ
ส่วนในเรื่องสัดส่วนต่างๆ นั้น นายวิชาญกล่าวว่า ในเรื่องสัดส่วนต่างๆ ได้เปรียบเสีบเปรียบทุกพรรคการเมืองก็รู้ ประชาชนก็ทราบ ไม่ได้กินแกลบ เพราะว่าตนคิดว่านายมีชัยเองก็ผ่านประสบการณ์มามากพอสมควร แต่ถ้าประสบการณ์อย่างที่ท่านกำลังทำอยู่ท่านก็ต้องฟัง เพราะบทเรียนครั้งที่แล้วมีอยู่แล้ว สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตอนที่ยกร่างฯ ตอนนั้นผลออกมา เขาก็ไม่เอา ตอนนี้ถ้าเกิดจะมีอีกครั้ง คนที่เขาดูอยู่ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองจากพรรคต่างๆ ก็ประสานเสียงกัน ไม่ใช่ในเรื่องได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่เป็นลักษณะของความไม่ถูกต้อง การใช้บัตรลงคะแนนใบเดียว แล้วบอกว่าเป็นเรื่องชอบ เป็นคนละเรื่องกัน และถ้าใช้เจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการที่จะใช้สิทธิกับคนที่คนที่จะเลือกกับพรรคมันชัดเจน เหมือนปี 40 และ 50 ที่เขาทำกันอยู่ เราเองก็บอกว่าการเลือกตั้ง ถ้าไปสอนชาวบ้านและบางทีอาจจะเลือกผิดเลือกถูก แต่ที่เขาเคยทำมามันดีอยู่แล้ว แต่ควรไปเปลี่ยนกระบวนการว่า จะเอาจำนวนเท่าไร หรือเขตพื้นที่อำนาจหน้าที่ หรือวิธีการ
“แต่ผมขอเพิ่มกฏหมายฉบับหนึ่งว่า เลือกตั้งเสร็จคนมักทะเลาะกัน ดังนั้นคนที่แพ้ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าประเทศไทยถ้าเป็นอารยะก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง ค่อยดูพม่า เขมร แต่ประเทศไทยพอเลือกตั้งแพ้ก็ว่าคนชนะโกง ปัญหาทุกอย่างก็จะตามถ้าหัวมันออกมา หางมันก็จะออกมา” นายวิชาญ กล่าว
เมื่อถามว่า มองตัวเลขจำนวน ส.ส.ที่ กรธ.เคาะว่า เขต 350 คน สัดส่วน 150 คน นายวิชาญ กล่าวว่า ตนมองว่าถ้าให้ดีควรเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 คือ 400 ต่อ 100 คน เพราะพื้นที่ต่างๆ ถูกจัดแบ่งในการดูแล และการที่ตนยกตัวอย่างเพราะเป็น ส.ส.แบบเขตที่ซึมซับปัญหามามากกว่าคนที่เป็นนักวิชาการ และหากยิ่งเขตกว้างแล้วไม่มีใครสนใจ ปาร์ตี้ลิสต์ก็ไม่สนใจ 150 คน มากเกินไป 100 คนน่าจะพอ