นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ยันต้องเดินหน้าชาติ ย้ำพยายามลดความขัดแย้ง ชี้ปัญหาสำคัญเศรษฐกิจแข้มแข็งไม่เพียงพอ รับเป็นได้แค่มหาอำนาจด้านความขัดแย้ง ถ้าไม่เลิกก็เป็นอยู่อย่างนี้ ลั่นปรับโครงสร้าง ศก. ระบุใครจะบ้าไปปิดประเทศ ปรามพวกโชว์ตัวเลข ศก.พูดข้อเท็จจริง สั่ง อย.เช็กพวกโฆษณายาเกินจริง ลั่นปี 59 การลงทุนต้องเกิด ชูต่างชาติเชื่อมั่นเพิ่ม ขอให้จบปัญหาลานเบียร์ หวังปีหน้าอันดับไทยดีขึ้น พ้อเข้ามามีแต่เสียเพื่อน โอ่ระบบอุปถัมภ์ไม่เลวร้ายแต่ต้องใช้ในทางที่ถูก
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่ห้องคริสตัลแกรนด์ บอลรูม ชั้น 2 คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานและแสดงวิสัยทัศน์ในงาน “Innovation for Sustainability : The Power of Collaboration” หนุนทุกภาคส่วนร่วมสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เชื่อมั่นสร้างรายได้ในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทยให้เข้มแข็มและยั่งยืน โดยมีนายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี และคณะผู้บริหารเอสซีจีให้การต้อนรับ
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมาวันนี้ในฐานะนายกฯ แต่ก็ยังมีภาพลักษณ์การเป็นทหารติดตัวอยู่ วันนี้พยายามจะอารมณ์เย็นแต่เช้า แต่ก็มีมายั่วอารมณ์กันบ้าง แต่การมาพบปะกันวันนี้ก็คิดว่าจะมีสิ่งดีๆ และสร้างสิ่งใหม่ให้กับประเทศ โชคดีของประเทศไทยเดินหน้ามาด้วยเอกชน ซึ่งประเทศมีศักยภาพจำนวนมากทั้งเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ บุคลากร ซึ่งวันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศให้ได้และใหม่ทั้งหมด ต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน ตนในฐานะนายกฯ พยายามทำทุกอย่างสร้างความเข้าใจในทุกเรื่อง ซึ่งวันนี้เราทำงานหลายเรื่องด้วยกันทั้งความมั่นคง การเมือง การปฏิรูปประเทศ การเดินหน้าประเทศไทย และการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อทำให้ประเทศก้าวหน้าอย่างมั่นคงและมีอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามแลกเปลี่ยนแนวความคิดของตัวเองเพื่อให้ทุกคนนำไปคิด ถ้าอะไรถูกกับทำแต่ถ้าไม่ถูกก็ให้บอกมา เราจำเป็นจะต้องมีการวิจัยและพัฒนามากขึ้น เราต้องสร้างวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยลดจุดด้อยให้ได้มากที่สุด
“วันนี้ต้องรู้ว่าผมเข้ามาเพื่อทำอะไร ผมเข้ามาสร้างความเสียหายอะไรหรือไม่ ผมเข้ามาทำงานด้วยเจตนาที่สุจริต มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาของประเทศ โดยผมพยายามลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับมิตรประเทศ ส่วนเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชนพยายามทำอย่างเต็มที่ให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ ไม่ใช่เอาเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาเป็นหลักของความขัดแย้งหรือเป็นปัญหาของประเทศจนเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อการค้าการลงทุน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุดของเราในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ คือ รายได้ของประเทศในด้านเศรษฐกิจความเข้มแข็งเรายังไม่เพียงพอ ยังก้าวไม่ถึงจุดสูงสุดในประเทศที่อยู่ในระดับเดียวกัน เรายังเป็นประเทศมหาอำนาจไม่ได้ อย่างน้อยถ้าจะเป็นก็เป็นมหาอำนาจด้านความขัดแย้ง ถ้ายังไม่เลิกก็ยังเป็นอยู่อย่างนี้ ตนเชื่อว่าจิตใจของทุกคนไม่อยากที่จะทะเลาะหรือขัดแย้งกัน แต่มันอยู่ที่การนำของแต่ละคนสำหรับตนไม่ได้นำให้เกิดความขัดแย้งเกลียดชังตนต้องการที่จะเข้ามานำให้ประเทศชาติหลุดพ้นกับดักของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นปัญหามายาวนานก็ต้องทำต่อไป และทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาต่อบ้านเมือง เพราะถ้าเกิดปัญหาก็จะมีผลต่อธุรกิจ ทุกบริษัททั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นต้องทำให้ธุรกิจของคนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ และธุรกิจของนักลงทุนต่างประเทศ ที่อยู่ในไทยวันนี้ตนต้องเดินหน้าทุกวันซึ่งวันนี้ในอาเซียนไม่มีปัญหาเพราะทุกคนสัญญาไว้ว่าเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน Asean strong together อย่างไรก็ตาม วันนี้สิ่งที่เราทำไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้วมันเริ่มหมดอายุ แต่ที่มีไม่หมดอายุอย่างเดียวคือที่บ้าน วันนี้เราต้องเตรียมการทุกอย่างต้องเพิ่มนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ ฉะนั้นเศรษฐกิจของเราจะต้องมีทั้งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เรามีประชากรอยู่ในภาคการเกษตรถึง 40 กว่าล้านคนปลูกข้าว 30 ล้านที่เหลือปลูกพืชชนิดอื่น ขายได้บ้างไม่ได้บ้างฉะนั้นวันนี้ต้องปรับใหม่ทั้งหมด ขอสักภาคเอกชนด้วย ในเรื่องของภาคการผลิตจะต้องเชื่อมโยงกับภาคการเกษตรด้วยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีหรืออะไรก็แล้วแต่ อยากให้เน้นในเรื่องนี้ด้วยว่าทำอย่างไร กับวัตถุดิบในวันนี้ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ เพิ่มมูลค่าในประเทศของเราให้ได้และนำสู่ภาคการผลิต และการตลาด ซึ่งวันนี้ตนก็เห็นหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาแล้ว ทั้งเรื่องยาง ข้าว น่าจะต้องคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้ราคาตก อย่างการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่แทนข้าวขาววันนี้เห็นผลิตกันออกมาเยอะ สงสัยว่าจะไปขายใคร การผลิตสินค้าด้านการเกษตรอื่นต้องดูเรื่องของดีมานด์และซัปพลายด้วย
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลจะสนับสนุนกิจการที่มีศักยภาพขณะเดียวกันก็จะไม่ทิ้งของเดิมเพราะเป็นการสร้างอาชีพสร้างรายได้สร้างแรงงานแต่เราจำเป็นต้องเพิ่มของใหม่ขึ้นมาด้วย ทำอย่างไรมันจะเกิดขึ้นมาได้ ก็ไม่ใช่พูดวันนี้แล้วเกิดได้ในวันพรุ่งนี้ หรือเมื่อคืนนี้ขายของได้ ดังนั้นวันนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาเปิดทั้งระบบ เพราะเมื่อเข้ามาดูแล้วพบว่ามีปัญหาหลายอย่างด้วยกันแต่ไม่ต้องตกใจเดี๋ยวตนพูดแล้วจะตื่นตระหนกกันอีก
“ผมเปิดอยู่แล้วประเทศ ใครจะไปบ้าปิด ผมพูดตามอารมณ์ และไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้ง แต่ถ้าอยากเป็นแบบนั้นก็ทำกันไปไม่ได้ว่าอะไร วันนี้เราต้องพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ข้อสำคัญคือทำเพื่อประชาชนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งทางบกและทางทะเล วันนี้โลกแข่งขันกันเยอะ ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะได้ประโยชน์จากทุกคน ที่เขาแข่งขันต้องคิดแบบนี้ โดยความร่วมมือของท่านทั้งหลาย เขาไม่เคยเป็นศัตรูกับใครในโลกนี้ เว้นแต่เป็นศัตรูตัวเอง ฉะนั้นวันนี้ เราต้องหลุดพ้นให้ได้ โดยร่วมกันระหว่างภาครัฐภาคเอกชนและประชาชน ประชาสังคมต้องร่วมมือกัน ก็จะเดินไปได้” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตอนเดินทางไปต่างประเทศเขาบอกว่าวันนี้ประเทศอยู่มีศักยภาพเข้มแข็งขึ้น แต่ตอนไปเจอครั้งแรกเขาถามว่าประเทศคุณสงบเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ ตนก็บอกไปว่าเรียบร้อยดี แต่ก็จะมีคำถามกลับมาว่าแล้วจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เป็นคำถามที่ติดปากซึ่งตนก็เข้าใจการเป็นประชาธิปไตย โลกเราไม่เคยฝ่าฝืนอยู่แล้ว เพียงแต่ประชาธิปไตยของเราจะต้องมีเส้นทางเดินที่ยั่งยืน ในแบบที่ไม่ต้องมีตนมายืนอยู่ตรงนี้ ทั้งนี้ การพัฒนานวัตกรรมก็ต้องดูเรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือให้กับโรงงานเก่าไม่ใช่เลิกทั้งหมด และสร้างวงจรการผลิตอย่างไร 7 เรื่องยาง ต้องมีต้นทาง กลางทาง และปลายทาง สิทธิประโยชน์จีเอสพีอยู่ที่ใคร การผลิตจะอยู่ที่ประเทศไหน และควรเพิ่มมูลค่าตรงไหน ถึงแสวงหาความร่วมมือ จากทุกประเทศในโลก
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้เราเดินหน้าประเทศได้ ความเชื่อมั่นก็สูงขึ้น การจะทำลายความเชื่อมั่นในประเทศนั้นอยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น อยากบอกถึงพวกที่มาแสดงตัวเลขทางเศรษฐกิจให้พูดให้มันดีหน่อย ให้มันเห็นข้อเท็จจริงว่าตัวเลขตรงนี้เป็นอย่างไร ตกเพราะอะไรแล้วรอบบ้านเป็นอย่างไร โลกเป็นอย่างไรไม่อย่างนั้นก็ไม่เข้าใจ รัฐบาลนี้เจ้ามาก็ตกอยู่นั่นแหละที่เราเข้ามาแล้วให้มันดีขึ้นไม่อย่างนั้นก็ตกมากกว่านี้เพราะที่ผ่านมาไม่มีความเข้มแข็งปล่อยให้ภาคเอกชนเดินหน้ามาตลอดซึ่งถูกต้อง แต่เป็นการเดินหน้าเพียงคนเดียว วันนี้รัฐบาลเข้ามาในลักษณะผู้อำนวยความสะดวก เราได้ร่างกติกามาหลายอย่างและต้องใช้เวลาในการแข่งขัน ตนมีส่วนในเรื่องของการขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ถ้าไม่มีผลสัมฤทธิ์ ทหารกลับบ้านไม่ได้ เวลาสั่งให้ลูกน้องไปรบต้องมีเวลาให้กลับบ้านเพราะเบี้ยเลี้ยงมีแค่นั้น และต้องใช้ให้พอเพียงกับที่ได้รับงบประมาณ เบี้ยเลี้ยงทหารมีเพียง 10 เดือนจากที่ควรจะมี 12 เดือน เรากำลังจะปรับเปลี่ยนให้อยู่ได้ ส่วนเรื่องยุทโธปกรณ์ถ้าผลิตเองได้เราก็ไม่ต้องไปซื้อใคร
“ผมถามว่าวันนี้ไม่ต้องซื้อและไม่ต้องมีอะไรใหม่ได้หรือไม่ หลายคนบอกว่าไม่ต้องมีทหารก็ได้จ้างยามเอา เอาสิถ้าอยากได้ก็เอาแบบนั้น โดยทหารมีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ เช่น ภัยพิบัติ หรืออะไรต่างๆ ที่เกินส่วนราชการปกติไม่สามารถทำได้ แม้ทหารจะมีบ้านพักในค่ายดูสุโขสโมสร แต่นายเรียกเมื่อไหร่ต้องลุกเมื่อนั้น มีรถมีน้ำมันพร้อมจะไปไหนก็ได้ แต่งานก็เต็มไปหมดตั้งแต่ตื่น มาช่วยประชาชนนั่นคือหน้าที่ของทหาร” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้การเดินหน้าประเทศต้องกำหนดให้ชัดเจนเรื่องของงบประมาณกระทรวงต่างๆ ต้องนำมาบูรณาการกัน การวิจัยการพัฒนาต้องดูในเรื่องที่เร่งด่วนก่อนคนส่วนใหญ่ถนัดมือขวาอยากให้ลองมาทำอะไรดีๆ มือซ้ายบ้าง ไปเลือกทำอะไรที่มันแตกต่าง แต่ต้องดีกว่าเดิม คิดถึงระยะยาว อย่างในเรื่องเครื่องมือแพทย์และการผลิตยาอยากให้ไปวิจัยและพัฒนา เพราะวันนี้เห็นยาขายในทีวีเยอะ บอกสุขภาพจะแข็งแรงกว่าเดิมจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฟังแล้วมันอันตราย ซึ่งเมื่อเช้านี้ (6 พ.ย.) ก็ไล่บี้ให้ อย.ไปดู
นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับสภาพพื้นฐานมันก็ไปได้ วันนี้ประเทศไทยจะเข้มแข็งได้ เราเป็นศูนย์กลางอาเซียนโดยพฤตินัยอยู่แล้ว ผู้นำทั้ง 10 ประเทศบอกไทยต้องเข้มแข็ง และมีเสถียรภาพ เมื่อใดประเทศไทยมีปัญหามากๆ รอบบ้านเดือดร้อน ดังนั้นฝากคนไทยทุกคนด้วย ศักยภาพอาเซียนจะเดินหน้าหรือถอยหลังอยู่ที่เรา
“หลายอย่างกำลังไปได้ด้วยดี อยากให้ลืมผมไปสักพักหนึ่ง อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง ผมเข้ามาทำให้ท่าน ผมก็ต้องกลับมาพูดเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว พูดมากก็ปวดหัว สับสน พูดได้ทุกเรื่อง 19 กระทรวงผมพูดได้หมด แต่ผมพูดให้คิด แต่ผมก็ฟังท่าน และก็ไม่ได้เก่งกว่าพวกท่านอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาประชาชนระดับล่างมีตั้งแต่ระดับชุมชนหมู่บ้าน เศรษฐกิจพิเศษ การค้าขายระหว่างประเทศต้องเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะในอาเซียนต้องร่วมมือกับมิตรประเทศ มีวงจรความร่วมมือกับทุกประเทศ ดังนั้นการวิจัยการพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญสุดและหลายอย่างเราก็ทำแล้ว อย่างเรื่องของยาเราก็ทำได้หลายอย่างแต่ยังไม่ผ่าน อย. ขณะที่ภาคเอกชนบอกว่าเวลาต่างประเทศมาขอ อย.ในเรื่องของยาก็ขายได้เลย แต่ของเราต้องแจ้งกองผลิตทำให้เสียเวลา ก็เลยไล่ให้ไปทำการลดระยะเวลา ต่อไปการจะจ้างผลิต 3 วันจะต้องมีการดำเนินการให้เพื่อลดขั้นตอนลดเวลาทั้งหมด ในเรื่องของการประกอบธุรกิจบีโอไอจะใส่เสื้อตัวเดียวไม่ได้ต้องปรับใหม่ ไปเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มากขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า ปี 2558-2559 การลงทุนต้องมากขึ้น ตีเสาลงหลุมปักหมุดตอนนี้เลยเพราะได้สิทธิประโยชน์มากขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการภาษี เครื่องจักรมีให้ทั้งหมด และเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาให้เบิ้ลเข้าไปอีก เราต้องทำเพราะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้อะไร และมาตรการภาษีเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจได้ดีที่สุด ถ้าไม่ทำรัฐก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว แต่ต้องเริ่มต้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาในวันหน้า เหล่านี้คือการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน สำคัญต้องให้เวลาหน่วยงานปรับตัว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องเร่งรัดทุกเรื่อง เพราะตนบอกแล้วว่าจากนี้จนถึงสิ้นปีต้องแก้ไขให้ได้ทั้งหมดให้ได้เริ่มต้นให้ได้เพื่อปีหน้าเป็นกาเริ่มต้นแผนการพัฒนาและการวิจัย ตั้งแต่มกราคม 2559 - สิงหาคม 2560 มันต้องมีผลสัมฤทธิ์นั่นคือการปฏิรูปในระยะที่ 1 ทุกคนต้องเสียสละ
“ก่อนหน้านี้ผมไม่ต้องมาคิดเรื่องเหล่านี้ ไปคิดเรื่องแผนการเข้าตีการป้องกันทางชายแดนเพื่อรักษาแผ่นดินไว้ให้สงบเรียบร้อย ให้ข้างในทะเลาะกันไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนี้ผมมาอยู่ข้างในแล้วดังนั้นต้องเริ่มเติบโตตั้งแต่ภายใน เริ่มจากชุมชนก่อนทุกอย่างอยู่ในห่วงโซ่สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ผมประชุมไปเยอะสั่งไปเยอะ และก็มีความก้าวหน้าพอสมควรเพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักหนึ่ง วันนี้วางแผนจะพัฒนาทุกด้านจากนี้ไปถึงสิ่นปีนี้ให้แก้ไขข้อติดขัดทั้งหมดให้ได้เริ่มต้นให้ได้ ปีหน้าเป็นปีแห่งการพัฒนา ตั้งแต่มกราคม 2559-30 สิงหาคม 2560 มันค้องมีผลสัมฤทธิ์ทุกเรื่อง นั่นแหละคือการปฏิรูประยะที่ 1 และทั้งหมดต้องไปต่อยอดที่สปท.และกรธ.ในการร่างรัฐธรรมนูญมันถึงจะเกินหน้าได้ วันนี้การเลือกตั้งมีแน่นอน แต่จะเลือกยังไงมายังไง จะมองมิติเดียวไม่ได้ ถ้าจะมองการเลือกตั้งในมิติสากลมันก็กลับไปที่เดิมหมด ผมไม่รู้เป็นเรื่องของท่าน เพราะผมไปชี้นำไม่ได้เดี๋ยวหาว่าผมอยากอยู่ต่ออีก เข้ามาแล้วก็ต้องอยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเดินหน้าไปให้ได้เพื่อส่งต่อ ไม่ได้คิดหวงเอาไว้เพราะแผ่นดินนี้ไม่ใช่ของผม แต่แผ่นดินนี้เป็นของทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจจนเจือจางหลายประเทศอยากมาลงทุน ก็อยากให้มำต่อกันให้ได้ มุกอย่างการลงทุนต้องไทยบวกหนึ่งทั้งสิ้น ตนไม่ห่วงถ้าใครจะมาลงทุน และถือเป็นโอกาสของนักธุรกิจในการไปลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ ท่าเรือวางแผนให้หมดมีระยะ 1-2-3 ซึ่งจะทยอยเกิดตามลำดับ วันนี้หลังจากตนไปประชุมยูเอ็นซึ่งนักธุรกิจสหรัฐฯ รวมถึงยุโรปก็ไปด้วย เขามีความเชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจเรามากขึ้น โดยขอให้เรามีเสถียรภาพเท่านั้น รู้อยู่แล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง ก.ค. 60 หลังจากปี 60 เขาก็จะเดินหน้าทุ่มเต็มที่ เพราะเกิดการยอมรับเรื่องประชาธิปไตยแล้ว ตอนนี้ตนอยากบอกว่าประชาธิปไตยของตนมีมากว่าสหรัฐฯ ด้วยซ้ำไป วันนี้คนที่มีปัญหากับตนไม่ใช่พวกท่าน แต่เป็นกลุ่มคนที่ไม่น่าให้ความสนใจมากนัก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า จะทำอย่างไรในการกำหนดอนาคตประเทศไทยในอนาคต 20 ปีข้างหน้า เน้นการพัฒนาด้านการบริการสปา สาธารณสุข
“ตอนนี้อย่าไปยุ่งกับเรื่องลานเบียร์ให้มากนัก ให้มันจบไป ให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายเล่นงานกันไป ตอนนี้ข่าวที่ประชาชนคือการสร้างเรื่องราว เช่น สร้างเรื่องตามหาความเผือก ผมไม่เข้าใจจะทำทำไม ขอให้ทำเรื่องราวที่ดีต่อประเทศ เกิดประโยชน์ วันนี้เราต้องรู้ตัวเอง รู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ประเพณีของประเทศให้ดี จะได้รู้ว่าเราควรรักชาติย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องระวังวันนี้คือการสูญเสียระบบนิเวศ ถ้าสร้างอะไรมากไปจะสูญเสียต้องคำนึงเรื่องความสมดุลด้วย ประชาชนต้องมีอาชีพสองอย่าง คือ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่จะต้องเสริมสร้างคู่กันไป เพื่อสร้างรายได้ ภาคเอกชนจะทำอย่างไรช่วยตอบแทนด้วยการสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาประมูล แล้วชาวบ้านก็เกิดการต่อต้าน สุดท้ายไม่เกิดการสร้างอะไรขึ้นมา เราต้องร่วมกันวางแผนให้ชัดเจนว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างไร กำหนดสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อการทำอุตสาหกรรม การคมนาคม สร้างขยายพื้นที่นิคมอุตสหกรรมหากภาคเอกชนต้องการอย่างไร ก็มาบอกรัฐบาล เราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ เพื่อร่วมกันสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และหวังว่าในปีใหม่มกราคม 2559 ที่จะเกิดการประเมินในด้านต่างๆ ของประเทศ เราจะอยู่ในอันดับที่ดีขึ้น เพราะวันนี้เราตั้งใจที่จะแก้ไข ปีหน้าต้องเป็นปีแห่งการเรียนรู้ และการเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ประเทศไทยมีที่ยืนในสังคมโลกและวันนั้นตนก็จะกลับบ้านไปนอน ไปรอรับผลประโยชน์ที่นายกฯ คนใหม่จะทำให้ประเทศ ซึ่งในอนาคตนายกฯคนใหม่จะต้องเป็นคนที่ทุกคนเคารพ เกรงใจ และรอว่าเมื่อไหร่นายกฯ ประเทศไทยจะมาถึง
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนเข้ามาทำเพื่อคนไทย 70 ล้านคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง และตนไม่อยากใช้อำนาจอะไรมากมายเพราะอำนาจจะอยู่กับเราไม่นานถ้าเราใช้มากเกินไป ให้เป็นความร่วมมือและทำความเข้าใจกันดีกว่า และปีหน้าตนต้องเป้าในการเพิ่มจำนวนนักวิจัยพัฒนา ด้านรถไฟรางรถไฟ รถไฟฟ้า วันนี้ชอบซื้อแบบเหมาลำตลอด พอซื้อเสร็จก็มีปัญหาหมด
“วันนี้ยิ่งเร่งในเรื่องของทุจริตมันยิ่งไปกันใหญ่ เพราะทุกคนกลัวไปหมด ถ้ามั่นใจก็ทำไปเลย หากใครเรียกประโยชน์ให้มาบอกผม ใครอ้างผมโดนสองเท่า ที่เข้ามาไม่ได้อะไรเลย เสียเพื่อนไปอีก ใครมาขอเข้าพบ ผมไม่พบใคร เพราะเดี๋ยวใจอ่อน คนไทยเป็นแบบนี้ ต่างชาติเขาไม่มีแบบนี้ แต่ก็ระบบอุปถัมภ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหากเราใช้อย่างถูกต้อง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับวิสัยทัศน์วันนี้คือ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน วันนี้เราต้องสตรองทูเก็ตเตอร์ มีค่านิยม 12 ประการที่ทุกคนมีอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่ได้มาบังคับ ไม่ต้องมาแต่งเพลงให้ ที่ตนพูดถึงเรื่องค่านิยมเพราะต้องการมาเตือนเท่านั้น ทำไมต่างชาติเขาพัฒนาได้เร็วเพราะเขาให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้
“วันนี้ลองเปิดสื่อโซเซียลมีเดียดู เอากันใหญ่มาบอกผมไปบังคับ คสช. บังคับโน่นบังคับนี่ แล้วมาเขียนบอกว่าพ่อกูยังบังคับกูไม่ได้เลย สื่อโซเชียลมีเดียเป็นกันแบบนี้ ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาจัดการด้วยว่าจะทำอย่างไร ให้คนมีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่อย่างนั้นจะไปไม่ได้ วันนี้ต้องขอโทษด้วยที่พูดแรงบ้าง ทุกคนบอกว่าเป็นนายกฯต้องระวัง วันนี้ก็ระวังเต็มที่แล้ว แต่เป็นทหารก็ต้องทำให้ลูกน้องมีความฮึกเหิม ให้มีขวัญกำลังใจต้องแบบนี้แหละ แต่ผมไม่เคยใช้วิธีแบบทหารกับพวกท่านเลย ไม่ใช่คนไม่เห็นด้วยแล้วเอาไปฆ่าทิ้ง ที่ผ่านมาเรียกไปคุยเปลืองข้าวก็เปลืองขอทุกอย่าง ความสะดวกสบาย ก็ให้หมด สุดท้ายก็เหมือนเดิมสิ่งใดที่เป็นกฎหมายถ้าทำผิดก็ต้องรับผิด เขาเขียนไว้หมดแล้วอะไรต้องขึ้นศาลทหาร อย่างเช่นเรื่องที่มีผลกระทบต่อความสงบของประเทศ ก็เท่านั้น วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติทำไมก่อนหน้านั้นพวกที่เสนอมาทุกเรื่องจึงไม่เสนอมา” นายกฯ กล่าว